หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow เพื่อนพม่า...มิตรภาพหลังพายุนาร์กิส : อาภัสสร สมบุญวัฒนกุล
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 142 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

เพื่อนพม่า...มิตรภาพหลังพายุนาร์กิส : อาภัสสร สมบุญวัฒนกุล พิมพ์
Thursday, 18 June 2009

หลังจากที่วารสาร "ผู้ไถ่" นำเสนอประเด็น "เสียงจากผู้ไร้เสียง" โดยเฉพาะเสียงจากแรงงานข้ามชาติชาวพม่าที่อยู่ในประเทศไทย เพราะเราเห็นถึงปัญหาเรื่องทัศนคติเชิงลบของคนไทยที่มีต่อคนพม่า และเมื่อสื่อสารออกไปแล้ว ได้มีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จาก กลุ่มเพื่อนพม่า จังหวัดเชียงใหม่ สื่อสารมาให้เราได้ทราบว่า ยังมีกลุ่มคนไทยที่กำลังทำงานช่วยเหลือเพื่อนๆ ชาวพม่าที่ประสบภาวะทุกข์ยาก พยายามสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยและพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่มาจากประเทศพม่า เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยที่มีความแตกต่างและหลากหลาย พร้อมกันนี้ กลุ่มเพื่อนพม่าได้ส่งบทความ "มิตรภาพหลังนาร์กิส" มาให้ JP Thai จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อที่นี่ค่ะ...

..........................................................

เพื่อนพม่า...มิตรภาพหลังพายุนาร์กิส

อาภัสสร สมบุญวัฒนกุล

Imageหลังจากพายุนาร์กิสพรากชีวิตผู้คนในลุ่มอิรวดีนับแสนไปจากโลกใบนี้ ท่ามกลางความโศกเศร้าและสิ้นหวังจากความสูญเสีย ยังมีคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่อยากหยิบยื่นน้ำใจให้กับเพื่อนในยามยากไร้ ซึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างฉันกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างงดงามพร้อมกับความทรงจำดีๆ มากมาย นับตั้งแต่วันแรกที่ฉันได้รับอีเมล์จากเพื่อนชาวพม่าที่มหาวิทยาลัยว่าจะมีการไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ถนนคนเดินเพื่อระดมทุนช่วยเพื่อนผู้ประสบภัย ฉันตัดสินใจโดยไม่รั้งรอระดมพี่น้องเพื่อนฝูงไปร่วมขบวนด้วย วันนั้นฝนตกแต่พวกเราก็ยังยืนกันอยู่ท่ามกลางสายฝน ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงไม่ถึงสามชั่วโมงจะได้เงินมากว่าสองหมื่นห้าพันบาททั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศ

เงินบริจาคเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้เพื่อส่งผ่านไปให้ผู้ประสบภัยนาร์กิสที่รอความช่วยเหลืออยู่ในประเทศพม่าและจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความเข้าใจในสังคมไทย ภายใต้ชื่อ "กลุ่มเพื่อนเชียงใหม่เพื่อเพื่อนผู้ประสบภัยนาร์กิส" ที่ผ่านมากลุ่มของเราได้รับเงินบริจาคทั้งจากบุคคลและองค์กรต่างๆ กว่าสามแสนบาท และเราได้ดำเนินการช่วยเหลือไปแล้วหลายกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มของอาสาสมัครที่ลงไปทำงานกับชุมชน แม้ว่าความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยยังคงมีมากกว่าเงินบริจาคที่เรามีอยู่หลายเท่านัก แต่มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ไร้พรมแดนนั้นเทียบค่าไม่ได้เลยกับเงินที่เราได้มา

และความทรงจำอันงดงามเหล่านั้น ยังร่ายรำอยู่ในใจของฉันเสมอ

............................

เสียงเพลงเดือนเพ็ญจากการขับร้องของฉันจบลง ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมงานสามร้อยกว่าคน ที่หอประชุมในมหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา งานนี้ร่วมจัดโดยเพื่อนพ้องจากพม่าที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และเพื่อนพ้องคนไทย เพื่อช่วยระดมทุนไปให้พี่น้องชาวพม่าผู้ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กิส ฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่ใช่นักร้อง ฉันเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่อยากมาร้องเพลง...เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ประสบภัย และเพื่อนชาวพม่าที่อยู่ในไทย ให้สู้ต่อไปอย่างมีความหวัง

คืนนั้น...ฉันได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย

และคืนเดียวกันนั้นเอง ในฐานะผู้ประสานงานของกลุ่ม ทำให้ฉันต้องเดินทางไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อประสานกับทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของหมอซินเทีย แพทย์หญิงชาวกะเหรี่ยง ผู้ก่อตั้งคลินิกแม่ตาว เนื่องจากช่วงเวลาของการเดินทางไปแม่สอดครั้งนี้ตรงกับการจัดพิธีศพให้นายซอ บา ติน ผู้นำคนสำคัญแห่งกองทัพกะเหรี่ยงเคเอ็นยู (Karen National Union) ฉันจึงมีโอกาสเดินทางไปร่วมงานพิธีครั้งนี้โดยไม่ได้คาดหมายมาก่อน

ตอนแรกที่ฉันรู้ว่า บุคคลที่ฉันจะเดินทางไปร่วมงานศพเป็นใคร ฉันแอบอึ้งอยู่เงียบๆ เพราะชื่อของกองทัพเคเอ็นยู ฉันเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงการต่อสู้เพื่อปกป้องเผ่าชนของเขาจากรัฐบาลทหารพม่า ภาพความตายและความน่ากลัวของสงคราม ลอยเข้ามาในห้วงคิดคำนึงเป็นระยะๆ นอกจากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเลย...

รถของเราผ่านไปทางอำเภอทางสองยาง และศูนย์ลี้ภัยแม่หละ ที่เต็มไปด้วยกระท่อมมุงหญ้าคากระจายอยู่บนดอยสูงหลายลูก ฉันจำได้คลับคล้ายคลับคลา...ว่าฉันเคยโบกรถผ่านมาที่นี่ เมื่อเกือบสิบปีก่อนสมัยยังเป็นเด็กนักศึกษา

ตอนนั้นฉันกับเพื่อนนั่งอยู่ข้างหลังรถกระบะ ฉันเข้าใจว่าตัวเองมองเห็นทิวเขาสีน้ำเงินสดอยู่ลิบๆ แต่เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่า ที่แท้เป็นเต็นท์พักชั่วคราวของผู้อพยพจากฝั่งพม่า

เมื่อรถข้างหน้าเริ่มติดขัดทำให้รถของเราช้าลง ผู้คนนับร้อยนับพันที่อยู่ข้างทาง ได้เดินสวนรถของเรามา ภาพใบหน้าที่แบกความทุกข์หนัก...เหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลกของพวกเขา ยังติดตาฉันมาจนทุกวันนี้ ฉันได้เรียนรู้ต่อมาอีกหลายปีให้หลัง ว่าทำไมพวกเขาต้องหนีตายข้ามมาฝั่งไทย ได้รู้ถึงความโหดร้ายทารุณของรัฐบาลทหารพม่า...ที่ฆ่าคนได้ไม่เลือก แต่สิ่งที่ฉันรู้นั้น...เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ในพม่า-ต้องทนทุกข์มานานกว่าห้าสิบปี

เรือหางยาวพาพวกเราข้ามฟากฝั่งของแม่น้ำเมยไปสู่บริเวณงาน ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่ได้ตรวจกระเป๋าฉันเลย และแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเพื่อนใหม่ที่ฉันอาศัยร่วมทางมาด้วยได้รับการทายทักจากเพื่อนชาว KNU ไปตลอดทาง ซึ่งนับจากริ้วรอยประสบการณ์บนใบหน้าแล้ว พวกเขาเหล่านั้นน่าจะมีตำแหน่งสูงๆ กันแทบทุกคน ฉันเองก็ได้รับการแนะนำไปตลอดทาง ว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีมร่วมจัดงานระดมทุนช่วยผู้ประสบภัย เป็นใบเบิกทางที่ประกันว่าฉันมาดี ไม่ได้มีเลศนัยใดๆแอบแฝง และสังเกตเห็นว่า มีคนมาถ่ายรูปฉันเป็นระยะๆ ในใจแอบคิดว่า...คงได้ขึ้นแบล็คลิสท์ของรัฐบาลทหารพม่าเป็นแน่

อาหารและสถานที่ถูกจัดเตรียมอย่างง่ายๆ กลางป่าโปร่ง ทหารเคี้ยวหมาก แบกปืนยืนคุมเชิงเป็นจุดๆ ไป งานศพเป็นเหมือนช่วงเวลาที่จะทำให้พี่น้องญาติมิตรได้มาเจอกัน ผู้คนต่างวัยจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ทั่วงาน ฉันแอบยิ้มให้กับเสียงหัวเราะไร้เดียงสากับแววตาใสของเด็กๆ พวกเขาคงไม่ต้องรับรู้ว่าโลกของอำนาจข้างนอกนั้นร้ายกาจเพียงใด ฉันดีใจที่ได้เห็นเขามีความสุขกันบ้าง แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด ตลอดวันนั้น ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่มากมายหลายคน นอกจากการต่อสู้และวีรกรรมของพวกเขาแล้ว เพื่อนร่วมทางของฉันบอกว่าเขาไม่ได้เจอเพื่อนเก่าเหล่านี้มากว่าสิบปี ฉันดีใจมากที่ได้มาร่วมรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา และยิ่งทำให้ฉันตระหนักมากขึ้นไปอีกว่า เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา..

ในที่สุดเราได้พบหมอซินเทีย ใบหน้าสงบงามของหมอท่ามกลางแดดบ่ายอันแผดเผา ช่วยทำให้ฉันมีพลังได้อย่างประหลาด ฉันได้รับการบอกเล่าว่าหมอเป็นนักศึกษาแพทย์ที่หนีออกมาจากพม่าตั้งแต่ปี 1988 ที่มีการลุกขึ้นต่อต้านเผด็จการของนักศึกษา หมอและเพื่อนได้มาเปิดคลินิกที่แม่ตาวที่รักษาคนไม่เลือกว่าเป็นชาติหรือศาสนาใด จนได้รับการยอมรับจากทั้งทางรัฐบาลไทยและต่างประเทศ หมอได้รับรางวัลแมกไซไซ ด้วยความดีและความเป็นมนุษย์ที่แท้ของหมอ

คุณหมอยินดีที่จะร่วมงานกับทีมของเรา ซึ่งหมอบอกว่าช่วงนี้ที่คลินิกยังไม่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณ แต่ความต้องการเฉพาะหน้าคือความรู้ในการฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยที่เริ่มอพยพหนีตายออกมากันเรื่อยๆ คุณหมอจะนัดประชุมทีมในวันรุ่งขึ้นซึ่งเราสามารถเข้าร่วมประชุมกับทีมของหมอได้ ฉันโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ เพราะอย่างน้อยเงินน้อยนิดของเราจะสามารถกระจายไปให้กับองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือใต้ดินในพม่าอื่นๆ ที่ยังไม่มีชื่อเสียงได้ด้วย

ตอนเย็นเราข้ามฟากแม่น้ำเมยกลับมาด้วยความเบิกบานใจ รุ่งขึ้นอีกวัน ฉันรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะแรงกระแทกกับรถกระบะมาตลอดคืน เราไปถึงแม่ตาวคลินิกในตอนเกือบเที่ยง เพื่อนร่วมทางของฉันบอกว่าสภาพคลินิกแออัดกว่าปกติ ผู้คนเดินเข้าเดินออกกันตลอดเวลา ภาพชายหนุ่มนุ่งโสร่งกับใบหน้าคล้ำคมคายที่มีแป้งสีเหลืองปะอยู่ตามใบหน้า เริ่มชินตาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้รับการเชื้อเชิญอย่างสุภาพ ให้เข้าไปในห้องประชุม ที่ให้การต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น แม้ใบหน้าเหล่านั้นจะปนเปื้อนไปด้วยความอ่อนล้า...

"มีจุดตรวจของทหารอยู่แทบทุกไมล์ ถ้าเราขนของไปมากๆ ก็จะถูกยึด แล้วพวกเขาก็จะบอกเราว่า เขาจะเอาไปแจกเอง เราต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้พวกทหารพม่าไปตลอดทาง จะมีคนมายืนรอรับของอยู่ข้างถนน เขาไม่มีบ้าน ไม่มีที่กำบังฝน มีทั้งเด็กและคนท้อง"

พี่ๆ บอกเล่าเรื่องราวข้างในให้พวกเราฟัง ฉันพยายามขบคิดว่าสองมือของฉันจะทำอะไรได้บ้าง

"พวกเราไว้ใจรัฐบาลทหารพม่าไม่ได้ ถึงแม้พวกเขาจะให้คำสัญญาว่าจะรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินเหล่านั้นจะไม่เข้ากระเป๋าพวกเขาเอง คนที่สูญเสียทุกอย่างจะข้ามมาฝั่งไทยมากขึ้น แต่การข้ามมาฝั่งไทยไม่ใช่การแก้ปัญหา เราต้องเปลี่ยนแปลงจากในพม่าให้ได้" เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของเคเอ็นยูบอกกับฉัน

การเดินทางจากแม่สอดของฉันจบลงบนรถทัวร์มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ ฟ้ายังครึ้มดำไปด้วยเมฆหม่น ปรอยฝนยังคงโปรยปรายมาเป็นระยะ ฉันหวังว่าพรุ่งนี้-คงจะมีฟ้าสีทองของวันใหม่ สาดส่องมาให้ผืนแผ่นดินและผู้คนอีกครั้ง

..........................

สามเดือนมาแล้วสินะ ฉันและเพื่อนๆ ทางนี้ยังพบปะร่วมกิจกรรมกันอยู่เป็นระยะๆ แต่ข่าวคราวตามหน้าสื่อต่างๆ เริ่มน้อยลงจนแทบไม่เหลือเลย ฉันแทบไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ทางโน้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น และจะช่วยอะไรพวกเขาได้มากกว่านี้ จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคม ฉันได้ข่าวขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์อาสาสมัครเคลื่อนที่ในพื้นที่ประสบภัยนาร์กิสว่าต้องการเงินค่าผ่าตัดคนไข้ที่พึ่งคลอดลูกด่วน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,000 บาท เนื่องจากความช่วยเหลือเฉพาะรายบุคคลในลักษณะนี้ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของกลุ่มเรา ฉันจึงลังเลที่จะขอเงินบริจาคของทางกลุ่มมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้ แต่เพราะทุกชีวิตมีค่าและไม่อาจรอการเรียกประชุมเพื่อตัดสินใจใช้เงินกองทุน สิ่งที่ฉันทำได้จากสองมือ คือ การเขียนอีเมล์ไปบอกเล่าเรื่องราวและขอความช่วยเหลือจากเพื่อนพ้องโดยไม่ได้หวังอะไรมากมาย แต่ปรากฏว่า เพียงแค่วันรุ่งขึ้นยอดบริจาคกลับทะลุเป้าเกินกว่าที่ขอไปซะอีก!

ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายของฉันได้แต่ส่งผ่านไปกับข้อความขอบคุณพี่น้องเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า การได้เห็นน้ำใจอันงดงามของผู้คนตลอดการทำงานที่ผ่านมายิ่งทำให้ตัวฉันได้รับพลังชีวิตที่จะดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าและความหมายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การมีสถานะนักศึกษาของฉันเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งที่ฉันไม่ได้ทำงานเพื่อกลุ่มหรือองค์กรไหน แต่การทำงานด้วยหัวใจล้วนๆ ก็ยากที่ใครจะเข้าใจได้ จะมีใครเชื่อว่าฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากอยากเห็นสังคมดีขึ้น เท่าที่รู้ก็มีคนไทยไม่กี่คนที่ทำงานเกี่ยวกับประเด็นพม่า ยิ่งเป็นองค์กรของคนพม่าด้วยแล้ว ก็ยากที่จะเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าไปทำงานได้ ฉันพยายามทำความเข้าใจว่าการจะสร้างความเชื่อถือไว้วางใจในระระยะเวลาอันสั้นคงเป็นไปไม่ได้กับผู้คนที่ผ่านประวัติศาสตร์และความทรงจำอันขมขื่นยาวนาน เราจะไปเข้าใจเขาได้อย่างไรถ้าเราไม่ได้ตกอยู่สถานการณ์อย่างนั้น เราจะไปเข้าใจเขาได้อย่างไรเมื่อ บ้านของเราไม่ได้ถูกเผา ญาติของเราไม่ได้ถูกฆ่าตายหรือข่มขืน เราอยู่ไม่ได้แม้แต่ในประเทศของตัวเอง

ฉันก็ได้แต่หวังว่าวันเวลาจะทำให้สถานการณ์และความเจ็บปวดบอบช้ำของผู้คนได้รับการเยียวยา และความหวังใหม่ของฉันในวันนี้คือคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เติบโตมาบนความหลากหลาย พวกเขาจะต้องได้เรียนรู้ถึงความแตกต่าง ตลอดจนคุณค่าและความหมายของชีวิต และข้ามผ่านอดีตเพื่อมุ่งไปสู่อนาคตที่สันติของสังคมร่วมกัน

และวันหนึ่งฉันจะไปประเทศพม่าที่มีแต่ความสุขและสันติภาพ...กับเพื่อนพม่าของฉัน

..............................

หมายเหตุ: ปัจจุบันกลุ่มของพวกเราได้ใช้ชื่อว่ากลุ่ม "เพื่อนพม่า" หรือ "Friends of Burma" ซึ่งจะทำงานรณรงค์สร้างความเข้าใจระหว่างคนไทยและเพื่อนๆ ที่มาจากประเทศพม่าในเขตจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงยังทำงานระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่อไป หากท่านใดสนใจจะร่วมสนับสนุน กลุ่มของเราก็ยินดีค่ะ

..............................

ท่านสามารถติดตามอ่านบทความนี้ไ้ด้ที่เว็บประชาไท และสาละวินโพสต์ นะคะ


Image


 



ความคิดเห็น
..
เขียนโดย แชม เปิด 2010-05-24 14:14:56
น่าสนใจดี

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >