หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow เสวนา ก้าวผ่านความรุนแรงด้วยศาสนธรรม (ตอนที่ 6) โดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 84 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

เสวนา ก้าวผ่านความรุนแรงด้วยศาสนธรรม (ตอนที่ 6) โดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์ พิมพ์
Wednesday, 12 November 2008

 กลับไปอ่าน ตอนที่ 1  ตอนที่ 2  ตอนที่ 3  ตอนที่ 4 และ ตอนที่ 5 ก่อน

------------------------------------------------

-ตอนที่ 6-

Imageปุจฉา : ปัจจุบัน ชีวิตมนุษย์เราไม่ค่อยมีความสุข ไม่ค่อยได้ยิ้ม ไม่ค่อยมีน้ำใจให้กัน จะทำอย่างไรให้เรามีความสุขมากขึ้น

วิสัชนา : ผมไม่มีคำแนะนำ แต่ที่ผมทำได้ คือ ผมเรียนรู้ว่าช่วงไหน ผมได้พบกับความสุข และความสุขที่พบ ผมกลับพบว่าเป็นความสุขที่สุด แต่ในสายตาคนอื่นผมกลับตกต่ำที่สุด ผมเล่าเรื่องนี้ทุกครั้ง เมื่อมีโอกาสได้สนทนากับผู้คนที่สนใจประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมเล่าเรื่องที่ผมไปพักที่วัดศรีเฉลิมเขต อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี หลังจากเดินมาทั้งวันจาก อ.อู่ทอง จนมืดค่ำ ผมได้หยุดพักที่วัดแห่งนี้ เจ้าอาวาสอนุญาตให้ไปพักที่ศาลา เมื่อเข้าไปที่ศาลา ผมเอื้อมมือไปเปิดประตูเหล็กที่ปิดไว้จนทำเสียงดัง เสียงเห่าของเจ้าถิ่นหลายตัวได้ดังขึ้นมาจากข้างในศาลาที่ไม่มีแสงไฟ ในตอนนั้นผมเหนื่อยมาก จึงนั่งลงตรงประตูที่เลื่อนเปิด ที่พอแทรกตัวเข้าไปได้ และกล่าวกับเพื่อนเหล่านั้นว่า "ผมเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย อย่ารังเกียจผมเลย ผมไม่ได้มีจิตคิดเบียดเบียนผู้ใดเลย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เรามาเป็นมิตรเป็นเพื่อนกันเถิด คืนนี้ผมจะไม่รบกวนอะไรมากไปกว่านี้ ผมขอนอนตรงนี้" เขาจึงเลิกเห่า (ไม่ใช่ว่าเขาฟังผมพูดรู้เรื่อง) ผมใช้ผ้าเช็ดเท้าที่อยู่ตรงหน้าศาลาเช็ดฝุ่น และล้มตัวลงนอนเพราะเหนื่อยมาก และหลับไป มารู้สึกตัว จำได้แต่เพียงว่าตนเองมีความสะลึมสะลือ ไม่รู้ตัวว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มาจากไหน รู้สึกได้เพียงแค่ว่าบรรยากาศตอนนั้น เราอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่มีกลิ่นเหม็นสาบ และมีอะไรมาสะกิดที่สีข้าง ผมพยายามจะทบทวนความทรงจำ เอื้อมมือไปสัมผัสว่ามีอะไรอยู่ข้างๆ  จนได้สัมผัสกับหนังสุนัขที่ไม่มีขน และมีความทรงจำได้ว่าเราได้เดินมาขอหลวงพ่อที่วัดแห่งนี้นอน และท่านให้มานอนที่ศาลา ตอนเข้ามา เพื่อนเหล่านี้ไม่อนุญาตให้เข้าไปนอนข้างใน จึงนอนที่ทางเข้าศาลา ตอนนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาได้ ก็เกิดความรู้สึกปิติยินดี ที่หมาเหล่านั้นไม่รังเกียจและเป็นมิตรกับเราแล้ว พอเอามือไปลูบตัว มันแสดงอาการพอใจที่มีคนเอามือไปลูบ ผมมีความสุขมาก เอามือไปลูบหนังหมา บอกไม่ถูกว่าความสุขนั้นมีความหมายว่าอย่างไร แต่เกิดความรู้สึกถึงคุณค่า ถ้าคืนนี้ผมสิ้นลมไปตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เพราะร่างกายทรุดโทรมจนกระทั่งขาดใจตาย ถ้าเราตายไป หมาเหล่านี้คงไม่มานอนด้วย แต่เพราะเรายังมีลมหายใจ ยังมีชีวิต จึงมีไออุ่น ทำให้หมาเหล่านี้ได้ประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ มันจึงมานอนด้วย ความรู้สึกตอนนั้น มันเกิดความรู้สึกภายในใจ ไม่ใช่ความคิด ที่ว่าชีวิตนี้ยังมีคุณค่า เพียงแค่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็มีไออุ่นให้กับเพื่อนร่วมโลกได้ พอระลึกนึกได้แค่นั้น ผมจึงเอามือลูบหมาเหล่านั้น และนอนหลับต่อไปอีก ผมไม่มีข้อคิดอะไรมากมายในตอนนั้น แต่จำได้ว่าหลังจากผ่านคืนนั้น ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและเดินต่อ ได้นั่งรวบรวมความคิดว่าเมื่อคืนผมเจออะไร จดบันทึกไว้ในสมุด เหมือนได้ขึ้นสู่สวรรค์อันสูงสุดที่ผมเคยปรารถนามานานแล้ว นี่คือการจุติ อุบัติในพิภพหรือในภพที่สูงส่ง บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร บทเรียนครั้งนั้นได้ตราตรึงอยู่ในใจ ได้ทบทวนว่าทำไมผมไม่พบความสุขที่สุด ในตอนที่ผมได้นอนที่โรงแรมห้าดาว ทำไมผมไม่พบความสุขที่สุดในตอนที่ผมนอนในที่รโหฐาน สะอาด ไม่พบเลย

ผมยังจำความหมายอันดีงามได้ ทุกครั้งที่มีการสำรวจบุคคลอันเป็นที่รักของชาวอินเดียในปัจจุบัน แน่นอนมีหลายคน แต่คนที่เป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่ท่านมหาตมะ คานธี หรือรัฐบุรุษนักการเมืองท่านใดเลย แต่เป็นแม่ชีเทเรซา ผู้ติดอันดับหนึ่งมาไม่รู้กี่สิบปี ผมเข้าใจเลยว่าทำไมแม่ชีเทเรซาถึงเป็นที่หนึ่งในความรู้สึกของประชาชนชาวอินเดีย เพราะชาวอินเดียรู้ว่าคนที่เป็นที่หนึ่ง คือ คนที่ไม่ได้ทำอะไรใหญ่เลย แต่เป็นคนที่อยู่กับคนทุกข์ยาก อยู่กับคนที่รันทด ถ้าไม่มีท่านคนเหล่านั้นจะอยู่อย่างไร จะมีใครช่วยเหลือหรือไม่ แต่ท่านใช้ชีวิตทั้งชีวิต ทั้งที่ท่านมีทางเลือก แต่ท่านก็เลือกหนทางนี้ด้วยความเต็มใจ นี้คือความหมายที่ยิ่งใหญ่ และผมได้รู้จักตัวเองว่า ทำไมผมถึงมีความสุขกับคืนนั้นเป็นที่สุด จนวันนี้ก็ยังไม่ลืม นำมาเล่าได้ ขณะที่เล่ายังมีความหมายของความสุขอยู่ในใจผมเลย เพราะฉะนั้นคำพูดของผมที่จะตอบ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเราจะมีความสุขได้อย่างไร แต่พูดได้ว่าเราจะมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้ อยู่ที่ว่าการมีชีวิตอยู่ ก่อให้เกิดอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นความสุขและเป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่ ผมสะเทือนใจ และความสะเทือนใจ ทำให้ผมรู้สึกตระหนัก เพียงแค่เรามีไออุ่น หมามันมีความสุข และเรามีความสามารถที่ทำมากกว่านั้น แล้วทำไมเราจึงไม่ทำ


คนบ้า...ในสายตาคนอื่น


Imageจำได้ว่าตอนที่ผมออกเดิน นักศึกษาที่เป็นลูกศิษย์ได้นำหนังสือพิมพ์ของเมืองเชียงใหม่ ที่พาดข่าวว่า ดร.เพี้ยน ออกจากราชการแล้วเดิน นักศึกษาโกรธหนังสือพิมพ์ว่าทำไมถึงทำเช่นนี้ ผมบอกว่า"โกรธเขาทำไม เขาให้เกียรติอาจารย์คุณ ข่าวอื่นมีตั้งมากมาย  เขายังไม่ลง แต่ลงข่าวของครู คุณควรดีใจ และที่สำคัญคุณรู้ไม่ใช่หรือว่าผมไม่ได้เพี้ยน คุณรู้ดีกว่าสื่อมวลชน" ผมเข้าใจว่าผมไม่มีคำอธิบายเป็นคำพูด ตอนที่ผมทำสิ่งนี้ ผมเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัย เมื่อผมประกาศว่าจะไม่สอนหนังสือแล้ว นักศึกษาคงไปพูดอะไรกันต่อที่ทำให้เกิดความสงสัย จนกระทั่งบางคนมานั่งวิเคราะห์ ว่าคนที่ทำเช่นนี้มี 2 จำพวก คือ คนที่บ้า หรือคนที่เป็นอัจฉริยะ แต่คนส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าน่าจะบ้ามากกว่า แต่ผมก็มีความสุข เพราะขณะที่ผมเดินไป มีคนจำนวนมากคิดว่าผมบ้า ครั้งหนึ่งผมกลับไปเยี่ยมคนที่เคยช่วยเหลือผมและถามเขาว่า รู้ว่าผมไม่บ้าตอนไหน เขาบอกว่า "รู้ว่าไม่ใช่คนบ้า ตอนที่เขาสบตาแล้วผมยิ้มให้" มีคนหนึ่งที่พูดชัด เขานับถือศาสนาคริสต์ เป็นเจ้าของร้านอาหาร อยู่ที่ อ.ประทิว จ.ชุมพร และเขามีคำพูดที่ดีมาก เป็นคำพูดที่พูดกับภรรยาผม หลังจากที่ผมพบกับเขาและเขาขอเบอร์โทรศัพท์ และได้โทรไปหาภรรยาผมเมื่อผมผ่านไปแล้ว โดยแจ้งให้ภรรยาผมทราบว่าได้พบผม ภรรยาผมจะจดบันทึกไว้ในสมุดทุกครั้ง เมื่อมีผู้แจ้งข่าวมา เธอบันทึกว่า "คุณอุทิศ โทรมาเมื่อเวลา... แจ้งข่าวว่าได้พบผม ผมมีดวงตาที่สุกใส และเขาไม่เคยพบใครที่มีความสุขเช่นนี้มาก่อน" ผมเข้าใจว่าในความหมายของคุณอุทิศ เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก ดวงตาสุกใส ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนมีสุข แต่ไม่รู้ว่าจะมีคนสังเกตเห็น สิ่งที่ผมพูดเพื่อเป็นการยืนยันว่า เมื่อใดจิตใจเรานุ่มนวล อ่อนโยน เราจะเห็นโลกใบนี้น่ารัก โลกใบนี้สวยงาม และเมื่อโลกใบนี้สวยงาม เราจะมีการเปลี่ยนไป

ปุจฉา : รู้สึกว่าอาจารย์ใช้ชีวิตอย่างมีสาระ เหมือนไม่มีสาระแต่มีสาระ เพราะว่าเวลานี้คนเราจะสอนว่า คิดทำอะไรต้องทำใหญ่เข้าไว้ แต่อาจารย์เก็บทุกเม็ดเล็กๆ เอาไว้ เหมือนที่แม่ชีเทเรซาบอกไว้ว่า ทำสิ่งเล็กๆ แต่ทำด้วยหัวใจที่ใหญ่ๆ ให้กับพระเป็นเจ้า  ให้กับเพื่อนพี่น้อง สำหรับศาสนาอันที่จริงแล้วมีความเป็นสากลไม่ได้มีขอบเขต ข้อคิดที่อาจารย์ได้ให้ รู้สึกว่าหลายอย่างเป็นประโยชน์ที่รู้สึกคล้อยตามเห็นด้วย และขออนุญาตนำไปใช้สำหรับชีวิต เก็บเม็ดเล็กๆ ที่มีประโยชน์ที่เราได้มองข้ามไปในชีวิตของเรา เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับตัวเองและคนอื่นด้วย

ปุจฉา : ตั้งใจที่จะมาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งตอนแรกติดประชุมของคณะ (นักบวชหญิง) แต่การประชุมเสร็จก่อนเวลา พระเป็นเจ้าโปรดให้มาประชุมในบ่ายวันนี้ได้ จริงแล้วสิ่งที่อาจารย์แบ่งปันเป็นสิ่งเล็กๆ แต่เห็นว่าสิ่งเล็กน้อยนี้ ทำให้โลกมีความสุข คิดว่ากลับไปบ้านจะพยายามทำให้ความโกรธ เกลียดที่มีอยู่ในใจลดน้อยลง เมื่อได้ฟังอาจารย์พูด ได้คิดย้อนหลังในเรื่องที่เรามีความรู้สึกโกรธ เกลียดอยู่ในใจ จึงขอแบ่งปันถึงแม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ยังอยู่ในใจ และอยากจะถามว่าจะทำอย่างไรให้หายไป คือ ที่โรงเรียนมีต้นไม้อยู่ 2 ต้น ต้นไม้นี่อยู่หน้าโรงเรียนและกำลังขึ้นสวยงาม ตัวเองเป็นคนรักต้นไม้ ต้นไม้สองต้นขึ้นประสานกัน เป็นไม้เลื้อยที่สมดุลกันและออกดอกสวย วันหนึ่งคนสวนที่โรงเรียนได้ขุดต้นไม้ต้นนั้นออกโดยไม่ได้ขออนุญาต และนำไปปลูกหลังบ้าน ซึ่งอยู่ในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น นึกในใจว่าทำไมถึงโง่อย่างนี้ โมโหมาก ทำให้มีความโกรธเกลียดในใจ โกรธคนนั้นมาก ขอให้ต้นไม้ตาย และต้นไม้นั้นได้ตายจริงๆ ทุกวันนี้มองไปที่ร่องรอยของต้นไม้ ได้พบว่าพระเป็นเจ้าโปรดให้ต้นไม้อื่นเลื้อยขึ้นมาอีก และออกดอกสวยงามได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะขาดต้นนั้นไป นึกย้อนไปว่าทำไมเราต้องโกรธเกลียดขนาดนั้น สิ่งที่อาจารย์พูดในวันนี้ เป็นแรงกระตุ้นให้พยายามทำให้ความเกลียดที่มีอยู่ในใจจางหายไป

Imageอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตั้งแต่เปิดปีการศึกษามา ที่โรงเรียนมีกลุ่มเด็กยากจนที่ได้ช่วยเหลือ  ซึ่งมีเด็กคนหนึ่งที่มีปัญหา คุณแม่ซึ่งเป็นคาทอลิกใหม่และมีสามีใหม่ แม่ซึ่งไม่ไว้วางใจสามีใหม่ ได้นำเด็กคนนี้มาฝากกับซิสเตอร์ไว้ที่โรงเรียนตั้งแต่เปิดเรียน วันหนึ่งเด็กมาบอกว่า คิดถึงแม่มาก อยากกลับบ้าน  บ้านซึ่งไม่ไกลเท่าไร นั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมง แต่แม่ไม่มีค่ารถรับส่งให้ ซิสเตอร์บอกให้อดทน ไว้เมื่อปิดภาคเรียน หรือหยุดเรียนหลายๆ วัน จะอนุญาตให้กลับบ้าน เด็กกลับแกล้งทำตัวไม่สบาย เพื่อจะได้กลับบ้าน สุดท้ายเมื่ออาทิตย์นี้ ทำตัวไม่สบายอีก หายใจไม่ออก ขาสั่น แต่สังเกตแล้วรู้สึกว่าเด็กแกล้งทำ เพราะอยากกลับบ้าน และเข้าใจว่าแม่ก็คิดถึงลูกด้วย เพราะสายสัมพันธ์ของทั้งสองที่มีมาก แต่เราจะปล่อยให้เด็กกลับบ้านไป ทั้งๆ ที่เขาจะมีอันตรายและแม่ก็ยากจน เราซึ่งหวังดีกับเขามาก ช่วยให้เขาได้เรียนในโรงเรียนที่ดี อธิบายเหตุผลครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็บอกว่า ซิสเตอร์เรียกแม่หนูมา เราจะได้ตกลงกัน ซิสเตอร์บอกว่า ให้กลับไปตกลงกับแม่หลายครั้งแล้ว แม่ไม่ให้หนูกลับบ้าน เด็กก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายจึงมีอารมณ์โกรธ ได้ตีเขา ที่เขาไม่เข้าใจ อารมณ์โกรธอยู่ในตัวเราอีกแล้ว อยากถามว่าแล้วจะทำยังไง ในเมื่อเราหวังดีกับเขา แต่เขาไม่รับความหวังดีจากเรา สุดท้ายเมื่อตกลงกับแม่แล้ว ว่าจะไม่ได้กลับบ้านเพราะที่บ้านมีปัญหา ซิสเตอร์ขอบังคับให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะจบภาคเรียนนี้ หลังจากนั้นจะเอายังไงก็แล้วแต่ จะอยู่บ้านไม่เรียนหนังสือ หรือจะไปเรียนที่อื่นก็ได้ เขาก็เปลี่ยนอารมณ์ทันที ยิ้มแย้มขึ้นมา เหมือนกับว่าได้ถูกบังคับแล้ว ทำให้กลับมาคิดว่าเราเมตตาปราณีเขามากเกินหรือเปล่า หรือการบังคับลงโทษเขาแล้วจะทำให้เกิดผลดี อยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์


วิสัชนา : ที่สำคัญเด็กเหล่านี้มีปัญหา ซึ่งเราต้องให้ความรัก ความเมตตากับเขา ตอนที่ไม่ได้เป็นครูแล้ว แต่ยังมีความผูกพันกับนักศึกษาอยู่ วันหนึ่งนักศึกษาได้มาพบผมพร้อมกับเพื่อน และร้องไห้ที่ถูกแฟนทิ้ง ผมทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเขาร้องไห้ ผมเลยร้องไห้ด้วย และกอดเขา พอผมกอดเขา เขาก็หยุดร้องและลาผมไป หลังจากนั้นเพื่อนเขามาบอกว่า นับจากวันนั้นเพื่อนเขาไม่ร้องไห้อีกเลย

ชีวิตคือของขวัญ ชีวิตแต่ละวันคือพระพร และความสวยงาม ฉะนั้นใครสามารถพบตรงนี้ได้ ถือเป็นเคล็ดลับของความสุขในชีวิตแต่ละคน และตรงกับคำสอนที่พระได้สอนว่า ชีวิตที่เราแต่ละคนมี คือพระพร คือของขวัญจากพระ พระพรได้รับอยู่ทุกวัน เพียงแต่เราจะเห็นคุณค่าหรือไม่ ใจของเราจะมีความละเอียดอ่อนจะเห็นพระพรนี้หรือไม่ หรือจะมองผ่านเลยไป เหมือนฝนตกลงมาจากฟ้าให้กับทุกคน ใครจะได้รับไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเอามือไปรับหรือเอาอะไรไปรับ

Image

 

ความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >