จดหมายข่าว ยส. ฉบับที่ 1 ปี 2550
งานกรณีศึกษาชุมชน เรื่อง “นโยบายการพัฒนากระแสหลักที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์บนจุดยืนของศาสนจักรฯ”
หลังจากที่ ยส. ได้ประสานกับผู้อำนวยการศูนย์สังคมพัฒนาฯ เพื่อเลือกชุมชนที่จะทำการศึกษา ได้แก่ ชุมชนบ้านโคกสะอาด อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร, ชุมชนบ้านขุนแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่, ชุมชนบ้านท่าผักชี อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และชุมชนบ้านทุ่งมะพร้าว อ.กระบุรี จ.ระนอง เจ้าหน้าที่ ยส. ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานทั้งด้านกายภาพ ประวัติศาสตร์ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ศาสนา และวัฒนธรรม พร้อมทั้งข้อมูลสภาพปัญหาของหมู่บ้านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเข้ามาทำงานของศูนย์สังคมพัฒนา ของหน่วยงานรัฐและเอกชน ตลอดจนผลกระทบจากโครงการพัฒนาต่างๆ หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบของนโยบายการพัฒนาของรัฐที่เข้าสู่หมู่บ้าน ชุมชน และส่งผลต่อความสัมพันธ์ภายในชุมชน เพื่อนำมาสรุปเป็นตัวอย่างบทเรียนต่อการทำงานพัฒนาสังคมของพระศาสนจักรให้แก่ชุมชนและศูนย์สังคมพัฒนา และใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา / ปรับปรุงการทำงานของศูนย์สังคมพัฒนาต่อไป
เสวนาระดมความคิดเห็นและความเข้าใจต่อร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๕๐ ต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพในการนับถือศาสนา
จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุม ชั้น ๑๐ อาคารสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ช่องนนทรี กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย พระคุณเจ้าปัญญา กฤษเจริญ เลขาธิการ สภาพระสังฆราชฯ, พระคุณเจ้าบรรจง ไชยรา ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายสังคม, พระสงฆ์ และซิสเตอร์ ตลอดจนผู้รับผิดชอบในคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ของสภาพระสังฆราชฯ และฆราวาสคาทอลิกในวิชาชีพต่างๆ รวม ๒๔ ท่าน ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนาได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นการบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ได้พูดคุยกันถึงการแสดงจุดยืนของคริสตชนต่อประเด็นนี้ นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้สมาชิกพระศาสนจักรควรมีบทบาทในการศึกษาเชิงวิเคราะห์ต่อประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องด้วยประเด็นศาสนา เป็นประเด็นที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยในขณะนั้น ผู้เข้าร่วมจึงประสงค์ไม่ให้เสนอข้อคิดเห็นจากที่ประชุมออกสู่สาธารณะ
เสวนาร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๕๐
สืบเนื่องจากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการแล้วเสร็จจนได้ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับรับฟังความคิดเห็น และอยู่ในขั้นตอนให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นที่มีต่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.) จึงเห็นว่า ควรมีการให้ข้อมูลพร้อมทั้งเปิดเวทีให้คริสตชนผู้มีความสนใจต่อประเด็นด้านการเมือง ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ๒๕๕๐ นี้ จึงได้จัดเสวนาขึ้นเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ณ ห้องประชุม ชั้น ๑๐ อาคารสภาพระสังฆราชฯ โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา อาทิ พระคุณเจ้าบรรจง ไชยรา ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายสังคม, พระสงฆ์ผู้รับผิดชอบในคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ของสภาพระสังฆราชฯ, ซิสเตอร์จากคณะนักบวชต่างๆ, เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสภาพระสังฆราชฯ, อาจารย์และนักศึกษาจากโรงเรียนในเครือคาทอลิก รวม ๒๕ ท่าน
ในการเสวนาครั้งนี้ ยส. ได้เชิญ คุณไพโรจน์ พลเพชร สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มาเป็นวิทยากร คุณไพโรจน์ได้นำเสนอให้เห็นภาพเปรียบเทียบระหว่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ กับ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปี ๒๕๕๐ คุณไพโรจน์ได้ชี้ให้เห็นทั้งข้อดีและข้อด้อยของรัฐธรรมนูญปี ๕๐ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี ๔๐ โดยสรุปแล้วคือ เห็นว่าแม้ร่างรัฐธรรมนูญปี ๕๐ จะยังมีปัญหาในเรื่องที่มาของวุฒิสมาชิกและเรื่องระบบการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาโครงสร้างความขัดแย้งในระดับบน แต่เห็นว่าในเรื่องของการให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนโดยเฉพาะการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมีมากขึ้น เช่น การให้ประชาชนในท้องถิ่นดูแลจัดการทรัพยากรในชุมชนของตน ลดอำนาจองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นลง ถือได้ว่าเป็นการลดอำนาจส่วนกลางและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมากขึ้น และในระยะยาวจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รวมทั้งในเรื่องสื่อสารมวลชน ซึ่งรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ได้พยายามแก้ปัญหาการผูกขาดข้ามสื่อ ห้ามนักการเมืองถือหุ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมเป็นเจ้าของในสื่อวิทยุโทรทัศน์ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ที่มีการเอียงข้าง อันมีตัวอย่างจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนาได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ ทั้งเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง การมีบทบาทของประชาชนต่อการเมือง และวิธีการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ประชาชนจะต้องให้ความสำคัญ พร้อมกันนี้ยังได้มีข้อเสนอให้บุคลากรที่ทำงานในสถาบันการศึกษาทำหน้าที่ให้ความรู้แก่นักศึกษาในเรื่องรัฐธรรมนูญปี ๕๐ นี้ต่อไป
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ของ ยส. ครั้งที่ ๑
จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๐ ที่บ้านสวนยอแซฟ อ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้เข้าร่วมค่ายฯ ประกอบด้วย เยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ - ๕ จาก ๙ โรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ ราชบุรี นครปฐม ศรีสะเกษ และปทุมธานี รวมจำนวน ๑๖ คน ซึ่งการจัดค่ายในครั้งนี้เยาวชนได้เรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนผ่านกิจกรรมสัมผัสชีวิตที่บ้านกาญจนาภิเษก และกิจกรรมฐานเส้นทางสู่สิทธิมนุษยชน ได้แก่ ฐานกล้วยของฉัน ซึ่งให้สาระว่า มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เราไม่ควรมองและตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ฐานบันไดชีวิตสิทธิของฉัน ให้ความรู้เรื่องสิทธิด้านต่างๆ ของมนุษย์ ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย ฐานจินตนาการของฉัน ให้สาระว่ามนุษย์ทุกคนมีความคิดมีจิตวิญญาณและมีจินตนาการติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งถือเป็นสิ่งพิเศษที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์และพืช และจะมีใครมาแย่งชิงสิ่งนี้ไปจากเราไม่ได้ ฐานสีแห่งสามัคคี สอนว่ามนุษย์เกิดมาเท่าเทียมกัน แม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็ต้องอยู่ร่วมกัน จึงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีกัน อีกทั้งให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของตนเองต่อครอบครัว ชุมชน และสังคม และมีการทำความเข้าใจในเรื่องสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมทั้งการระดมความคิดเห็นต่อวิถีปฏิบัติสิทธิมนุษยชนที่เยาวชนสามารถปฏิบัติต่อกันในสังคม
เยาวชนปกาเกอะญอกับกิจกรรมฐานสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๐ ณ บ้านขุนแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีเยาวชนปกาเกอะญอเข้าร่วม ๘๕ คน เยาวชนได้เรียนรู้สิทธิด้านต่างๆ ผ่านกิจกรรมฐาน ได้แก่ ฐานสีแห่งสามัคคี ฐานชุมชนแห่งสิทธิ ฐานบันไดชีวิตสิทธิของฉัน ฐานกล้วยของฉัน และฐานกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ให้เยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยาก และมีประโยชน์มากต่อพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รู้จักรักษาสิทธิที่เขามีอยู่ ในฐานะที่เป็นชาติพันธุ์เช่นเดียวกับการไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น
อบรมสิทธิมนุษยชนศึกษาให้แก่ครูโรงเรียนต่างๆ
ระหว่างวันที่ ๒๘ – ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๐ ณ โรงเรียนดรุณากาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ภายใต้การดูแลของนักบวชคณะผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ การอบรมสิทธิมนุษยชนศึกษาครั้งนี้ ได้อบรมให้แก่ครูผู้สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๗๒ คน ซึ่งช่วยให้ครูได้เข้าใจสาระสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง เช่น ปฏิญญา สากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และสิทธิเด็ก นอกจากนี้ครูยังได้เขียนแผนการเรียนรู้ สิทธิมนุษยชนตามสาระวิชาและช่วงชั้นที่สอน
ระหว่างวันที่ ๒ – ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ อบรมครูจากโรงเรียนเขต ๖ ของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ณ โรงเรียนราษฎร์บำรุงศิลป์ จ.อยุธยา ภายใต้การดูแลของนักบวชคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ ผู้เข้าอบรมได้แก่ครูผู้สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๓๕ คน
ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ อบรมครูโรงเรียนอรุโณทัย จ.ลำปาง ภายใต้การดูแลของนักบวชคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ ครูผู้สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๙๘ คน เข้ารับการอบรม ซึ่งครูได้เข้าใจสาระสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้อง เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก และสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมทั้งได้เขียนแผนการเรียนรู้ สิทธิมนุษยชนตามสาระวิชาและช่วงชั้นที่สอน การอบรมที่นี่ครูให้ความสนใจในเนื้อหาและร่วมกิจกรรม รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากทั้งนี้ การจัดอบรมครูทั้ง ๓ โรงเรียนนี้ ผู้บริหารซึ่งเป็นนักบวชหญิงเห็นความสำคัญของการสอนสิทธิมนุษยชน จึงสนับสนุนให้เกิดการจัดกิจกรรมอย่างเต็มที่
Powered by AkoComment 2.0! |