บทความล่าสุด |
---|
ไร่หมุนเวียน กับบทบาทการรักษาพันธุ์พืชและความมั่นคงทางด้านอาหาร |
Tuesday, 23 January 2024 | ||||
บือพอ...ถาวร กัมพลกูล
ท่ามกลางกระแสการพัฒนาตามแนวทางทุนนิยมและบริโภคนิยม รัฐบาลได้มุ่งเน้นให้ประเทศพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองและอุตสาหกรรมเป็นหลัก ในขณะที่ได้ละเลยการให้ความสนใจภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะเกษตรพื้นบ้านที่มีอยู่ในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความมั่นคงด้านอาหารของสังคมไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้บทบาทของเกษตรพื้นบ้านในชุมชนท้องถิ่นเริ่มสั่นคลอน หากเป็นเช่นนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านอาหารของสังคมไทยในอนาคตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไร่หมุนเวียน คือรูปแบบการเกษตรพื้นบ้านอย่างหนึ่งในชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ นับเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับทางออกแห่งการดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงทางด้านอาหาร สั่งสมองค์ความรู้ด้านการดำรงรักษาพันธุ์พืชพื้นเมืองหลากหลายชนิด ซึ่งหมายถึงความสามารถในการดำรงรักษาความมั่นคงทางด้านอาหารนั่นเอง จากการสำรวจเก็บข้อมูลของผู้เขียนในชุมชนปกาเกอะญอบ้านแม่จอกหลวง หมู่ ๘ ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พบว่ามีการปลูกพันธุ์พืช ๖๐ ชนิด ๑๓๐ สายพันธุ์ การที่ไร่หมุนเวียนมีความสามารถที่รองรับการปลูกพันธุ์พืชหลากหลายชนิดเช่นนี้ เนื่องจากภูมินิเวศเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะแก่การเกษตรผสมผสาน เพราะพันธุ์พืชแต่ละชนิดมีคุณลักษณะของการเจริญเติบโตและความต้องการในด้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งสภาพพื้นที่ไร่หมุนเวียนสามารถเอื้ออำนวยให้หมด ทั้งผ่านทางการจัดการทางธรรมชาติและการจัดการโดยมนุษย์ พืชที่ต้องการร้าน เช่น ถั่ว มัน มะระ บวบ น้ำเต้า ขณะถางไร่มีการเก็บร้านไว้ให้ โดยจะละเว้นการตัดต้นไม้บางต้นที่เห็นว่าเหมาะแก่การทำร้าน เรียกต้นไม้นี้ว่า "เส่เตอะเร" หรือไปปลูกไว้ริมไร่ใกล้กับรั้ว พืชก็อาศัยรั้วเป็นร้าน พืชบางอย่างต้องการธาตุอาหารมาก เช่น เผือก ก็จะปลูกลงในกองขี้เถ้าที่เรียกกันว่า "ยุ" หรือปลูกใต้ต้นไม้ลิดกิ่งที่มีขี้เถ้ามากกว่าที่อื่น เพราะการลิดกิ่งเป็นการลดขนาดของไม้ลง เมื่อขนาดลดลง การทับถมกันแน่นหนามากกว่า การเผาไหม้จะดีกว่า จึงได้ขี้เถ้ามากกว่า หรือปลูกลงในขอนไม้ผุที่ถูกเผาไหม้เหลือเพียงเถ้าถ่าน พืชบางอย่างขึ้นได้ดีในพื้นที่ดินเหนียวก็จะปลูกลงบนจอมปลวก เช่น พริก มะเขือ พืชบางอย่างต้องการความชื้นสูงก็จะปลูกลงในริมลำห้วย ลำธาร เช่น ฟักทอง ผักกาด ผักจีน พืชบางอย่างจะเจริญเติบโตได้ดีเมื่อปลูกแซมกับข้าว ได้แก่ แตงกวา บวบแคระ หากปลูกแยกจากข้าวจะงอกไม่ดีเท่า และจะสูญพันธุ์ไปในที่สุด พืชบางอย่างเจริญเติบโตได้ดีต้องอาศัยการเผาไหม้ เช่น ผักห่อวอ หากปลูกในพื้นที่ที่ไม่มีการเผาไหม้ของเศษไม้จะงอกไม่ดีเท่า และจะสูญพันธุ์ไปในที่สุดเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าไร่หมุนเวียนเป็นพื้นที่ที่เอื้ออำนวยและช่วยก่อให้เกิดพันธุ์พืชพื้นเมืองที่หลากหลาย และความหลากหลายทางพันธุ์พืชเหล่านี้นี่เอง ทำให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งตนเองและมีความมั่นคงทางอาหารอย่างแท้จริง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการเกษตรรูปแบบไร่หมุนเวียนกลับได้รับการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากสังคมภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรัฐ รัฐพยายามผลักระบบนี้ออกไป และนำเอาระบบใหม่เข้ามาแทนที่ คือรูปแบบการเกษตรที่ใช้ที่ดินซ้ำอยู่กับที่และปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งรูปแบบนี้ได้ตัดตอนความมั่นคงทางด้านอาหารอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ความมั่นคงทางด้านอาหารในชุมชนปกาเกอะญอที่มีรูปแบบการเกษตรไร่หมุนเวียนมีความสั่นคลอน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐต้องให้การยอมรับและสนใจในการฟื้นฟูและพัฒนารูปแบบการเกษตรที่ใช้องค์ความรู้ท้องถิ่น รวมถึงการเกษตรรูปแบบไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นระบบที่เสริมสร้างความเป็นมิตรระหว่างคนกับธรรมชาติ อันเป็นเงื่อนไขที่ช่วยทำให้ชีวิตคนและธรรมชาติดำรงอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืน และที่สำคัญเป็นรูปแบบการเกษตรที่ก่อให้เกิดการรักษาพันธุ์พืชพื้นเมืองและความมั่นคงทางด้านอาหารของชุมชนท้องถิ่น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้ใช้องค์ความรู้ท้องถิ่นในการพัฒนารูปแบบการเกษตรของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การมีทางเลือกที่หลากหลาย และเกิดกระบวนการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารอย่างยั่งยืน
Powered by AkoComment 2.0! |
ถัดไป > |
---|