บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
บทสรุป สารวันสันติสากล ๒๐๒๓ ไม่มีใครสามารถรอดโดยลำพังได้ ...การต่อสู้กับโควิด-๑๙... |
Tuesday, 25 April 2023 | ||||
วารสารผู้ไถ่
ไม่มีใครสามารถรอดโดยลำพังได้ ...การต่อสู้กับโควิด-๑๙
สามสอ
เริ่มต้นปีใหม่ ๒๐๒๓ / ๒๕๖๖ นี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ส่งสารโอกาสวันสันติสากล ครั้งที่ ๕๖ มายังทุกคน กระตุ้นให้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ได้จากการรับมือกับการแพร่ระบาดใหญ่ ในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา และเป็นบทเรียนชี้เตือนมนุษย์ว่า ไม่มีใครสามารถรอดได้เพียงลำพัง ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับส่วนตัว และร่วมมือกัน จากระดับที่เล็กที่สุด ไปสู่สังคมใหญ่ และนานาประเทศ ในพระคัมภีร์ นักบุญเปาโล เคยเตือน ชาวเธสะโลนิกา ว่า "วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาเหมือนขโมยในเวลากลางคืน" (๑ธส ๕,๑-๒) และ เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น จงตื่นอยู่เสมอ และต้องรู้จักประมาณตน (๕:๖) สะท้อนว่า เราไม่รู้ว่าภัยอันตรายจะเกิดขึ้นเมื่อไร เช่นเดียวกับ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ฉะนั้น เราต้องตื่นตัว เตรียมพร้อม ไม่ประมาท ไม่ยอมจำนน ต้องคำนึงถึงกันและกัน และไม่เห็นแก่ตัว สารวันสันติสากล ๒๐๒๓ ตั้งคำถามเรา ๓ เรื่อง คือ (๑) ได้เรียนรู้อะไรจากการระบาดใหญ่? (๒) มีเส้นทางใหม่ใดบ้าง ที่เราควรเดินตาม เพื่อละทิ้งนิสัยเดิม ๆ ที่ไม่ดี และแก้ไขให้ดีขึ้น รวมถึงกล้าปฏิบัติในสิ่งใหม่ๆ และ (๓) เรามองเห็นสัญญาณแห่งชีวิต และความหวังอะไรบ้าง ที่ช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าและช่วยกันทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น กล่าวง่ายๆ คือ แต่ละคนต้องไตร่ตรอง และถามตนเองว่า สามปีที่ผ่านมา ฉันได้เรียนรู้อะไรหรือไม่ได้เรียนรู้อะไร? ฉันดีขึ้นหรือแย่ลง ชีวิตของฉันจะเปลี่ยนไปจากจุดนั้นอย่างไร
เราเรียนรู้อะไรจากการระบาดใหญ่? โควิด-๑๙ ทำให้สังคมตกอยู่ในความมืด กิจวัตรประจำวันของมนุษยชาติเปลี่ยนแปลงไป มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ ๖.๖ ล้านคน การถูกจำกัดเสรีภาพต่าง ๆ ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยว สภาพความยากจน และความไม่เท่าเทียมเพิ่มขึ้น ในเรื่องการเข้าถึงอาหาร ยา การดูแลสุขภาพ การศึกษา และเทคโนโลยี รวมทั้งครอบครัวแรงงานนอกระบบจำนวนมากที่ต้องตกงาน บทเรียนสำคัญจากการระบาดใหญ่คือ การตระหนักว่า "ไม่มีใครสามารถรอดได้โดยลำพัง" ทุกคนต่างต้องการกันและกัน ชีวิตมนุษย์นั้นเปราะบาง เช่นเดียวกับโลกที่เป็นบ้านของเรา ฉะนั้น เราไม่สามารถจดจ่อกับการรักษาตัวเองเพียงลำพังอย่างเดียวต่อไปได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน รักษา ฟื้นฟู และวางรากฐาน เพื่อสังคมโลกที่ยุติธรรมและสงบสุข นอกจากนี้ เรายังได้เรียนรู้ว่า การพึ่งพิงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมากเกินนั้น ได้ส่งผลกระทบในเชิงศีลธรรม และจริยธรรม ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในสังคม การกลั่นแกล้งกัน การปฏิบัติความอยุติธรรมต่อกัน การแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์ และเบียดขับคนไปอยู่ชายขอบสังคม ได้บั่นทอนความหวังสังคมที่มีสันติภาพ บทเรียนอีกประการหนึ่งจากมุมมองด้านสาธารณสุขหรือโรคติดเชื้อ คือการเรียนรู้และจดจำประวัติศาสตร์ของเรา เพราะโรคระบาดร้ายแรงที่เคยปรากฏหลายครั้งหลายคราในอดีต เมื่อถูกควบคุมได้ ก็มักจางหายไปอย่างรวดเร็วจากความทรงจำของมนุษย์ ประสบการณ์ของผู้คนเกี่ยวกับโรคระบาด การปิดเมือง การตกงานและความไม่มั่นคงในอาชีพ และการเลือกปฏิบัติต่อการเข้าถึงวัคซีน ในพื้นที่ต่าง ๆ หากนำมาสู่การแบ่งปันและไตร่ตรอง ก็จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมต่อไป ในแง่บวก โรคระบาดได้ทำให้มนุษย์ทบทวนตัวเองใหม่ต่อพฤติกรรมบริโภคนิยม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน หันกลับไปสู่ความพอเพียง และเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไวต่อความทุกข์ยากของผู้อื่น และลงมือลงแรงช่วยเหลือกันมากขึ้น ทำให้เรารอดพ้นจากหายนะครั้งใหญ่ที่สุดนี้
เส้นทางใหม่ ในขณะที่ เราพบวัคซีนและหวังว่า โควิด-๑๙ ใกล้สิ้นสุดลง แต่กลับไม่พบทางออกที่เหมาะสมสำหรับสงครามสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเกิดขึ้นต้นปี ๒๐๒๒ ขับเคลื่อนโดยการตัดสินใจของมนุษย์อย่างน่าตำหนิ และได้ทำลายชีวิตของเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในยูเครนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ระบบเศรษฐกิจโลก แม้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร ก็ยังได้รับผลกระทบจากสงครามนี้ ภาวะการขาดแคลนธัญพืช และราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ธนาคารพัฒนาแอฟริกา (African Development Bank) ระบุว่า สงครามนี้ทำให้มีการขาดแคลนอาหารราว ๓๐ ล้านตันในแอฟริกา ข้าวสาลี ๔๐% ของแอฟริกา มาจากยูเครนและรัสเซีย การที่รัสเซียปิดท่าเรือต่าง ๆ ตามชายฝั่งทะเลดำของยูเครน ทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก และเกิดการขาดแคลนอาหารจำนวนมากในประเทศที่ยากจนที่สุดของโลก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประมาณการว่า ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าอาหารสำหรับ ๖๒ ประเทศที่เปราะบางที่สุดในโลกเพิ่มขึ้น ๒๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ อันเป็นผลมาจากสงครามในยูเครน
การทำสงครามในยูเครนและความขัดแย้งอื่น ๆ ทั้งหมดในโลก แสดงถึงความพ่ายแพ้ของมวลมนุษยชาติ พระสันตะปาปาฟรังซิส กล่าวว่า ไวรัสแห่งสงครามเอาชนะได้ยากกว่าไวรัสโควิด-๑๙ ที่ยอมจำนนต่อร่างกายของเรา เพราะไวรัสแห่งสงคราม ไม่ได้มาจากภายนอกตัวเรา แต่มาจากภายในจิตใจของมนุษย์ที่เสื่อมทรามด้วยบาป (อ้าง มก ๗:๑๗-๒๓) อย่างไรก็ดี ในเส้นทางใหม่แห่งการเยียวยาโลก มนุษย์ต้องทบทวนตนเอง โดยอาศัยพระเจ้า หรือหลักความเชื่อในศาสนาของตน เพื่อปรับเปลี่ยนจิตใจของตนเอง เปลี่ยนวิธีคิด และเกณฑ์ที่เรายึดถือต่อการมองสังคมโลก มนุษย์จะรอดไปด้วยกันได้ ก็มาจากการไม่คิดเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือของชาติอีกต่อไป แต่คิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นอันดับแรก เพราะเราแต่ละคน ต่างเป็นพี่น้องกัน และเป็นส่วนหนึ่งของสังคม พระสันตะปาปาฟรังซิสเรียกร้องว่า ในเส้นทางใหม่ที่เราต้องร่วมเดินไปด้วยกัน ยังมีประเด็นท้าทายอยู่ อาทิ เรื่อง หลักประกันด้านสุขภาพเป็นจริงสำหรับทุกคน การยุติความขัดแย้งและสงคราม การดูแลสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นบ้านของทุกคน และสร้างความมั่นคงทางอาหาร การช่วยให้คนมีงานทำ มีอาชีพที่เหมาะสม และนโยบายของประเทศ เพื่อต้อนรับผู้ย้ายถิ่น ผู้ลี้ภัย และผู้ที่สังคมทอดทิ้ง
สัญญาณแห่งความหวัง สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดของโควิด-๑๙ ทำให้กลุ่มสังคม สถาบัน ภาครัฐและเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ ละทิ้งผลประโยชน์ส่วนตน หันมาร่วมมือ ร่วมพลังกัน รับมือกับปรากฎการณ์ที่ท้าทายนี้ และถือเป็นสัญญาณแห่งความหวังของสังคมมนุษย์ ในการต่อกรกับวิกฤติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคต ในฐานะที่เราทุกคนสามารถเป็นช่างฝีมือแห่งการสร้างสันติภาพ เราต้องตื่นอยู่เสมอ ซึ่งมิใช่เรื่องของวิกฤตสุขภาพอย่างเดียว การตื่นในที่นี้ คือการหันมาสนใจ เปิดใจเพื่อทำความเข้าใจต่อปัญหา เปิดใจรับความรักและพระเมตตาจากพระเจ้า เป็นพลังหล่อเลี้ยง ผลักดันให้เรามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ตามความสามารถที่แต่ละคนกระทำได้
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|