บทความล่าสุด |
---|
จากพันธมิตรยามสงคราม...มาเป็นองค์การระหว่างประเทศ (ตอนที่ 3) โดย กล้วยกัทลี |
Wednesday, 08 February 2017 | ||||
ตอนที่ 3 จากพันธมิตรยามสงคราม...มาเป็นองค์การระหว่างประเทศ ในตอนที่แล้ว เราได้เห็นว่าภายหลังความย่อยยับในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ.1914 -1918) นานาชาติได้ร่วมใจกันก่อตั้ง สันนิบาตชาติ (ค.ศ.1919) เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและการพัฒนาแก่ประชากรของโลก แต่ความพยายามนี้ยังไม่หนักแน่นพอ ผลของมันจึงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง (1939 - 1945) เราได้เห็นความเกลียดชังกันของมนุษย์ และความไม่สามารถที่จะยอมรับและอยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆ ที่มีความแตกต่างได้ จึงเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีขึ้น อย่างไรก็ดี ความดีก็ยังคงดำรงอยู่ในจิตใจของมนุษย์ส่วนใหญ่ และความพยายามครั้งที่สองที่จะรวมตัวกันก็เริ่มต้นขึ้น แรกเริ่มทีเดียวก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะยุติลง ชาติใหญ่สี่ชาติซึ่งเป็นพันธมิตรในสงครามนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สหภาพโซเวียต และจีน ได้เชิญประเทศต่างๆ เข้าประชุมร่วมกันที่ซานฟรานซิสโก ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1945 ( พ.ศ.2488) เพื่อวางแผนงานสร้างและรักษาไว้ซึ่งสันติภาพภายหลังสงคราม เป้าหมายหลักของงานนี้คือ การตั้งองค์การขึ้นมาดูแลรักษาความมั่นคงและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของโลก แต่ดูเหมือนว่าร่างกฎบัตรเพื่อก่อตั้งองค์การดังกล่าวได้พูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ...อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านผู้อ่านอาจกำลังสงสัยว่า ทำไมสิทธิมนุษยชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรบรรจุไว้ในกฎบัตร ทำไมองค์การที่จะก่อตั้งขึ้นจึงต้องกำกับดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย เพียงแค่ป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม คือดูแลรักษาความมั่นคงและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง นั่นก็คือการรักษาสันติภาพให้คงอยู่มิใช่หรือ??? เพื่อตอบคำถามนี้ เราคงต้องย้อนถามตัวเองว่า สันติภาพในความหมายข้างต้น หมายความว่าอย่างไร? การให้คำตอบไว้ ณ ที่นี้ อาจทำให้เราไม่สามารถคิดทบทวนและตระหนักในความสำคัญของสิทธิมนุษยชนได้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ดี มีประโยคสำคัญที่กล่าวไว้ว่า “ความยุติธรรมนำมาซึ่งสันติภาพ” เราคงจะสามารถเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น หากเราเชื่อมโยงเรื่องความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนเข้าด้วยกัน ขอดำเนินเรื่องการก่อตั้งต่อไป... เมื่อเป็นดังนี้ บรรดาชาติเล็กๆ เฉพาะอย่างยิ่งในลาตินอเมริกา ตลอดจนองค์กรพัฒนาเอกชนกว่าพันองค์กรในอเมริกา ได้มีบทบาทอย่างมากต่อการผลักดันการประชุมในครั้งนั้น เพื่อให้สิทธิมนุษยชนเป็นงานหลักขององค์การที่จะก่อตั้งขึ้นนี้ และในที่สุดกฎบัตรสหประชาชาติ (United Nations Charter) ก็ได้รับการลงนามจากผู้แทน 51 ประเทศ ที่เข้าร่วมประชุมที่ซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) กฎบัตร ก็คือแนวคิดและแนวปฏิบัติหลักขององค์การ ได้ทำให้สิทธิมนุษยชนมีสถานะใหม่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศ และสิทธิมนุษยชนยังเป็นหนึ่งในสี่วัตถุประสงค์หลักของการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติอีกด้วย มาตราที่หนึ่งของกฎบัตรประกาศว่า ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติต้องทำงานให้ “บรรลุความร่วมมือในระดับนานาชาติ...เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเคารพในสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานสำหรับทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยกในเรื่องเชื้อชาติ เพศสภาพ ภาษา หรือศาสนา” ส่วนมาตรา 55 ระบุว่า องค์การสหประชาชาติจะส่งเสริม “การเคารพและปฏิบัติอย่างเป็นสากลในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพื้นฐาน” และมาตรา 56 ระบุว่าบรรดาสมาชิก “ให้คำปฏิญาณต่อตนเองว่าจะปฏิบัติการร่วมกันหรือโดยลำพัง” เพื่อบรรลุถึงการเคารพในสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพื้นฐานนั้น เมื่อมีกฎบัตรแล้ว องค์การภายใต้กฎบัตรนี้ก็ได้ก่อตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปีเดียวกันนั้นเอง นั่นก็คือ องค์การสหประชาชาติ (United Nations – ซึ่งต่อจากนี้จะเรียกว่า UN) สิทธิมนุษยชนคงไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยการร่างแนวคิดและการก่อตั้งองค์การหนึ่งขึ้นมาเท่านั้น เมื่อเป็นดังนี้ การทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนและทุกประเทศเกิดสำนึกที่จะรักษา สืบทอด และปฏิบัติสิทธิมนุษยชนจึงเริ่มต้นขึ้น กล่าวคือ เริ่มต้นจากการรับสมาชิกเข้าร่วมใน UN ในปี ค.ศ.1945 นั้น บรรดา 51 ประเทศที่ลงนามรับรองกฎบัตรก็มีสถานะเป็นสมาชิกไปโดยปริยาย ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 เมื่อปี ค.ศ. 1946 (พ.ศ.2489) และเมื่อ 60 ปีผ่านไป ในปี ค.ศ.2005 (พ.ศ.2548) สหประชาชาติมีสมาชิกทั้งสิ้น 191 ประเทศ* (โดยมีนครรัฐวาติกันเป็นผู้สังเกตการณ์ถาวร และไต้หวันยังอยู่ภายใต้การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่) เขียนมาถึงจุดนี้แล้วก็ให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า บรรดาประเทศสมาชิกเหล่านี้เข้าร่วมใน UN เพื่ออะไร? เพื่อไม่ให้ตกขบวนและดูเป็นพวกเดียวกับคนอื่นๆ เท่านั้นหรือเปล่า? จะมีสักกี่ประเทศในบรรดาสมาชิกที่เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจังจนถึงขั้นที่พร้อมจะส่งเสริม สนับสนุน และรักษามันไว้? แค่การเข้าร่วมเป็นสมาชิกคงไม่ช่วยให้สิทธิมนุษยชนบรรลุผลเป็นแน่แท้ _____________________________________________
*สมาชิกสหประชาชาติลำดับที่ 192 คือ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร เข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2549/2006
บทต่อไปจะเป็นการเริ่มหัวข้อ “การมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี - หลักสิทธิมนุษยชน” ............................................................................. ตอนต่อไป การมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี - หลักสิทธิมนุษยชน
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|