บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
คุณพ่อสุวัฒน์ เหลืองสอาด "งานแพร่ธรรมคือการพัฒนามนุษย์ให้มีศักดิ์ศรี" |
Wednesday, 14 October 2015 | ||||||
คุณพ่อสุวัฒน์ เหลืองสอาด "งานแพร่ธรรม คือ การพัฒนามนุษย์ให้มีศักดิ์ศรี" วรพจน์ สิงหา สัมภาษณ์
ทุกครั้งที่มีโอกาสคุยกับ "พ่อเผือก" หรือ "คุณพ่อสุวัฒน์ เหลืองสอาด" ในประเด็นการทำงานของศูนย์สังคมพัฒนา สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี มักจะมี "ความคิด" หลายอย่างนอกเหนือจากต้นฉบับอยู่เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกันที่มีหลายประเด็นระหว่างการพูดคุยกันที่ทำให้เราได้ย้อนมองตนเองกันอีกครั้งว่า ...คาทอลิกเรากำลังทำอะไร? เรากำลังเดินหลงทางไปบ้างหรือไม่?และการแพร่ธรรมที่แท้จริงเป็นเช่นใด?
พ่อเผือกบอกไว้ตอนหนึ่งว่า "คาทอลิกอยู่ในแวดวงคนชั้นกลางถึงสูง ถ้าเราลงมาช่วยคนจน เราจะลงมาเพียงเป็นครั้งเป็นคราว เหมือนคุณหญิงคุณนายที่มีเงินแล้วมาบริจาค ลงมาสัมผัสเป็นครั้งคราว แต่เราไม่ได้คลุกคลี อยู่กับชุมชนที่เป็นคนพื้นล่างจริงๆ"
"พระศาสนจักรเราโตมาจากคนจน เราเริ่มมาจากมิชชันนารีที่ช่วยเหลือคนจน แต่ทีนี้พอโรงเรียนของเราเริ่มเป็นที่นิยม คาทอลิกเริ่มร่ำรวยขึ้น คำถามคือว่าเราจะเริ่มเดินออกจากบ้านสวยๆ ที่เราสร้างไว้ ออกมาข้างนอกบ้างหรือเปล่า ออกมาอยู่กับคนจนบ้างไหม ตรงนี้เป็นคำถามท้าทายเพราะเราเริ่มสบาย แต่พ่อไม่ได้บอกว่าเราจะไม่ต้องอยู่สบาย ก็อยู่ได้ แต่ลงมาด้วย อย่างน้อยให้พอเหมาะพอควร บางทีเราก็เอามาตรฐานของเรา ที่เป็นมาตรฐานแบบคนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไม้สอย ไม่เหมือนคนธรรมดา เรากลายเป็นต้องมีชีวิตอีกแบบหนึ่ง"
"เรามักจะมองว่าคนจนไม่มีเงิน เราก็แค่ให้เงิน แต่เราไม่ได้คิดว่าการพัฒนาคนไม่ใช่เพียงเรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ตรงนี้เป็นหัวใจของการพัฒนา โรงเรียนก็เหมือนกัน ไม่ใช่แค่พัฒนาให้เด็กเป็นคนเก่ง ควรพัฒนาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาด้วย แต่เราไม่ได้สนใจเลย เราไปสนใจหลักสูตร สนใจจะต้องตอบ สมศ. ซึ่งก็จำเป็น แต่เราไม่ได้ตั้งจากฐานของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตรงนี้ทำให้โรงเรียนคาทอลิกออกไปในแนวธุรกิจมากเกินไป" "เข้าใจว่าโรงเรียนต้องมีรายได้ แต่เราต้องตอบคำถามเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพราะนี่คือคำสอนของเรา เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เรามีหน้าที่ในการร่วมงานกับพระองค์ในการพัฒนาให้มนุษย์มีศักดิ์ศรี และเคารพซึ่งกันและกัน"
พ่อเผือกบอกว่าหลายครั้งที่คาทอลิกเราลงไปช่วยเหลือคนอื่น เรามักจะคิดว่าทุกอย่างที่เราคิดจะต้องดีสำหรับเขา ซึ่งในความเป็นจริงสิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ดีสำหรับชาวบ้านก็เป็นได้ "คือเหมือนเรามีมาตรฐานการทำดีมาแบบนี้ ถูกอบรมมาแบบนี้ ซึ่งสิ่งนี้น่ากลัว พอลงไปทำงานกับคนจนหรือคนที่เขาอยู่ในบริบทอีกแบบหนึ่ง เราก็บอกเขาว่า ผมให้คุณทำอย่างนี้อย่างนั้น ทำไมคุณไม่เอา คือคิดว่าเราดี แต่ความดีของเรา ก็เป็นของเรา ไม่เกี่ยวกับเขา คนต้องพัฒนาความดีงามจากตัวตนของตัวเอง จากบริบทของชุมชนตัวเอง คนเราต้องพัฒนาจากภายในของเราเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรามักจะทำก็คือว่า ฉันดีแบบนี้แล้วคนอื่นจะต้องดีแบบนี้ด้วย อันนี้เป็นทัศนคติที่อันตราย เราคิดว่าเรามีเจตนาดี แต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่น"
"เราต้องถามตัวเองว่าฐานของเราอยู่ที่ไหน รากที่แท้จริงของพระศาสนจักรคาทอลิกคืออะไร ถ้าเราบอกว่าพระศาสนจักรคาทอลิกมีหน้าที่แพร่ธรรมประกาศข่าวดี และพูดถึงการแพร่ธรรมแบบลอยๆ คำพูดเหล่านี้ไม่ได้แตะเลยว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีศักดิ์ศรี เพราะฉะนั้นงานแพร่ธรรมของเราคือการพัฒนามนุษย์ให้มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์"
"หน้าที่ของเรา หน่วยงานศาสนาเราไม่ใช่ธุรกิจที่จะต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร หน้าที่ของเราต้องทำตามจิตตารมณ์ แล้วจิตตารมณ์ของเราคืออะไร เราต้องชัดเจน การทำเพื่อสังคมไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำให้สังคมดีขึ้นด้วยการทำงานของเรา"
"ถ้าเรายังไม่สามารถแตะตรงนี้ได้ การแพร่ธรรมประกาศข่าวดีของเราก็แค่เอาพระวรสารไปให้คนอ่าน จัดบอร์ดพระคัมภีร์ให้เด็กที่ไม่นับถือศาสนาคาทอลิกได้ดู มีพิธีกรรม มีมิสซา ให้เด็กเข้าร่วม ก็เป็นแค่ความรู้เท่านั้น" "มันต้องออกมาจากการปฏิบัติว่าคาทอลิกเราเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ให้ความหมายของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างไร เราก็วัดแค่กิจกรรมแบบที่กล่าวมา เหมือนเราทุ่มเงินจำนวนมหาศาลกับดอกไม้ไฟ จัดอีเว้นต์ใหญ่ๆ แล้วก็เหมือนเดิม เราทุ่มเงินกับแบบนี้ แล้วเราก็บอกว่าฉันทำแล้ว สบายใจ แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญว่าจริงๆ รากฐานการศึกษาคาทอลิกของเรา หรือแม้กระทั่งรากฐานการแพร่ธรรมของเรา เริ่มจากพระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ต้องย้อนกลับไปที่นั่น และจริงๆ งานด้านสังคมเริ่มจากตรงนี้ เริ่มจากการพัฒนามนุษย์ให้มีศักดิ์ศรี คนจนเขามีศักดิ์ศรี ไม่ใช่แค่เขาไม่มีเงิน เลยไม่มีศักดิ์ศรี แต่เขาถูกลดศักดิ์ศรี เขาถูกดูหมิ่น ก็ต้องดึงเขาขึ้นมาให้มีศักดิ์ศรี"
พ่อเผือกบอกว่าโรงเรียนคาทอลิกอาจจะให้ความสำคัญกับชื่อเสียงหรือรางวัลต่างๆ มากเกินไป"ในโรงเรียนคาทอลิกเราทำอย่างไรให้เกิดกลไกหรือมิติของการเคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน ให้เด็กตระหนักในศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน ซึ่งเราไปเน้นแค่การจัดบอร์ดพระคัมภีร์หรือจัดกิจกรรมวันพระคัมภีร์"
"และเราก็หลงอยู่กับสิ่งเหล่านี้ว่าโรงเรียนได้รางวัลอะไรต่างๆ ซึ่งก็เข้าใจ เพราะถูกกดดัน เราไม่ได้ตัดสิน แต่มันใช่สิ่งเหล่านี้หรือเปล่า มันถึงเวลาที่เราต้องทบทวนหรือยังว่าสิ่งที่เราควรจะทำจริงๆ คืออะไร เราให้ความสำคัญกับชื่อเสียงโรงเรียนมากกว่าตัวเด็ก เราอยากให้โรงเรียนผ่านการตรวจในแบบต่างๆ แต่เราละเลยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เราต้องพัฒนาขึ้นมา"
"ถ้าเราสนใจในเรื่องการพัฒนาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เราจะไม่สนใจว่าเด็กของเราเข้ามหาวิทยาลัยได้กี่คน เด็กของเราจะสอบแข่งแล้วได้รางวัล ชนะโรงเรียนอื่น ไม่ใช่ตรงนั้น ซึ่งก็รู้ว่ามันยาก คงจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเราก็วัดความสำเร็จของโรงเรียนจากจำนวนเด็กที่เข้ามหาวิทยาลัย แต่ทำไมเราไม่วัดความสำเร็จของโรงเรียนจากเด็กที่เกเร พ่อแม่ไม่เอาใจใส่ ครอบครัวแตกแยก พอเข้ามาในโรงเรียนคาทอลิกเราแล้วพฤติกรรมดีขึ้น ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ เราก็เอาเด็กแบบนี้ออกจากโรงเรียน เพราะว่าไม่เข้าพวกกับโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนเก่งและดีอย่างของเรา"
"เราไปคิดแค่ว่าเด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้กี่คน ส่งประกวดวงโยธวาทิตได้ชนะอะไรต่างๆ บางคนก็บอกว่าพ่อไม่ได้ทำโรงเรียน ไม่รู้หรอก เขาบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองเขาต้องการ เอาลูกเข้าโรงเรียนเขาก็ดูว่าโรงเรียนมีชื่อเสียงไหม อาคารสถานที่ดีไหม ชนะที่ไหนบ้าง เข้ามหาวิทยาลัยได้หรือเปล่า กลายเป็นว่าโรงเรียนของเราเป็นเครื่องมือของกระแสสังคมแบบสมัยใหม่ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป เทคโนโลยีสมัยใหม่ โรงเรียนคาทอลิกของเรามีหมดเลย และก็มาก่อนหมด เรากลายเป็นโรงงานผลิตคนสำหรับยุคใหม่ ทำไมเราไม่สวนกระแส พระศาสนจักรของเราเป็นพระศาสนจักรเพื่อคนยากจน แต่เราไม่ได้ทำ" มุมมองของ "พ่อเผือก" น่าจะเป็นสิ่งที่หลายครั้งคาทอลิกส่วนใหญ่อาจจะหลงลืม หรือแม้กระทั่งอาจมีพระสงฆ์นักบวชหรือฆราวาสบางคนอาจไม่เห็นด้วยทั้งหมด ซึ่งก็คงเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่อย่างน้อยความคิดมุมมองของพ่อเผือกทำให้เราฉุกคิดและทบทวนในสิ่งที่คาทอลิกเรากำลังทำอยู่ในปัจจุบันว่า... เรากำลังแพร่ธรรมอยู่จริงๆ หรือไม่? หรือว่าเราหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าเรากำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง?
------------------------------
จาก วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๓๕ ฉบับที่ ๙๖
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|