บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
กลไกสหประชาชาติ - การตรวจสอบและติดตามผลตามพันธกรณีในสนธิสัญญา (1) (ตอนที่ 6) โดย กล้วยกัทลี |
Wednesday, 01 March 2017 | ||||
ตอนที่ 6 กลไกสหประชาชาติ – การตรวจสอบและติดตามผลตามพันธกรณีในสนธิสัญญา (1)
โดย กล้วยกัทลี
เราคงยังไม่ลืมว่า สนธิสัญญา (Treaty) คือ คำเรียกรวมๆ กันของกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนชื่อที่ใช้เฉพาะอาจมีแตกต่างกันไป เช่น กติการะหว่างประเทศ อนุสัญญาระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Convenant และ Convention เป็นต้น
หากดูตารางจากบทความตอนที่แล้ว จะพบว่า ระยะเวลานับจากการรับรองสนธิสัญญา ตลอดไปจนกระทั่งการที่สนธิสัญญามีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการนั้น มีระยะเวลาแตกต่างไปจากน้อยที่สุดคือ เก้าเดือน (CRC) ไปจนถึงมากที่สุดคือ 12 ปี 7 เดือน (ICRMW) นี่ยังไม่นับรวมเวลาร่างกติกา ซึ่งไม่ปรากฏในตาราง ซึ่งหากรวมไว้ด้วยแล้ว จะต้องใช้เวลามากกว่านี้สักเท่าใด
จะเห็นได้ว่า กระบวนการทั้งสิ้น นับตั้งแต่การยุติสงคราม การรวมตัวกันเพื่อก่อตั้งสหประชาชาติ การออกปฏิญญาสากล ตลอดจนสนธิสัญญาต่างๆ เพื่อเป็นมาตรฐานสากลในการรักษา ปกป้อง และปฏิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นกระบวนการที่ยาวนาน ต้องอาศัยความมุ่งมั่น ความพยายาม และต้องใช้ความร่วมมือจากคนจำนวนมาก หากความพยายามจนบรรลุผลเหล่านี้ไม่สามารถนำไปสู่บรรทัดฐานการปฏิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิอันชอบธรรม ย่อมเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี การทำความเข้าใจในเนื้อหาของสนธิสัญญาแต่ละฉบับนับเป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่นักกฎหมาย ดังนั้น การที่จะบอกว่ารัฐบาล หน่วยงานรัฐ กฎหมายในประเทศ ระเบียบราชการ หรือกลุ่มที่มิใช่หน่วยงานรัฐ (เช่น กลุ่มธุรกิจ) ละเมิดสิทธิมนุษยชน และจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถหากได้พยายามศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้
ทางสหประชาชาติได้ตระหนักในเรื่องเหล่านี้ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงได้พยายามสนับสนุนการจัดฝึกอบรมบุคลากรในทุกระดับ ตลอดจนบุคคลทั่วไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็ไม่สามารถจัดให้ทั่วถึงได้ และมีงบประมาณจำกัด ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ ที่จะตระหนัก และจัดการศึกษาให้กับบุคลากรและประชาชนของตนในเรื่องเหล่านี้
นอกจากนี้ สหประชาชาติยังมีกลไกการทำงานเพื่อช่วยให้ประเทศต่างๆ ได้เรียนรู้จากกันและกัน ในเรื่องของการนำมาตรฐานและบรรทัดฐานไปใช้เพื่อให้แต่ละประเทศบรรลุถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นกลไกเพื่อติดตามตรวจสอบการปฏิบัติสิทธิมนุษยชน และแก้ไขให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนหมดไป กลไกที่รู้จักกันดีมีด้วยกัน 2 กลไก ได้แก่ กลไกภายใต้ปฏิญญา (Charter-based mechanisms) และกลไกภายใต้สนธิสัญญา (Treaty-based mechanisms)
เป็นที่น่าเสียดายว่า ประเทศส่วนใหญ่เข้าใจผิด เนื่องจากไม่เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ทำให้คิดว่ากลไกเหล่านี้ไปควบคุม หรือคุกคามการปกครองในประเทศของตน ทั้งนี้ เพราะกลไกเหล่านี้เรียกร้องให้แต่ละประเทศต้องจัดทำรายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิ์ที่เกิดขึ้น หรือสหประชาชาติอาจส่งตัวแทนพิเศษต่างๆ เข้าไปหาข้อเท็จจริงและจัดทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมของสหประชาชาติ ด้วยวิธีการเหล่านี้ การละเมิดสิทธิ์ในประเทศนั้นๆ จึงเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางในบรรดาสมาชิกทั่วโลก แทนที่จะมองว่าเป็นกระบวนการที่จะช่วยส่งเสริมและแก้ไขให้เกิดการปฏิบัติที่ถูกต้องยิ่งขึ้น กลับเห็นว่าเป็นการตำหนิและว่ากล่าวให้ต้องเสียหน้าในระดับโลก จึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการทำรายงาน
ส่วนประเทศที่มองเห็นความสำคัญของการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ก็สามารถใช้กลไกและผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ ในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบปฏิบัติในประเทศของตน เพื่อให้การปฏิบัติสิทธิมนุษยชนเป็นไปอย่างครอบคลุม ครบถ้วน และกว้างขวางในทุกระดับ
กลไกภายใต้ปฏิญญานั้นแต่เดิมประกอบด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (The UNITED NATIONS Commission on Human Rights - UNCHR) และคณะอนุกรรมการเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Sub-commission on Promotion and Protection on Human Rights) ซึ่งมีผู้แทนพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ หรือคณะทำงาน เป็นหลักสำคัญในการดำเนินการ
แต่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2006 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีมติจัดตั้ง สภาสิทธิมนุษยชน (Human Rights Council) จึงทำให้กลไกเดิมภายใต้ปฏิญญา คือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ต้องยุติบทบาทไปด้วยการประชุมครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 62 ในวันที่ 13 - 27 มีนาคม 2006 หลังจากที่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาเป็นเวลา 60 ปี
ในระหว่างที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนกำลังเดินหน้ากำหนดแนวทางการทำงานที่ชัดเจน โดยได้เริ่มประชุมครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 19 - 30 มิถุนายน 2006 จึงยังไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้ว่าการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนจะออกมาในรูปแบบใด อย่างไรก็ได้ ที่ประชุมได้มีมติให้ต่ออายุการทำงานของคณะอนุกรรมการเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน ตลอดจนคณะทำงานต่างๆ ไปอีก 1 – 2 ปี เพื่อให้งานที่ได้เริ่มไว้ได้ต่อเนื่องต่อไป
ส่วนกลไกภายใต้สนธิสัญญานั้น ประกอบไปด้วยคณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งขึ้นตามข้อกำหนดในสนธิสัญญา เมื่อเป็นดังนี้ สนธิสัญญาหลักทั้ง 7 ฉบับที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้ว จึงมีคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งตามวาระ ทำหน้าที่พิจารณารายงานการดำเนินการของแต่ละประเทศ คณะกรรมการภายใต้สนธิสัญญาและชื่อย่อของคณะกรรมการมีดังนี้
ตอนต่อไปจะเล่าเรื่องการทำงานของคณะกรรมการอย่างคร่าวๆ
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|