บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
ไตร่ตรองทางเทววิทยา "ฉัน เขา เรา เธอ ...ต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม : พระสังฆราชบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ |
Monday, 27 December 2010 | ||||
ไตร่ตรองทางเทววิทยา "ฉัน เขา เรา เธอ ...ต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม" พระสังฆราชบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์
พ่อขอบคุณพระที่ให้พ่อยังไหวอยู่ ให้พ่อมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อจะได้เห็นผลของการเผยแพร่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ริเริ่มโดย คุณพ่ออัลเฟรด บอนแนงค์, เอส.เจ. และคุณหมอชวลิต ไปไหนก็ได้ยินเรื่องเครดิต ยูเนี่ยน ตอนนี้มีสมาชิกเป็นแสนคนแล้ว เวลาไปเยี่ยมกลุ่มสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เขาบอกว่าสิ่งที่ขาดคือเรื่องของจิตตารมณ์ จิตตารมณ์เครดิตยูเนี่ยนคือความรัก นักบุญยวงบอกว่า พระเป็นเจ้าคือองค์ความรัก พวกเราที่ทำงานเกี่ยวกับสังคม ให้เราแน่ใจว่าเราทำงานเพื่อให้เห็นว่า พระเป็นเจ้าเป็นองค์ความรักอย่างไร เรื่องที่เรามาสัมมนาวันนี้ หมายถึงสิทธิโดยเฉพาะสิทธิมนุษยชน ที่เขามีสิทธิ์ก็เพราะว่าเขาเป็นคน มีชีวิตเป็นคน ชีวิตเราถือว่าเป็นของกำนัลอันประเสริฐที่เราได้มาจากพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้าสอนให้เราเรียกพระเป็นเจ้าว่า พระบิดา หรือถ้าเรียกแบบคนอีสานก็ "อีพ่อ"
เรื่องความรัก เรื่องสิทธิมนุษยชน ต้องเริ่มจากที่พระเป็นเจ้าได้ประทานชีวิตให้กับมนุษย์ทุกคน พระองค์สร้างมนุษย์อย่างไร ในหนังสือปฐมกาลบทแรกได้กล่าวถึงพระองค์สร้างสรรพสิ่ง วันที่หนึ่งบอกว่าดี วันที่สองบอกว่า ดี วันที่สร้างมนุษย์พระองค์บอกว่า ดีมาก เพราะว่ามนุษย์มีชีวิต การสร้างมนุษย์มีการบรรยายอย่างละเอียด มนุษย์มีชีวิตได้โดยพระเจ้าประทานให้เปล่าๆ ในพระคัมภีร์บอกว่าพระองค์เป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในตุ๊กตาดิน เมื่อพระองค์เห็นมนุษย์อยู่คนเดียวเหงาหงอยต้องการเพื่อน พระองค์สร้างเพื่อนที่คู่ควรกับ อาดัม ก็คือ เอวา มนุษย์ได้รับฉายาหรือรูปแบบของพระเป็นเจ้า ซึ่งมีพลังที่มนุษย์ได้รับจากลมปราณของพระเจ้า คือมีสมองที่สามารถเรียนรู้ได้และมีหัวใจ สมองและหัวใจเป็นแหล่งแห่งพลังที่พระเจ้าประทานให้กับเรา จิตวิญญาณที่เราได้รับจากพระเจ้าเป็นของประเสริฐที่มนุษย์ธรรมดาให้เราไม่ได้ พ่อแม่ก็ให้วิญญาณลูกไม่ได้ การมีฉายาของพระองค์คือมีพลังที่รู้ได้ รู้เป็น รักเป็น เมื่อจะทำอะไรก็ต้องใช้ทั้งความรู้และความรักร่วมมือกัน รู้สิ่งที่ดีงามเป็นความฉลาด แล้วอธิบายให้หัวใจ เช่นว่าความสว่างนี่ดี หัวใจก็ตัดสินใจที่จะเอาความดี ความสว่าง ฉายาของพระเจ้ายังมีการตัดสินใจที่มีเสรีภาพ และต้องมีความรับผิดชอบ และพระเยซูเจ้ามาเสริมว่า เราไม่ใช่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น แต่เป็นพี่น้องกัน เพราะว่าเรามีพ่อคนเดียวกัน ในพระวรสารบทที่เกี่ยวกับความรัก ให้รักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง แต่คนสมัยนี้รักตนเองแบบเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้ใครมายุ่ง อย่ามายุ่งกับฉัน และพระองค์ยังสอนอีกว่าให้เรารักกันและกันเหมือนกับที่เรารักพวกท่าน ความรักที่มนุษย์มี ต้องสะท้อนให้เห็นความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา เป็นความรักที่พระองค์ให้กับเราฟรีๆ พระเป็นเจ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง เพื่อให้มนุษย์ร่วมมือกัน และร่วมมือกับพระองค์ในการเสริมสร้างโลกต่อไป โดยเฉพาะการเสริมสร้างชีวิตมนุษย์ให้มีลูก ให้ดูแลรักษาธรรมชาติ นี่เป็นเกียรติศักดิ์ศรีของเรามนุษย์ที่ได้รับมาจากพระเป็นเจ้า งานสังคมพัฒนาของเราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการแพร่ธรรมที่ขาดไม่ได้ หลักใหญ่ของศาสนาของเราคือแพร่ธรรม ขยายธรรมะ ข่าวดีแห่งพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า แต่ก่อนเราเคยใช้คำว่า พระราชัย พ่อชอบคำว่าราชัยมากกว่า เวลาพูดถึงอาณาจักร หมายถึงบริเวณขอบเขตพื้นที่มากกว่า ส่วนราชัยหมายถึง ความเป็นราชา พระเยซูเจ้าบอกเราว่าอาณาจักรของพระองค์ไม่ใช่ของแผ่นดินนี้แต่เป็นของเบื้องบน หมายความว่า เป็นอาณาจักรที่เกี่ยวกับจิตใจ ไม่ใช่การครอบครอง แต่เป็นการเข้าครองในจิตใจมนุษย์ของพระเจ้า เมื่อใดพระเจ้าเข้าครองอยู่ในใจมนุษย์ นั่นแหละคือเป็นอาณาจักรของพระเจ้า อาณาจักรของความรัก เมื่อเราพูดถึงความรัก เรามักใช้สัญลักษณ์รูปหัวใจ หัวใจเกี่ยวข้องกับความรักอย่างไร พระเป็นเจ้าสร้างเรามา ประทานชีวิตของพระองค์ ให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพระองค์กับมนุษย์ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน พระเจ้าเป็นองค์ความรัก ความรักอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นชายหญิง มีพระประสงค์ให้เรามนุษย์ร่วมมือกับพระองค์ สร้างเสริมชีวิตมนุษย์ให้เต็มแผ่นดิน สังคมแรกของมนุษย์เกิดขึ้นในครอบครัว ชีวิตมนุษย์มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพราะเป็นของประเสริฐมาจากพระเป็นเจ้าที่พระองค์มาอยู่ในตัวเรา ครอบครัวมนุษย์ก็ต้องเป็นครอบครัวที่มีพระเจ้าเข้าครองอยู่ เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก และครอบครัวอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นครอบครัวเดียวไม่ได้ ต้องมีเพื่อนบ้านมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซึ่งต้องเกิดจากความรักที่มาจากหัวใจที่มีพลังที่ได้รับมาจากพระเจ้านั่นเอง ชีวิตมนุษย์และครอบครัวมนุษย์มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ต้องพยายามให้ครอบครัวมนุษย์เป็นศูนย์กลางแห่งความรัก ทำให้สังคมที่กว้างออกไปเป็นสังคมแห่งความรัก เป็นสังคมที่เป็นลูกของพระเป็นเจ้า มนุษย์ทุกคนเป็นพี่น้องกันเพราะเราเป็นลูกของพระเป็นเจ้า ในวัฒนธรรมไทย เวลาเราแสดงความสัมพันธ์อันดีระหว่างมนุษย์ เราใช้คำที่แสดงให้เห็นความเป็นพี่เป็นน้องกัน เราเห็นคนที่มีอายุมากกว่าเรา เราเรียกเขาว่า พี่ ลุง ตา เป็นคำที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องญาติสนิทกัน เกียรติและศักดิ์ศรีตามคำสอนของศาสนาคริสต์ ในแผนแห่งความรอดของมนุษย์หรือแผนแห่งความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ มนุษย์เมื่อถูกสร้างให้มีพลังดีต่างๆ แต่ถูกทำให้ออกนอกลู่นอกทางไป ตามตำนานในพระคัมภีร์มีผีปีศาจ ซาตานมาล่อลวงมนุษย์ แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีขอบเขตจำกัด มองเห็นความชั่วเป็นความดี เห็นดำเป็นขาว มนุษย์ผิดหลงไปตั้งแต่อาดัมและเอวา แต่พระเป็นเจ้าไม่ละทิ้งลูกๆ ของพระองค์ มีแผนการแห่งความรอด เริ่มตั้งแต่พระบุตรของพระเจ้ามารับสภาพเป็นมนุษย์ พระบุตรเข้ามาในจิตใจมนุษย์ มนุษย์จึงได้รับพลังมากขึ้น มี Incarnation เพื่อให้เกิดการ Redemption ช่วยให้รอดจากซาตานให้กลับไปหาพระบิดาเจ้า เมื่อพระบุตรมารับสภาพเป็นมนุษย์ ทำให้มนุษยชาติมีเกียรติศักดิ์ศรีมากขึ้นและพระองค์ได้แสดงความรักต่อมนุษย์ทั้งหลาย พระเยซูเจ้าไม่ได้ออกประกาศข่าวดีด้วยปากเท่านั้น พระองค์ไปที่ไหนก็ทำแต่คุณงามความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้อยโอกาสอยู่ชายขอบของสังคม ถือว่าเขาไม่ได้ด้อยโอกาสแต่เขากำลังคอยโอกาสให้มีคนมาช่วยให้มีสภาพที่ดีขึ้น ไม่อยู่ในสภาพที่ตกยากลำบาก ไม่มีใครมารักเขา พระองค์บอกให้ศิษย์ของพระองค์มารักเขา ช่วยเหลือพวกเขา เพื่อเขาสามารถพัฒนาพลังที่มีอยู่ แม้เป็นคนยากคนจน คนพิการ แต่เขายังเป็นคน ในวันนี้เราได้ฟังว่ามีคนเข้าใจผิดว่าคนเป็นโรคเอดส์ พระเจ้าไม่รัก สมัยพระเยซูเจ้ามีคนไม่ชอบคนเป็นโรคเรื้อน พระเยซูเจ้าเรียกคนโรคเรื้อนเข้ามาแล้วเอามือแตะ พระองค์ทำความดีแต่มีคนเข้าใจพระองค์ผิด หาว่าพระองค์กำลังสร้างอาณาจักรเถื่อน พยายามใส่ร้ายพระองค์ ในที่สุดพระองค์ไถ่กู้มนุษย์โดยบอกกับเราว่า บัลลังก์ของพระองค์ไม่ใช่บัลลังก์อาสน์อันรุ่นเรืองในโลกนี้ แต่เป็นไม้กางเขนที่ประทานพลังให้กับลูกศิษย์ของพระองค์ที่กำลังทุกข์ทนต่อสู้อยู่ พวกเราทำงานกับคนโรคเอดส์ กับคนด้อยโอกาส คนที่ยังไม่ได้สัญชาติ ไม่ได้บัตรประชาชน เพราะศาสนาของเราสอนว่าต้องไปหาเขา ไปอยู่กับเขา เหมือนกับที่พระเยซูเจ้ามาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ที่เป็นคนบาป แต่พระองค์ปราศจากบาป เราแสดงความรักต่อเขาโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน นอกจากขอให้เขาสำนึกในความรักที่เพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นลูกของพระเจ้ามีอยู่และมาดูแลช่วยเหลือเขา จาก Redemption มาถึงกางเขน เป็นบทสอนเราว่า ต้องทำงานอุทิศตน มี Commitment เหมือนที่พระเยซูเจ้าอุทิศชีวิตของพระองค์ทั้งหมด ถูกตรึงบนไม้กางเขน เพื่อแสดงว่าพระองค์รักมนุษย์ ช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นอิทธิพลของบาป ทั้งนี้เพื่อช่วยพามนุษย์ให้ไปอยู่ในบ้านแท้ของเรา เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีพระบิดาเจ้าคอยต้อนรับเราอยู่ แม้ว่าพวกเราเมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จะผิดหลงทำบาปมากมายแต่ไม่ต้องกลัว ตอนที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน โจรที่ถูกตรึงพร้อมพระองค์คนที่ดีบอกว่าเมื่อพระองค์เข้าไปสวรรค์แล้ว อย่าลืมดึงผมขึ้นไปด้วย เขามีความเชื่อ พระองค์ก็บันดาลความรอดให้เขาทันที ในแผนการแห่งความรัก พระเจ้ามีพระประสงค์ให้ลูกๆ ของพระองค์กลับเข้าไปหาพระองค์เสียใหม่ ได้รับพระสิริมงคลกับพระบิดาเจ้าใหม่ จะได้รับเมื่อไร เมื่อสิ้นโลกในวันพิพากษา พระองค์จะนำผู้ที่ได้รับกอบกู้จากพระองค์ ผู้ทำตามน้ำพระทัยของพระองค์กลับไปได้รับเกียรติ คือได้ไปอยู่กับพ่อของเราในเมืองสวรรค์ ไปอยู่ทั้งตัวและร่างของเรา ร่างของเราที่จะกลับเป็นขึ้นมา จะเสมือนร่างของพระเยซูเมื่อกลับเป็นขึ้นมาที่สุกใส เป็นร่างทิพย์เคลื่อนไหวไปไหนก็ได้ เป็นความรุ่งโรจน์ที่เราจะได้รับ พระเจ้าไม่ได้สร้างเราเท่านั้น แต่ยังได้กอบกู้เราด้วย คาทอลิกแสดงความรักด้วยการทำงานอภิบาลด้านสังคม ที่แล้วมา คาทอลิกนึกถึงการสวดภาวนา แก้บาปรับศีล เป็นกิจกรรมที่แสดงตัวว่าเราเป็นคาทอลิกที่ดีซึ่งเกี่ยวกับปัจเจกมากกว่า แต่เดิมงานด้านสังคมของพระศาสนจักรเป็นงานด้านสงเคราะห์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมีผู้ที่ต้องการให้เราไปช่วยแบบสงเคราะห์อยู่เยอะ แต่เราอย่าไปจมปลักอยู่กับงานด้านสงเคราะห์เท่านั้น เพราะว่า ในสังคมยังมีคนที่เห็นคนไม่เป็นคน เห็นเงินสำคัญกว่าคน เห็นอำนาจดีกว่าคน มีอำนาจเพื่อจะเอาเข้ากระเป๋าตัวเองเยอะๆ คนอื่นเป็นอย่างไรก็ช่าง เกี่ยวกับปัญหาบริบทของชีวิตมนุษย์เรา และบริบทที่มีอิทธิพลมากในชีวิตคนเราคือ รัฐและการเมือง พระศาสนจักรจึงสอนว่า เราจะนิ่งดูดายวิกฤตทางการเมืองไม่ได้ ในฐานะที่เราเป็นคริสตังต้องประกาศข่าวดีเพื่อเสริมสร้างอาณาจักรของพระเยซูเจ้าในโลกนี้ อาณาจักรของพระก็คือการเข้าครองจิตใจมนุษย์ของพระเจ้า แล้วเมื่อไรพระเจ้าจะเข้าครองผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเสียที ตัวอย่างของสมณสาสน์ล่าสุด ความรักในความจริง Caritas In Veritate คำว่า Caritas หมายความว่า รัก เมตตา แสดงจิตเมตตา สมัยก่อนมีคำสอนเรื่องการแสดงจิตเมตตาฝ่ายกายและฝ่ายจิตวิญญาณ ในเวลานี้ไม่แบ่งแล้ว มารวมกันเรียกว่า ประกาศข่าวดี คริสตชนเราต้องสนใจการเมือง ต้องกล้าที่จะไปเล่นการเมืองตามคำสอนของพระศาสนจักร มีตัวอย่างให้เห็น เช่น นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เป็นคาทอลิก ในยุโรปช่วงที่ยุติสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ มีนักการเมืองคาทอลิกที่มีวิสัยทัศน์ทางการเมืองโดดเด่นทั้งใน อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี จึงทำให้ยุโรปรวมเป็นหนึ่งเดียวกันโดยตั้งรากฐานอยู่บนศาสนา และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดสหภาพยุโรปขึ้นมา แต่เวลานี้ก็เริ่มแตกแยกอีกจากลัทธิ Secularism ที่เขาแยกศาสนากับการเมืองออกจากกัน ไม่ต้องมาเกี่ยวกัน นี่เป็นสาเหตุของความเสื่อมโทรมของสังคมยุโรปปัจจุบัน ที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดในเรื่อง เศรษฐกิจการตลาด เศรษฐกิจการเงิน และเศรษฐกิจการเมือง พวกเราคาทอลิกต้องสนใจการเมือง การสงเคราะห์ของเราต้องทำโดยเคารพในศักดิ์ศรีของผู้ที่เราช่วยเหลือ โดยพยายามช่วยกันคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เขาด้อยโอกาส ถูกดูหมิ่นสบประมาทนั้นมาจากไหน เช่น เรื่องสัญชาติเห็นชัดว่ามาจากรัฐ จากกฎหมาย ถ้าไม่มีใครไปช่วยบอกรัฐว่ากฎหมายที่มีอยู่กีดกันผู้คน เป็นกฎหมายที่เป็นอมนุษย์ สมณสาสน์ฉบับนี้บอกชัดว่า พระศาสนจักรจะนิ่งอยู่บนรั้วดูความวุ่นวายต่างๆ เต็มไปหมดไม่ได้ ทุกวันนี้เกิดโลกาพินาศจากเงินเป็นใหญ่ อำนาจเป็นใหญ่ เพื่อนมนุษย์เป็นอย่างไรไม่รู้ การเมืองมีอิทธิพลมีพลังมากในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคน และทำให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินพังทลาย เพราะรัฐไม่ทำหน้าที่ของตัวเองและฝ่ายประชาชนไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเพราะถูกขู่บังคับว่าอย่ามายุ่ง จะจับเข้าคุก เราต้องช่วยกันพัฒนาสังคม ช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์สังคมและหาเหตุที่แท้ของความวุ่นวายในสังคมและเสนอแนวทาง พระศาสนจักรเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมสังคม ให้แนวทางเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยการสังเคราะห์ วิจัย ส่วนเรื่องการให้ความรู้ การเผยแพร่คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรซึ่งเรายังขาดอยู่ แม้เริ่มทำไปบ้างแล้วแต่ก็ยังประสบอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งภายในพระศาสนจักรเอง ทั้งในสังคมรอบๆ เรา ก็ต้องเริ่มจากการจัดเสวนาย่อยๆ ที่เราทำแบบนี้ และน่าจะมีเคเบิ้ลทีวีที่ทรงพลังของพระศาสนจักร ในการทำงานสงเคราะห์ต้องระวังอย่าให้มาเป็นเครื่องมือที่นำความพอใจมาให้เรา เช่น ให้เขาแล้วเราชี่นอกชื่นใจ การสงเคราะห์เราต้องพยายามให้เกิดการให้และการรับ ผู้ให้ต้องสำนึกว่าให้ผู้รับเขาสามารถยืนขึ้นได้ ผู้รับก็ต้องมีจิตสำนึกว่าเราจะคอยรับอยู่อย่างเดียวไม่ได้ การสงเคราะห์ของเราต้องมี Empowerment ให้ผู้ที่เราไปสงเคราะห์สามารถพัฒนาพลังที่มีอยู่ในตัวเอง ให้เขาช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือพรรคพวกเขาและช่วยสังคมได้ สำหรับเรื่องการประกาศข่าวดีและการสร้างเครือข่าย เนื่องจากคาทอลิกเป็นคนกลุ่มน้อย เราพยายามช่วยกันแก้ปัญหาสังคม คาทอลิกฝ่ายเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ เราต้องสร้างเครือข่าย นอกจากองค์กรพัฒนาเอกชนแล้ว ยังมีฝ่ายรัฐบาล มีข้าราชการที่มีน้ำใจดี ส.ว.ที่ดี การประกาศข่าวดีมีหลายวิธี การประกาศของเราต้องระวัง เราต้องประกาศแบบไม่ประณามใคร ไม่ประณามคนที่ทำความผิด อย่าไปบอกว่าเขาชื่ออะไร ประณามแต่ความชั่วแล้วแนะนำว่าอย่าไปทำ ไม่ทำผิดต่อจิตตารมณ์ความรักของเรา ไม่อวดโอ้ว่าตัวเราดีเด่น ประกาศอย่างผู้ดี ใช้ภาษาที่ดี ขอให้ทุกคนเต็มไปด้วยพลังของพระจิตเจ้า
****************************
ที่มา : งานเสวนา "ฉัน เขา เรา เธอ ... ต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม" วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|