หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow โรงเรียนวันอาทิตย์...เพื่อสิทธิแรงงานพม่า
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 651 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

โรงเรียนวันอาทิตย์...เพื่อสิทธิแรงงานพม่า พิมพ์
Thursday, 23 April 2009

โรงเรียนวันอาทิตย์...เพื่อสิทธิแรงงานพม่า

กองบรรณาธิการวารสารผู้ไถ่ เรื่อง/สัมภาษณ์

Imageลึกเข้าไปในซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชีย ราชเทวี มีโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ป้ายชื่อหน้าโรงเรียน อ่านได้ว่า "โรงเรียนสัมมาชีวศิลป์" ตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ ที่นี่จะเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กๆ แต่เมื่อถึงวันอาทิตย์ อย่าแปลกใจ เพราะเราจะเห็นนักเรียนที่เป็นหนุ่มสาวตัวโตๆ ในชุดฟอร์มสีขาวและกางเกงหรือกระโปรงสีดำ จำนวนนับร้อยๆ คนเข้ามานั่งประจำชั้นเรียน หัดอ่าน หัดเขียน ก ไก่ ก กา ด้วยสำเนียงแปร่งๆ ที่ฟังดูก็รู้ได้ทันทีว่า พวกเขาไม่ใช่คนไทยแน่ๆ ลองไปทำความรู้จักกับนักเรียนเหล่านี้กันว่า เธอและเขาเหล่านั้นเป็นใครและทำอะไรกันบ้าง 

ชมพู่ เป็นชื่อไทยๆ ที่เธอใช้เรียกแทนตัวเองเมื่ออยู่ในเมืองไทย หากดูจากหน้าตาและการแต่งตัวแล้ว ชมพู่ไม่แตกต่างจากเด็กสาววัยรุ่นไทยทั่วๆ ไปเลย ด้วยวัย ๒๑ ปี หากเทียบกับคนวัยเดียวกัน ขณะนี้ก็คงจะเรียนระดับมหาวิทยาลัย แต่ชมพู่ทำงานแล้ว งานที่ชมพู่ทำ เขาเรียกกันง่ายๆ แต่ได้ใจความว่า "แจ๋ว" 

ชมพู่เล่าว่า "เข้ามาอยู่ในไทยตั้งแต่อายุ ๑๓ - ๑๔ ปี มาอยู่กับพี่สาวสองคน พี่สาวคอยดูแลตลอด แต่ตอนนี้พี่สาวแต่งงานกับคนไทยแล้ว หนูก็อยู่คนเดียว ตอนแรกเข้ามาทำงานบ้าน ช่วยเจ้านายทำงานทุกอย่าง อยู่แถวประชาชื่น แล้วก็ย้ายมาทำงานโรงงานแถวอ้อมน้อย แรกๆ ยังไม่มีบัตร ก็ไม่กล้าออกไปไหน เจ้านายก็ไม่ให้ออกจากบ้านเลยปีหนึ่ง เขาก็ดี สอนเราทุกอย่าง พอได้บัตร (แรงงานต่างด้าว) ตอนปี ๔๗ เขาก็พาไปเที่ยว ไปไหนเขาก็พาไป"

เมื่อโลกแห่งอิสรภาพเปิดกว้างขึ้นสำหรับชมพู่ โอกาสดีๆ ที่แรงงานข้ามชาติคนหนึ่งจะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการศึกษาจึงเริ่มขึ้นที่โรงเรียนสอนภาษาให้กับแรงงานพม่าแห่งนี้
โรงเรียนสำหรับแรงงานชาวพม่าอยู่ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า หรือ กรพ. ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "มูลนิธิร่วมมิตร ไทย - พม่า" เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนไทยที่ส่งเสริมให้เกิดประชาธิปไตยในพม่าและเสริมสร้างความรู้ที่จำเป็นสำหรับแรงงานพม่าในประเทศไทย 

Imageคุณเมี่ยน เว - ชาวพม่า เป็นรองผู้อำนวยการของ กรพ. หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Deputy Director ; THAI Action Committee for Democracy in Burma (TACDB) คุณเมี่ยน เวเป็นผู้จัดการโรงเรียนสอนภาษาให้แรงงานพม่า เขาเล่าให้ฟังถึงที่มาของโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โครงการนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมของ กรพ. มีชื่อเต็มว่า "Development of Education and Awareness for Refugees from Burma" หรือ "DEAR Burma" เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓ เปิดสอนภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคอมพิวเตอร์ รวมทั้งให้ความรู้เรื่องต่างๆ เช่น เรื่องกฎหมาย เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิสตรี โดยแต่ละคอร์สใช้เวลา ๓ เดือน เรียนทุกวันอาทิตย์ ต่อมาปี ๒๕๔๖ เราจึงมาขอใช้สถานที่ของโรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ เป็นที่จัดการเรียนการสอน"

สำหรับเงินทุนในการดำเนินโครงการนี้ส่วนหนึ่งมาจากเงินบริจาค และอีกส่วนหนึ่งมาจากค่าลงทะเบียนเรียนจากแรงงานพม่าที่มาเรียน สำหรับวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในอัตราคอร์สละ ๒๐๐ บาท ส่วนวิชาคอมพิวเตอร์คอร์ส ละ ๔๐๐ บาท เฉพาะนักเรียนที่ผ่านการเรียนพื้นฐานภาษาอังกฤษมาแล้ว ปัจจุบันมีนักเรียน ๗๑๖ คน และครูอาสาสมัคร ทั้งชาวไทยซึ่งเป็นนักศึกษาจาก สนนท. ชาวพม่าที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และชาวต่างประเทศที่ทำงานในโรงเรียนนานาชาติ รวมประมาณ ๓๐ คน

คุณเมี่ยน เว บอกว่า "เพราะสังคมไทยเห็นว่าแรงงานพม่าน่ากลัว จะตัดคอ เอาสิ่งของ โรงเรียนเราจึงมีวัตถุประสงค์ว่า เราต้องแต่งตัวเรียบร้อย ต้องมีชุดนักเรียน แสดงให้เห็นว่า เราก็มีความรู้ เราก็เป็นคนดี ถึงแม้จะมีปัญหาการเมือง แต่เราซึ่งมีทั้งกะเหรี่ยง มอญ ไทยใหญ่ เรามาจากประเทศเดียวกัน ตอนนี้เรามาอยู่ในประเทศเดียวกัน เราไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่แบ่งแยกศาสนา เราเป็นแรงงานข้ามชาติ เราเป็นชีวิตเดียวกัน ต้องร่วมมือ สามัคคีกัน" 

สถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางให้แรงงานพม่าได้มาพบปะสังสรรค์กัน ได้แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานระหว่างกันและกัน เป็นชุมชนชาวพม่าที่แฝงตัวอยู่อย่างถ่อมตนและสงบเงียบ ซ่อนตัวจากการรับรู้ของผู้คนในเมืองใหญ่ ท่ามกลางความศิวิไลซ์มายาวนานถึง ๖ ปีแล้ว สำหรับชาวพม่าด้วยกันเองแล้ว ที่นี่มีความหมายสำหรับพวกเขาอย่างไรกันบ้าง

Imageกลับมาที่ชมพู่กันต่อ ชมพู่เล่าว่า "มารู้จักที่นี่จากพี่สาว เขามีเพื่อนเยอะ เขามาเรียนก่อน พี่สาวพามา มาเริ่มเรียนหนังสือที่นี่ ตอนแรกๆ พูดไทยได้นิดหน่อย เรียน ก ไก่ ข ไข่ มาเรียนหลายคอร์สแล้ว มาที่นี่เพื่อนเยอะ ได้ความรู้เยอะ ครูก็สอนหนังสือเก่ง อะไรไม่ดีเขาก็บอก คอยชี้แนะ พอเรามีความรู้ เราจะได้ไม่ต้องน้อยใจใคร เพราะคนไทยบางทีก็แซวเราเล่นสนุกๆ เราพูดไทยไม่ชัด เขาก็แซวเรา ล้อเล่น บางทีเราก็เสียใจ บางอย่างเขาก็ดี บางอย่างเขาก็ดูถูกเหมือนกัน เราก็ต้องอดทน เขาดูถูกว่า เราเป็นคนต่างด้าว จะมาคบหากัน อยู่ด้วยกันลักษณะเดียวกับเราไม่ได้ จะต้องแตกต่างจากเรา"

นอกจากชมพู่แล้ว เรายังได้รู้จักกับ ฝน วัย ๒๒ ปี หากไม่บอกว่าเธอเป็นสาวพม่า คุณต้องคิดว่าเธอเป็นสาวใต้ตาคมเป็นแน่ ฝนทำงานอยู่ร้านตัดเสื้อผ้าแถวดินแดง เธอเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งที่เข้ามาหัดเรียนเขียนอ่านภาษาไทยที่นี่จนกระทั่งปัจจุบัน เธอพัฒนาขึ้นจนสามารถช่วยเป็นอาสาสมัครสอนภาษาไทยให้กับเพื่อนๆ แรงงานข้ามชาติรุ่นน้องๆ อีกด้วย
ฝนเล่าให้ฟังว่า "มาเรียนได้ปีกว่า รู้จักจากเพื่อน เขาบอกว่าเรียนอยู่ที่นี่ สอนดี อาจารย์ใจดีด้วย ตอนแรกหนูก็บอกว่า เราไม่ว่างนะ ต้องทำงาน เขาบอก วันอาทิตย์วันเดียวเอง เธอก็ต้องหาความรู้ให้ได้นะ ได้ความรู้เยอะเลย แรกๆ ฝนเลยมาดูก่อนว่าเป็นยังไง เห็นว่าก็สนุกดี มีทั้งพม่า กะเหรี่ยง มอญ อิสลาม เจอกันหลายคน เรารู้จักเพื่อนๆ มากขึ้น รู้จักทำรู้จักคิด ฝนจบระดับ ๕ แล้ว จบมา ๓ เทอมแล้ว อ่านเขียนได้ แต่เราศึกษาไปเรื่อยๆ มาทุกอาทิตย์ มาช่วยสอนภาษาไทยขั้นเริ่มต้น และช่วยออกข้อสอบระดับ ๓ ระดับ ๔ ให้ด้วย"

เมื่อคุยกับฝนถึงเรื่องการมาเรียนและช่วยงานที่นี่ ดวงตาเธอฉายประกายแห่งความสุขเมื่อพูดให้ฟังว่า "วันอาทิตย์เป็นวันที่ตื่นเต้นที่สุด จะได้มาเจอเพื่อนๆ ตื่นมาตั้งแต่ตีห้า ทำนู่นทำนี่ แล้วก็ออกมาประมาณ ๘ โมงเช้า มาเจอเพื่อนๆ กินอะไรกันแถวๆ นี้ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน"

ยังมีหนุ่มน้อยอีกคนหนึ่งชื่อ โกเซ็น อายุ ๒๒ ปี มีอาชีพเป็นยามรักษาความปลอดภัยประจำตลาดย่านสาธร "รู้จักที่นี่ตั้งแต่ตอนปี ๔๘ ก็มาเรียน ได้พัฒนาเรื่องภาษาไทย ภาษา อังกฤษ เราต้องใช้ความพยายามมาก คอมพิวเตอร์เราก็มาได้เรียนรู้ที่นี่" 

โกเซ็นเป็นยามกะกลางคืน เข้างานหนึ่งทุ่ม เลิกงานเจ็ดโมงเช้า ถ้าเป็นเมื่อก่อน โกเซ็นก็มาเรียนทุกวันอาทิตย์ แต่ปัจจุบันเขากลายมาเป็นอาสาสมัครคนหนึ่งของ กรพ. "ตอนนี้ช่วยงานหนังสือพิมพ์ภาษาพม่าบนเว็บไซต์ เป็นสื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารของคนพม่าในไทยและในพม่า โดยนำมาซีร็อกซ์จัดส่งให้สมาชิก มาทำให้ฟรี ว่างก็มาช่วย กลางวันว่างเพราะเฝ้ายามตอนกลางคืน บางทีก็มาทุกวัน แล้วแต่ว่างานที่นี่เยอะไหม ถ้างานเยอะก็ต้องมาให้ได้ เพราะถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครทำ มาช่วยแล้วก็กลับไปทำงานต่อ เหนื่อยก็เหนื่อย แต่เราตั้งใจมาช่วย ภูมิใจที่ได้มาช่วย คิดว่าจะช่วยต่อไปอีกนาน เพราะใจชอบที่ได้ทำแบบนี้ สนุกดี ได้เพื่อนเยอะ ไม่ได้ทำคนเดียว" โกเซ็นคุยให้เราฟัง

Imageไม่เพียงคนหนุ่มสาวเท่านั้นที่มาเรียน พี่ยุพิน อายุ ๔๖ ปี ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านให้เจ้าของกิจการอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ คำพูดของเธอที่ว่า "ตอนยังไม่รู้หนังสือก็เหมือนอยู่ในความมืด พอรู้หนังสือแล้วก็เหมือนเราได้เห็นแสงสว่าง" ทำให้เราได้เห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของโรงเรียนแห่งนี้ที่มีต่อแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลใกล้เคียงยิ่งขึ้น

"เพิ่งมาเรียนได้แค่ ๒ เดือน เมื่อก่อนไม่เคยรู้ว่ามีโรงเรียนนี้ แต่ก่อนอยู่แต่บ้านและไปโบสถ์ ไม่เคยไปไหน ไม่ได้ติดต่อกับใครเลย พี่ดีใจมากที่ได้มารู้จักกับอาจารย์ ได้ความรู้มากเลยตอนนี้ เมื่อก่อนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ภาษาไทย ไปไหนก็หลงทางบ่อยเพราะเราไม่รู้ภาษาไทย ตอนนี้อ่านหนังสือได้ ไปไหนก็รู้ว่าซอยอะไร หมู่บ้านอะไร ไปโรงพยาบาล ไปไหนก็ได้ เมื่อก่อนต้องถามเขาตลอด ก็ดีใจและขอบคุณอาจารย์" 

คุณเมี่ยน เว เสริมในเรื่องนี้ว่า "ตอนนี้ชีวิตแรงงานดีขึ้น มีที่เป็นแม่บ้านแล้วนายจ้างให้ช่วยเรื่องคอมพิวเตอร์ด้วย ก็มีการพูดคุยใกล้ชิดขึ้น มีนายจ้างบางรายมีปัญหาชีวิตคู่ ก็พูดคุยปรับทุกข์กับลูกจ้างพม่าก็มี บางคนเคยทำงานล้างจานในร้านอาหาร แต่พอพูดภาษาอังกฤษได้ เจ้าของก็เลื่อนขึ้นเป็นพนักงานเสิร์ฟก็มี"

โรงเรียนสำหรับแรงงานพม่าแห่งนี้ อาจนำมาซึ่งคำถามสำหรับใครอีกหลายคนว่า "ทำไมต้องมีโรงเรียนสอนคนพม่า เดี๋ยวก็มาแย่งงานคนไทยหมด" คงต้องฟังคำตอบจากคุณเมี่ยน เว "ประชาชนพม่าเราโดนทำร้ายจมลงมากว่า ๔๐ ปีแล้ว บางคนที่นี่เป็นการศึกษาแรกของเขา ไม่ว่าจะเป็น มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ รัฐบาลทหารพม่าทำลายโรงเรียนทำให้เขาไม่ได้เรียนหนังสือ เรียนๆ อยู่เดี๋ยวก็ยิงกัน ทำสงครามกัน บางคนหนีมาตอนอายุ ๑๕ - ๑๖ ปี ตอนนี้อายุ ๑๘ ปีแล้ว ไม่เคยได้เข้าโรงเรียน อย่างน้อยตอนนี้เขาได้เรียนหนังสือ เขาบอกได้ว่า เขาก็มีครู ทั้งครูฝรั่ง ครูไทย ครูพม่าก็เรียนถึงมหาวิทยาลัย คนรุ่นนี้เขาโตมา เขาคิดจะกลับบ้าน เขาไม่ได้คิดจะอยู่เมืองไทยตลอด เขากลับไปเขาจะได้เอาสิ่งที่ดีๆ กลับไปใช้พัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม เพราะจุดประสงค์ของโรงเรียน คือ ให้เขาเข้าใจสังคมไทยและสังคมพม่า เขาก็จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน เมื่อเขาได้รับความรู้ เขาก็มีศักยภาพมากขึ้น เขาก็ได้รับโอกาส ผมอยากให้เขาภูมิใจในตัวเอง เมื่อเขามีความรู้ เขาก็นำความรู้กลับไปพม่า ไปสร้างสังคมพม่าให้ดีขึ้น" 

ในฐานะชาวพม่าคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องร่วมชาติของเขา แม้ฝันที่จะได้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนจะดูไกลเกินเอื้อม ฝันที่จะเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเขาก็ดูลางเลือน แต่สิ่งที่เขาทำได้ ณ ปัจจุบัน กับโรงเรียนสอนภาษาเพื่อแรงงานพม่าแห่งนี้ดูจะเป็นคำตอบ สำหรับแรงงานพม่ารุ่นแล้วรุ่นเล่าเพราะอย่างน้อยที่นี่ก็เป็นชุมชนเป็นสถานที่ให้อัตลักษณ์และตัวตนของพวกเขายังดำรงอยู่ แม้จะอยู่บนดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิด แต่ก็เป็นเมืองที่เขาจะได้หลับอย่างเต็มตื่น


Imageคุณพรชัย วรบุตร นายจ้างของแรงงานพม่าที่มาเรียน

ทำร้านข้าวมันไก่ อยู่แถวคลองเตย ลูกจ้างเขามาเรียน เขามาบอกเรา เราก็ให้มาเรียน เราก็สอบถามว่า เรียนที่ไหน ยังไง วันอาทิตย์เขามีเวลาว่างก็ให้เขามาเรียนได้ ดูว่า เขามีวิชาอะไรเรียนบ้าง วันนี้แวะมาดู อาจจะมาเข้าเรียนกับเขาบ้าง อยากมาฟื้นวิชาเก่าๆ ที่เราเคยเรียน อยากมาเรียนภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์ เพราะตอนนี้มีคอมพิวเตอร์ไว้ จะเก็บข้อมูลการขาย แต่ก่อนใช้ไหว้วานคนอื่น ถามเขาว่าคลิกอะไรตรงไหน ลูกจ้างก็ช่วยเราได้ เขาจะจบคอร์ส เราก็เลยตามมาดูเขาวันนี้ อาทิตย์ก่อนมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจัดงานปีใหม่ คนเยอะ เห็นเขาจะปิดคอร์สแล้ว จะเริ่มคอร์สใหม่ เลยมาสอบถาม จะได้เริ่มเรียนคอร์สใหม่


Imageคุณนริศสา สุขประเสริฐ : ครูอาสาสมัคร สอนศิลปะให้แรงงานพม่า

ทำงานเป็นศิลปินอิสระ เพื่อนแนะนำมา เค้าทำงานอยู่ใน กรพ. เค้าแนะนำว่ามีนักเรียนกลุ่มหนึ่งอยากเรียนศิลปะ ก่อนหน้านี้มีครูมาสอน แต่ตอนนี้เค้าไม่ว่างมาสอน เราสนใจอยู่พอดีก็เลยมา มาช่วยตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีนักเรียนมาเรียน ๑๐ กว่าคน สอนภาคเช้าและบ่าย มาสอนเกือบทุกอาทิตย์ ถ้าไม่ว่างก็สลับกับเพื่อน สนใจและอยากหาประสบการณ์ และรู้สึกว่าได้แลกเปลี่ยนกับนักเรียน


มีทัศนคติต่อคนพม่าอย่างไรก่อนจะรู้จักพวกเขา

ตอนอยู่ภูเก็ตก็รู้จักคนพม่าอยู่ เมื่อก่อนมีอคติอยู่เพราะอ่านข่าวแล้วได้ยินข่าวไม่ดีเยอะว่าเขามาก่ออาชญากรรมในบ้านเรา ซึ่งเราก็ไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไป แต่ตอนนั้นเราก็มีอคติ จนกระทั่งได้มารู้จักคนพม่า เขาเป็นคนดูแลสวนและเป็นเพื่อนบ้านกัน ก็รู้สึกว่าเค้าไว้ใจได้ ได้เห็นมุมที่ดี ได้เห็นความถ่อมตนของเขา พึ่งพาเขาได้ ก็เลยรู้สึกดี เรื่องโจรขโมย คนที่ก่อเรื่องกลับเป็นคนบ้านเรา ไม่ใช่พม่า ทัศนคติจึงเปลี่ยนไป จนกระทั่งเพื่อนแนะนำมาที่นี่ บอกว่านักเรียนเป็นพม่า พอมาดูสภาพโรงเรียนก็รู้สึกว่าเขาขาดที่จะเรียน และได้อ่านวารสารของที่นี่ ได้เห็นการถูกเอารัดเอาเปรียบ เรื่องแรงงานข้ามชาติ ได้เห็นมุมที่ลำบากของเขา ก็เข้าใจว่า เออ ทำไมบางรายเขาถึงก่ออาชญากรรม เพราะถูกกดขี่ ถูกดูหมิ่นต่างๆ นานา ทำให้เราเห็นใจ แล้วเรื่องเรียนก็น่าสนับสนุนอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่เขามาเรียนกัน แต่ตำรวจก็มายืนดักหน้าปากซอย ก็เอ๊ะ บ้านเราเป็นยังไง หัวจิตหัวใจมีกันบ้างรึเปล่า นี่ก็คือสิ่งที่เขาเจอแล้วทำให้เราได้รับรู้ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เคยได้รับรู้เรื่องพวกนี้ เลยเข้าใจและทำให้เราอยากแลกเปลี่ยนอะไรกับเขา


หลังจากนั้นทัศนคติเปลี่ยนไปอย่างไร

เห็นความถ่อมตัวของเขา เทียบกับสอนเด็กไทย เด็กไทยสอนยากกว่ามากเลย เพราะอีโก้หรืออะไรหลายๆ อย่าง แต่คนพม่าเขาเปิดใจที่จะเรียนรู้ และเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บางคน อายุมากกว่าเราตั้งเยอะ รุ่นน้าเราได้เลย แต่เขาก็ยินดีที่จะเรียนรู้ จริงๆ ไม่อยากเรียกตัวเองว่าครู น่าจะเรียกว่าคนทำกิจกรรมศิลปะ เหมือนเป็นที่ให้เขาได้ระบายความรู้สึกส่วนตัวออกมา เป็นพื้นที่อิสระ ส่วนใหญ่คนที่มาเรียนก็เป็นแม่บ้าน ถึงเวลาเขียนรูปก็ได้ระบายความรู้สึก จะกดดันหรืออะไรก็แล้วแต่ แค่ได้เล่าเรื่องของเขาให้คนภายนอกได้รับฟัง


Imageจากภาพวาดของนักเรียน สะท้อนอะไรให้เราเห็น

เห็นงานเขาหลายชิ้น รู้สึกว่าเขาคิดถึงบ้านนะ คือ หลายคนเขียนรูปวัด รูปที่นิยมเขียนกันมากคือ รูปวัดที่อยู่บนเขาที่ฐานเป็นทองคำ เขียนได้โดยไม่ต้องดูแบบเลย รู้ว่าเขาคิดถึงบ้าน บางคนก็เขียนทุ่งนา ได้เห็นความผูกพันของเขา รากเหง้าของเขา ถึงแม้เขาจะมาอยู่ที่นี่เป็นสิบปี แต่ดูรูปวาดของเขาก็รู้สึกได้ว่า เขาคิดถึงบ้าน แต่ถามหลายคนว่าอยากกลับไปไหม บางคนก็ไม่อยากกลับไปเพราะทำมาหากินลำบาก


คิดจะเป็นอาสาสมัครไปนานแค่ไหน

ก็ตั้งใจจะทำ จริงๆ มีงานที่ภูเก็ตอยู่ แต่ตรงนี้ก็อยากทำเพราะเห็นเขาตั้งใจเรียนมาก เราก็มีกำลังใจอยากจะทำอะไรร่วมกัน นี่ก็เขียนโครงงานเสนอ กรพ. เขาอยู่ว่าจะจัดแสดงงานศิลปะของพวกเขา ของบพวกอุปกรณ์ จะจัดแสดงเดือนมีนาคม เมื่อเดือนธันวาคม งานแรงงานข้ามชาติ จัดแสดงไปที่ กรพ. เขาจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมได้เผยแพร่งาน


อยากให้คนไทยมีทัศนคติต่อคนพม่าอย่างไร

เขาก็คงเหมือนคนทั่วๆ ไป จะคนไทยหรือฝรั่ง ก็มีสองด้าน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี เข้าใจว่าภาพโดยรวมคนไทยมองคนพม่าในมุมลบมากกว่า สังเกตเวลาไปไหนมาไหน หรือเรื่องจ้างงานเขาจะถูกเอาเปรียบตลอด เหมือนเป็นคนชั้นสอง ซึ่งถ้าเราได้ปฏิบัติเท่าเทียมกันก็จะดี เพราะว่าถ้าคบหากับเขาดูจะรู้ว่าเขาจริงใจ แต่คนไม่ดีก็ยอมรับว่ามี หน้าที่เราก็แลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกกับเขา

 

 


ความคิดเห็น
ตอบคุณอาร์ม (อยากเรียน)
เขียนโดย admin เปิด 2015-10-07 10:33:36
บทความนี้เป็นบทความที่เราเคยไปขอสัมภาษณ์ไว้ ตั้งแต่ปี 2552  
เราไม่ใช่องค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยตรง  
จึงไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้ค่ะ  
 
รบกวนลองเข้าไปดูที่เว็บนี้นะคะ เห็นมีเบอร์โทรสำหรับติดต่ออยู่ด้วย  
http://www.sammajivasil.net/bkschool/index1.htm  
 
หรือลองติดต่อไปที่นี่นะคะ  
 
โรงเรียนที่สอน  
 
1. โรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ สอนวันอาทิตย์ อยู่ซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชีย ราชเทวี มีคุณเมี่ยน เวย์ ชาวพม่า เป็นผู้อำนวยการ เบอร์ติดต่อ 02-216-4463, 02-357-7634  
 
2. มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า เป็นองค์กรเดียวกับข้อ 1 ให้ความช่วยเหลือคนพม่าที่ประสบปัญหา อยู่ที่ศูนย์กลางนักเรียนคริสเตียน สะพานหัวช้าง ราชเทวี เบอร์โทรเหมือนข้างบน  
 
3. มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพแรงงาน หรือ LPN คุณสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการ  
เลขที่ 25/17-18 หมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง ถ.สหกรณ์ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000 โทร.0-34434-726 , 08-6163-1390 , 08-4121-1609  
 
ขอบคุณค่ะ
อยากเรียน
เขียนโดย อาร์ม เปิด 2015-10-07 10:29:03
สวัสดีครับผมอยากเรียนนะครับไม่รู้ว่าจะเรียนได้หรือเปล่าผมยัง ไม่บัตรเลยครับแต่ผมอยากเรียนอยากเรียนภาษาไทยภาษาอังกฤษตอนนี้ ผมอายุจะ18แล้วครับอยากเรียนหาที่เรียนแต่ว่าเขาไม่ให้เรียนเพร าะไม่มีบัตรนะครับก็เลยอยากมาถามว่าที่นี่เรียนได้หรือเปล่านะค รับ ผมเป็นคนไทยใหญ่นะครับ อยู่ประเทศไทยมาเกือบ4ปีแล้วครับ อยากจะถามว่า โรงเรียนอยู่ไหน อยู่จังหวัดอะไร เรียนแล้วมีวุฒิไหมนะครับ :p :p
อยากเรียน
เขียนโดย เก๋ เปิด 2015-08-08 21:16:48
เป็นคนลาวเรียนได้ไม่คะ 
0932383611
ผมอยากเรียนภาษาไทย ครับ
เขียนโดย วีรพล ไพบูลย์ เปิด 2015-05-29 15:16:45
ผมอ่านได้ และ เขียนออกครับ พูดก็ชัด ลำบาก มากครับเวลาไป สมัคร งาน มีแต่คนถามว่า เรียนจบอะไร้มา เรียน อยู่ หรือ เปล่า..ผมไม่รู้ว่าจะตอบไปไงดี สื่อมวลชน เป็น แค่คน ต่างด้าว เรียน ไม่จบ ก็เลยอยากเรียน เผื่อ พัฒนา ตัว เอง หน้าตา ก็ดี แต่ไร้ กัน ศึกษา ช่วยผมน้อยน่าครับ 0923830158ID Veerabon
ที่ติดต่อ
เขียนโดย admin เปิด 2014-05-30 11:31:05
บทความนี้เป็นบทความที่เราเคยไปขอสัมภาษณ์ไว้ ตั้งแต่ปี 2552  
เราไม่ใช่องค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยตรง  
จึงไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้ค่ะ  
 
รบกวนลองเข้าไปดูที่เว็บนี้นะคะ เห็นมีเบอร์โทรสำหรับติดต่ออยู่ด้วย  
http://www.sammajivasil.net/bkschool/index1.htm  
 
หรือลองติดต่อไปที่นี่นะคะ  
 
โรงเรียนที่สอน 
 
1. โรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ สอนวันอาทิตย์ อยู่ซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชีย ราชเทวี มีคุณเมี่ยน เวย์ ชาวพม่า เป็นผู้อำนวยการ เบอร์ติดต่อ 02-216-4463, 02-357-7634  
 
2. มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า เป็นองค์กรเดียวกับข้อ 1 ให้ความช่วยเหลือคนพม่าที่ประสบปัญหา อยู่ที่ศูนย์กลางนักเรียนคริสเตียน สะพานหัวช้าง ราชเทวี เบอร์โทรเหมือนข้างบน  
 
3. มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพแรงงาน หรือ LPN คุณสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการ  
เลขที่ 25/17-18 หมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง ถ.สหกรณ์ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000 โทร.0-34434-726 , 08-6163-1390 , 08-4121-1609  
 
ขอบคุณค่ะ
เขียนโดย เปิด 2014-05-27 10:26:45
หนูก็อย่าจะเรียนคะแต่อย่างไม่รู้จะท่าไงหนูแถวแจ้งวัตนะคะช่วย ต่อกลับด้วยนะค่ะ :)
เขียนโดย กิตติกรณ์ เปิด 2014-05-23 15:20:28
ผมเป็นลูกคนพม่านะคับแต่พ่อเป็นคนไทย 
ผมอยากรู้ว่าพอเรียนจบแล้วได้สำเนาอะไรบ้างมั้ยคับ 
พอดีผมมีเพื่อนพม่าอยู่2คนเค้าอ่านออกเขียนได้แต่อยากไห้ 
เค้าเรียนพาษาไทยและไห้เขียนและอ่านออกไห้มากกว่านี้ 
พอผมได้อ่านข้อความแล้วผมรู้สึกดีใจมากคับ :grin
เขียนโดย เปิด 2014-04-09 19:43:08
หนู๋เป็นพาม่าค่ะ หนู๋อยากเรียนหนังสือไทยค่ะ หนู๋เขียนได้นิดหน่อยค่ะ หนู๋มาอยู่นี้ได้สองปีแล้วค่ะ ถ้ายังรับยู่ขอเบอร์ติดต่อหน่อยค่ะ ถ้าอย่างนั้นติดต่อมาเบอร์ 0983122548 ค่ะ ชื่อ chowar ค่ะ
เขียนโดย เปิด 2014-04-09 19:01:28
อยู่ตรงไหนหรอค่ะ ต้อนนี้ยังรับยู่รึป่าวค้ะอยากไปเรียนอ่ะค่ะ ติดต่อยังไงค่ะ อยากรู้ให้มากกว่านี้ค่ะ มายู่ประเทศไทยได้สองปีค่ะ อยากเรียนมากๆเลยค่ะ อายุ 20ปีจะเรียนได้ไหมค่ะตอบกลับด้วยค่ะอยากเรียนจริงๆค่ะ :cry :cry :cry
เขียนโดย เปิด 2014-03-27 12:14:56
อยากได้ชาวพม่าที่พอสื่อสารภาษาไทยได้สนใจรับรายได้พิเศษทามงาน ต่างจังหวัดเดือนละ 2-3ครั้ง ครั้งละ 2-3 วันครับ ค่าตอบแทนวันละ1000บาทการเดินทางไปพร้อมทีมงานได้ค่าเดินทางไปแ ละกลับอย่างละครึ่งแรง เป็นงานเกี่ยวกับธนาคาร การโอนเงินข้ามประเทศต้องการสื่อสารกับกลุ่มแรงงานชาวพม่าในจัง หวัดต่างๆและขอข้อมูลจึงอยากได้คนที่เป็นชาวพม่าหรือสามารถสื่อ สารกับชาวพม่าได้ ยังไงใครสนใจติดต่อกลับด่วนเลยครับงานจะเริ่มประมาณเมษานี้ครับ 085-0943663 เบล 
เขียนโดย เปิด 2014-02-21 23:09:11
:zzzอยากเรียนครับ 
 
 
อยากเรียนครับอ่านออกแต่เขียนไม่ได้ 
 
 
 
 
 
 
เราเป็นลาวเรืยนได้ไหมค่ะอ่านภาษาไทยได้แต
เขียนโดย จันทิรา เปิด 2013-11-08 22:32:39
มีที่ไหนแนะนำด้วยนะค่ะอยากเรืยนจริงๆค่ะ คอบคุณค่ะ
ตำแหน่งงานสำหรับคนพม่า
เขียนโดย กัญญ์โฉม (คุณ PUK) เปิด 2013-10-30 17:47:22
บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในกลุ่มบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริการด้านการติดตั้งวางระบบ Contacts Center กำลังเปิดรับตำแหน่งงานด้าน Call Center คนพม่า กว่า 30 อัตรา รายละเอียด 
- ช / ญ อายุ 18- 35 ปี  
- จบ ป.ตรี  
- สื่อสารภาษาอังกฤษได้  
สถานที่ทำงาน  
- อาคาร อีสท์ วอเตอร์ ชั้น 22 BTS จตุจักร  
สอบถามเพิ่ม 085-9119001 02-6851551  
คุณปุ๊ก / ผู้ช่วยผุ้จัดการฝ่ายสรรหาบุคลากร 
มีโรงเรียนที่สอนภาษาไทยสำหรับคนลาวหรือแร
เขียนโดย เพื่อนคนลาวครับ เปิด 2013-09-09 09:54:35
คือมีเพื่อนของผมซึ่งเป็นคนลาวที่เข้ามาทำงานเป็นแรงงานในประเท ศไทย แต่เค้ายังพูดภาษาไทยไม่ชัด อ่านเขียนภาษาไทยก็ไม่ถนัด เขียนได้งูๆปลาๆ พูดผิดพูดถูกเขัยนผิดเขียนถูก แต่เค้าเป็นคนดี เป็นคนรักสงบและเท่าที่ดูเค้ารักเมืองไทยมากๆ ก็เลยสงสารอยากให้เค้าได้รู้ภาษาไทย และอ่านเขียนภาษาไทยได้ในระดับพอใช้ซึ่งสามารถนำไปประกอบอาชีพแ ละใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ลำบากเหมือนทุกวันนี้ ช่วยแนะนำโรงเรียนหรือสถานที่สอนภาษาไทยให้กับคนลาว บ้างซิครับ ขอบคุณครับ
เขียนโดย เปิด 2013-05-14 22:22:14
ไทยไหญ่เรียนได้ป่าวครับ
เขียนโดย เปิด 2013-05-14 22:21:01
ที่นี่ เขาเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยป่าวครับ เดียนเท่าไร่หรอครับ
เขียนโดย admin เปิด 2013-04-19 10:39:06
บทความนี้เป็นบทความที่เราเคยไปขอสัมภาษณ์ไว้ ตั้งแต่ปี 2552 
เราไม่ใช่องค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยตรง  
จึงไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจนได้ค่ะ 
 
รบกวนลองเข้าไปดูที่เว็บนี้นะคะ เห็นมีเบอร์โทรสำหรับติดต่ออยู่ด้วย 
http://www.sammajivasil.net/bkschool/index1.htm 
 
ขอบคุณค่ะ
สอบถามด่วนคะ
เขียนโดย หนิง เปิด 2013-04-18 23:46:52
สมัครที่นี้แหละคะพอติดต่อไปเบอที่ให้ไว้ในเวบติดต่อไม่ได้เลยค ะ รบกวนตอบด้วยคะ 
เพราะอยากทราบรายละเอียดคะจะพาน้องที่บ้านไปเรียนคะ 
ขอบพระคุณมากคะ 
เบอคะ 0877934342 หรือขอเบอร์ติดต่อที่ติดต่อได้ด้วยคะ
สอบถามคะ
เขียนโดย หนิง เปิด 2013-03-23 17:03:10
จะสอบถามเรื่องการเรียนคะแต่เบอร์ที่ได้ให้ไว้โทรไปติดต่อไม่ได ้เลยคะ 
รบกวนติดต่อกลัวด้วยคะ 
ขอบพระคุณมากคะ 0877934342
เขียนโดย เปิด 2013-01-23 00:36:00
สมัคที่ไนคับ 
null[LIST][LIST
เขียนโดย admin เปิด 2013-02-21 16:02:45
แนะนำให้ลองติดต่อไปที่นี่นะคะ 
 
โรงเรียนสอนคนพม่า  
 
1. โรงเรียนสัมมาชีวศิลป์ สอนวันอาทิตย์ อยู่ซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชีย ราชเทวี มีคุณเมี่ยน เวย์ ชาวพม่า เป็นผู้อำนวยการ เบอร์ติดต่อ 02-216-4463, 02-357-7634  
 
2. มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า เป็นองค์กรเดียวกับข้อ 1 ให้ความช่วยเหลือคนพม่าที่ประสบปัญหา อยู่ที่ศูนย์กลางนักเรียนคริสเตียน สะพานหัวช้าง ราชเทวี เบอร์โทรเหมือนข้างบน  
 
3. มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพแรงงาน หรือ LPN คุณสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการ  
เลขที่ 25/17-18 หมู่บ้านมหาชัยเมืองทอง ถ.สหกรณ์ ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000 โทร.0-34434-726 , 08-6163-1390 , 08-4121-1609  
 
ขอบคุณค่ะ
เขียนโดย เปิด 2012-11-28 17:05:12
มีสอนวิชาภาษาพม่าหรือเปล่าคะ 
 
เป็นคนไทย เเต่อยากเรียนภาษาพม่าค่ะ 
 
:grin
เขียนโดย เปิด 2011-01-19 11:02:55
ดีใจมากน่ะค่ะที่คนไทยไม่แบ่งชนชั้นกันทุกชาติมีดีมีเลวทั้งนั้ นแหละค่ะ อยากให้โครงการนี้อยู่ไปอีกนานๆค่ะ ไม่แน่ว่าจะไปสมัครเป็นอาสาสมัครด้วยคนน่ะค่ะเพื่อจะไว้ช่วยพัฒ นาชีวิตเพื่อนมนุษย์ร่วมกัน
เขียนโดย เปิด 2010-09-17 17:33:26
สวัสดีครับผมเป็นเด็กคนไทย ผมภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย ได้อยู่กับญาติพี่น้องครบ แต่ผมก็เห็นใจเพื่อนชาวพม่าทุกคนที่ต่างหนีร้อนมาพึ่งเย็น ต่างคนก็ได้รับปัญหาชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนก็ลืมเรื่องที่เลวร้ายนั้นไม่ได้ บางคนก็คิดน้อยใจในตัวเองลึกลึก 
มนุษย์ทุกคนล้วนมีปัญหากันทุกคน แต่ก็อย่าไปยึดมั่นถือมั่นมันเลยควรปลอยว่างมันลงบ้าง ถ้าเรายึดมั่นถือมันกับสิ่งเหล่านั้นยิ่งทำให้ชีวิตเรายำแย่ลงก ว่าเดิมสุขภาพไม่ดี ไปเปล่าเปล่า ถ้าทำงานคนเดียวก็อย่านั่งอยุ่เฉยเฉยควรฟังเพลง หรือร้องตะโกนขณะอาบนำก็ได้มันจะได้ระบายออกมาเสียบ้าง ไม่ใช่ว่านอนอยู่คนเดียวคิดมากก็ร้องไห้.......... 
มาคิดใหม่ทำใหม่เถอาะครับ ลืมเรื่องที่เลวเลวให้มันหมดและหันมามองคนรอบข้างเราเถอาะว่าชี วิตเขานั้นดำรงชีวิตอยู่อย่างไร 
เพื่อจะได้นำชีวิตเราเดินไปกับโลกใบนี้จนชีวิตหมดลมหายใจ ............จากpp.ศก.ครับ
เขียนโดย เปิด 2010-09-11 12:01:55
แล้วสอนภาษาพม่าด้วยหรือเปล่าอยากเรียนนะ
เขียนโดย เปิด 2010-05-20 23:28:53
ดีใจมากค่ะที่เห็นคนจิตอาสาที่บริสุทธิ์และได้ถ่ายทอดออกมาอย่า งเป็นรูปธรรมแท้จริง ดีกว่าพวกมือถือสากปากถือศีล
เขียนโดย เปิด 2009-09-01 21:48:16
รู้สึกดีมากๆ หลังจากอ่านบทความนี้ค่ะ

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >