หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow พระอาณาจักรของพระเจ้า (ตอนจบ) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 94 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

พระอาณาจักรของพระเจ้า (ตอนจบ) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์ พิมพ์
Wednesday, 17 December 2008

 กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 "พระอาณาจักรของพระเจ้า" ก่อน 


-------------------------------------


พระคัมภีร์
แหล่งรวมความคิดและความปรารถนาของพระเจ้า

          เพื่อจะรู้จักความคิดและความปรารถนาของพระเจ้า จำเป็นต้องรู้จัก "พระเยซูเจ้า" เพราะพระองค์ตรัสว่า "ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย" (ยน 14:9) และ "เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา" (ยน 14:6)

Image          "พระคัมภีร์" คือแหล่งรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ "พระเยซูเจ้า" ดังที่ศิษย์ของยอห์นยืนยันว่า "นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำพยานของเขานั้นเป็นความจริง  ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น" (ยน 21:24-25)

          ด้วยเหตุนี้ นักบุญเยโรมจึงกล่าวว่า "ไม่รู้จักพระคัมภีร์คือไม่รู้จักพระคริสตเจ้า"

          อนึ่ง นักบุญยอห์นได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของพระคัมภีร์ไว้ว่า "เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า  และเมื่อมีความเชื่อนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตเดชะพระนามของพระองค์" (ยน 20:31)

          หากที่ผ่านมาเราอ่านพระคัมภีร์แล้วยังไม่บรรลุถึงวัตถุประสงค์ดังที่นักบุญยอห์นกล่าวไว้ นั่นอาจเป็นเพราะเราไม่รู้จักวิธีอ่านหนังสือพระคัมภีร์

          ปกติ วิธีอ่านหนังสือย่อมแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของหนังสือแต่ละชนิด ดังเช่น

                    • หนังสือที่เขียนเพื่อให้ข้อมูลหรือเพื่อการศึกษา เช่นสารานุกรม ตำราเรียน ฯลฯ เราต้องอ่านช้า ๆ ขีดเส้นใต้ ย่อ อ่านซ้ำ จนกว่าจะจดจำเนื้อหาได้

                    • หนังสือที่เขียนเพื่อความสนุกสนานหรือหย่อนใจ เช่นหนังสือการ์ตูน นวนิยาย  เราอาจอ่านผ่านไปได้เร็ว ๆ

                    • หนังสือภาคปฏิบัติ เช่น ตำราอาหาร เราต้องอ่านไปทำไป

          สำหรับหนังสือพระคัมภีร์ มีผู้ให้คำจำกัดความไว้ว่าเป็น "พระวาจาของพระเจ้า ที่ปรากฏในคำพูดของมนุษย์ เพื่อความรอดของเรา" ซึ่งก็คือการมีชีวิตเหมือนพระเจ้าในพระอาณาจักรของพระองค์

          ในเมื่อหนังสือพระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้เรา "เชื่อ" และมี "ชีวิต" (ยน 20:31) วิธีอ่านพระคัมภีร์จึงต้องแตกต่างจากหนังสือตำราเรียนหรือตำรากับข้าวอย่างแน่นอน

          ในฐานะที่พระคัมภีร์เป็น "พระวาจาของพระเจ้า"  แปลว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับเรา และเมื่อพระองค์ตรัสกับเรา เราต้อง...

                    1. เปิดใจ ต้อนรับพระวาจา ไม่ใช่ยึดติดกับอคติส่วนตัวเช่นพระคัมภีร์ยากเกินกว่าจะเข้าใจ หรือยึดมั่นกับทฤษฎีของตนแล้วหาพระวาจาที่สอดคล้องมาสนับสนุนความคิดของตน

                    2. รับฟัง สิ่งที่ต้องฟังคือพระวาจาที่พระเจ้ากำลังตรัสกับเรา ต่างจากเวลาเรียนคำสอนที่เราตั้งใจฟังสิ่งที่พระสงฆ์หรือครูคำสอนกำลังสอนเรามากกว่า

                    3. ไตร่ตรอง สิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเราให้เข้าใจถ่องแท้และ "รู้แจ้งเห็นจริง" ด้วยตัวของเราเอง

                    4. ปฏิบัติ ตามสิ่งที่ได้รับจากการไตร่ตรองจนกระทั่งชีวิตของเราคือการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าทุกขณะจิต

          ท่าทีทั้งสี่ประการนี้คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการ "สวดภาวนา" ดังตัวอย่างคำภาวนาของซามูแอลที่กล่าวว่า "โปรดตรัสเถิดพระเจ้าข้า ข้ารับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่" (1 ซมอ 3:10)

Image          นอกจากเป็นพระวาจาของพระเจ้าแล้ว พระคัมภีร์ยังเป็นหนังสือที่เขียนด้วย "ภาษามนุษย์" หลายยุคหลายสมัยด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม วิธีคิด วิธีสื่อสาร ฯลฯ แตกต่างจากสมัยเรา  จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจพระคัมภีร์ทุกตอน

          ด้วยเหตุนี้เราจำเป็นต้อง "ศึกษา" พระคัมภีร์ อย่างน้อยให้รู้ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ รูปแบบการเขียน ฯลฯ เพื่อจะเข้าใจความหมายของพระวาจาที่พระเจ้าตรัสกับเราได้ดีขึ้น

          ประการสุดท้าย แม้พระคัมภีร์จะถูกเขียนในอดีตประมาณ 1,000 ปี ก.ค.ศ. จนถึง ปี ค.ศ. 125  แต่มีไว้ "เพื่อความรอด" ของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย

          เงื่อนไขเดียวเพื่อจะได้รับความรอดคือเราต้อง "คิดและปรารถนาเหมือนพระเจ้า" และ "ดำเนินชีวิต" ตามที่พระองค์ตรัสกับเราในพระคัมภีร์

          ที่สุด เนื่องด้วยข้อเขียนในพระคัมภีร์เป็นบันทึกประสบการณ์ความเชื่อและประเพณีศักดิ์สิทธิ์ของ "กลุ่มชน" ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรซึ่งได้แก่ชาวอิสราแอลในพระธรรมเก่าและพระศาสนจักรในพระธรรมใหม่  จึงกล่าวได้ว่าพระคัมภีร์มีต้นกำเนิดมาจาก "กลุ่มชน" และเป็นหนังสือของ "กลุ่มชน" มากกว่าเป็นข้อเขียนส่วนตัวของผู้เขียนพระคัมภีร์แต่ละคน

          ดังนั้น พระคัมภีร์จึงมีความหมายและเข้าใจได้ง่ายกว่าเมื่ออยู่ใน "กลุ่มชน"  หากเราอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว เราจะเข้าใจความหมายของพระวาจาที่สอนให้ "รักกันและกัน" หรือ "จงให้อภัยซึ่งกันและกัน" ได้ลึกซึ้งเพียงใดกัน ?

          การ "แบ่งปันพระวาจา" จึงเป็นการเรียนรู้พระคัมภีร์ที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในกลุ่ม ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในวัด และระหว่างวัดต่าง ๆ ในสังฆมณฑล

          แต่ไม่ว่าจะศึกษาพระคัมภีร์เป็นการส่วนตัวหรือเป็นกลุ่ม สิ่งที่ต้องระลึกอยู่เสมอคือเราไม่ได้กำลังศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์หรือประวัติศาสตร์ซึ่งจะต้องจดจำรายละเอียดในอดีตให้ได้ทั้งหมด  แต่เรากำลังศึกษา "ข่าวดี" ของพระเยซูเจ้าเพื่อจะได้รู้จักพระองค์มากขึ้น รักพระองค์เพิ่มขึ้น และติดตามพระองค์ได้ใกล้ชิดขึ้น

          โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ "มีชีวิต" (ยน 20:31)

          "ชีวิต" ที่เหมือนพระเจ้า !


********************************


ความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >