หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow ข้าแต่พระบิดา (ตอนที่ 1) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 201 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

ข้าแต่พระบิดา (ตอนที่ 1) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์ พิมพ์
Wednesday, 24 December 2008

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย

(มัทธิว 6:9-15)

Image 

(9)ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้ ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ (10)พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ (11)โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ (12)โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น (13)โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การประจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ (14)เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย (15)แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน

 

*********************

         

ก่อนศึกษาความหมายของบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนไว้ มีข้อสังเกตสำคัญบางประการที่เราพึงระลึกถึงอยู่เสมอคือ

1.       พระเยซูเจ้าทรงสอนบทภาวนานี้แก่ บรรดาศิษย์ ดังที่นักบุญลูกาบันทึกไว้ว่า วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด’” (ลก 11:1)

                   หมายความว่าคนที่จะสวดภาวนาบทนี้ได้ต้องเป็นศิษย์ของพระองค์ นั่นคือต้องเชื่อและอุทิศตนแด่พระองค์ก่อน จึงจะเข้าใจสิ่งที่กำลังภาวนาหรือวอนขอได้อย่างแท้จริง

          2.       ข้อสังเกตประการที่สองคือ บทภาวนานี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน  ตอนแรกเป็นคำวอนขอ 3 ข้อเกี่ยวกับพระเจ้าและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์  ส่วนตอนที่สองเป็นคำวอนขออีก 3 ข้อเกี่ยวกับความต้องการของเราเอง

                    ลำดับของคำวอนขอทั้งสองตอนบ่งบอกว่า สิ่งแรกสุดที่เราต้องทำเวลาสวดภาวนาคือ ยกย่องพระเจ้าไว้เหนืออื่นใดและยอมรับว่า พระประสงค์จงสำเร็จไป  เมื่อยอมรับพระองค์อย่างเหมาะสมแล้ว เราจึงสามารถวอนขอสิ่งที่ต้องการได้

                    หรือพูดง่าย ๆ คือ พระประสงค์ของพระเจ้าต้องมาก่อนความต้องการของเราแต่ละคน

          3.       ข้อสังเกตประการสุดท้ายคือ คำวอนขอตอนที่สองนั้น เกี่ยวข้องกับความต้องการของเราทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

                    และที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งคือ ความต้องการของเราทั้ง 3 ข้อ ล้วนเกี่ยวข้องกับพระเจ้าทั้ง 3 พระบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพระบิดา พระบุตร และพระจิต  ดังจะเห็นได้จากตารางข้างล่างนี้

 

ความต้องการ

เวลา

ผู้ประทาน

อาหารที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต

ปัจจุบัน

พระบิดา

การอภัย

อดีต

พระบุตร

ความช่วยเหลือในการต่อสู้กับการประจญ

อนาคต

พระจิต

 

          การภาวนาจึงเป็นการนำตัวเราทั้งครบมามอบไว้ในความดูแลของพระเจ้า และในเวลาเดียวกันก็นำพระเจ้าทั้งครบมาไว้ในชีวิตของเรา !

 

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย (มธ 6:9)

          พระเยซูเจ้าทรงสรุปความเชื่อของเราคริสตชนไว้ดีที่สุดเมื่อทรงสอนให้เราเรียก พระเจ้า ว่า "บิดา"  เพราะว่าความเป็น บิดา หรือความเป็น พ่อ ของ พระเจ้า ได้ก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ ใหม่ในชีวิตของเราถึง 5 ด้านด้วยกัน กล่าวคือ

          1.       กับโลกที่มองไม่เห็น  ในอดีตมนุษย์เชื่อว่ามีเทพเจ้ามากมายสิงสถิตอยู่ในทะเล มหาสมุทร ตามแม่น้ำ ลำธาร ต้นไม้ ป่า ภูเขา ก้อนหิน ฯลฯ  เทพเจ้าเหล่านี้ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ ทำให้มนุษย์ต้องเจริญชีวิตด้วยความหวาดกลัวและจำเป็นต้องเซ่นไหว้บรรดาเทพเจ้าเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติต่าง ๆ

                   เทพนิยายกรีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ในยุคที่มนุษย์ยังไม่รู้จักไฟ เทพเจ้าแห่งไฟนามว่าโพรเมเทอุส (Prometheus) เห็นมนุษย์เจริญชีวิตด้วยความยากลำบาก ต้องกินอาหารดิบ หนาวเย็น จึงเกิดความสงสารและให้ไฟเป็นของขวัญแก่มนุษย์  แต่เซอุสซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งเทพเจ้าทรงพิโรธจัดที่โพรเมเทอุสทำผิดธรรมเนียมของเทพเจ้า เพราะนอกจากจะไม่กลั่นแกล้งมนุษย์ให้เกรงกลัวแล้ว ยังให้ของขวัญแก่มนุษย์อีก  เซอุสจึงจับโพรเมเทอุสล่ามโซ่ไว้กับหินกลางทะเลเอเดรียติคที่ร้อนจัดเวลากลางวันและหนาวจัดเวลากลางคืน พร้อมกับปล่อยให้แร้งคอยจิกกินตับของโพรเมเทอุสที่งอกขึ้นมาใหม่อีกด้วย

                    แม้ในปัจจุบัน ความเกรงกลัวเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นก็ยังคงมีอยู่ทั่วไป ดังจะเห็นได้จากการเซ่นไหว้บวงสรวงเจ้าที่เจ้าทาง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เพื่อให้แคล้วคลาดจากเคราะห์กรรมต่าง ๆ นานา เป็นต้น

                    แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีมากมายจนเซ่นไหว้เอาใจไม่ถูก แต่มีพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว ที่สำคัญพระเจ้าองค์นั้นทรงเป็น บิดา ที่มีหัวใจแบบ พ่อ  เราจึงไม่ต้องหวาดกลัวพระเจ้าหรืออำนาจเร้นลับที่มองไม่เห็นอีกต่อไป

          2.       กับโลกที่มองเห็น  หลังจากได้ประสบกับภัยธรรมชาติดังเช่น สึนามิ เฮอริเคน ไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว อุบัติเหตุ ความตาย ตลอดจนความทุกข์ยากต่าง ๆ นานาแล้ว  เราอาจวิตกกังวลว่าโลกใบนี้น่าอยู่และเป็นมิตรกับเราหรือไม่ ?

                   เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเรียกพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกใบนี้ว่า พ่อ  ความกังวลสงสัยดังกล่าวจึงหมดไป เพราะย่อมไม่มีพ่อคนใดสร้างโลกที่เป็นศัตรูให้ลูกอยู่อาศัยเป็นแน่

                   เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ เราจึงเข้าใจความหมายของความทุกข์ยากต่าง ๆ ว่าเป็นแผนการของ พ่อ ที่ต้องการสอนและเตรียมเราให้พร้อมสำหรับชีวิตใหม่ที่ดีกว่า  และเมื่อเข้าใจดังนี้ เราย่อมอดทนและเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากต่าง ๆ ได้ดีกว่าและมากกว่า

                   นอกจากนั้น ความทุกข์ยากบางประการยังเป็นผลดีกับตัวเราแม้ในโลกนี้เอง เช่น การเจ็บป่วย แม้จะไม่ใช่สิ่งที่น่าปรารถนา แต่ก็เป็นเสมือน สัญญาณเตือนภัย เรียกร้องให้เราไปพบแพทย์ก่อนที่โรคร้ายจะลุกลามจนสายเกินแก้

          3.       กับเพื่อนมนุษย์  เราทุกคนเป็นพี่น้องกันเพราะต่างก็มี "พ่อ" องค์เดียวกัน  ด้วยเหตุนี้เราต้องรักกัน ให้อภัยกัน และแบ่งปันซึ่งกันและกัน

                   ในบทข้าแต่พระบิดาไม่มีคำว่า ฉัน  คนที่เห็นแก่ตัวมัวคิดถึงแต่ ฉัน จึงสวดบทข้าแต่พระบิดาไม่ได้ อย่างดีก็แค่อ่านหรือท่องจำบทข้าแต่พระบิดาเท่านั้น

          4.       กับตัวเอง  ในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักตัวเราดีไปกว่าตัวเราเอง  เรารู้ว่าตัวเองเป็นคนบาป อ่อนแอ เหลวไหล หลอกลวง และก่อกรรมทำเข็ญแก่ผู้อื่นมากน้อยเพียงใด จนบางครั้งเรารู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เกลียดตัวเอง ดูหมิ่นตัวเอง และคิดว่าตัวเองไร้ค่า

                   แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเป็น มิตร กับตัวเอง เพราะแม้เราจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าสักเพียงใดก็ตาม เรายังคงมีค่าเสมอในสายพระเนตรของพระเจ้าผู้ทรงเป็น บิดา ที่ทรงกางพระหัตถ์คอยต้อนรับเราผู้เป็นทั้ง บุตร และ ทายาทสวรรค์ อยู่เสมอ

          5.       กับพระเจ้า  ความสัมพันธ์ฉัน พ่อ-ลูก หาได้เป็นการดึงพระเจ้าลงมาเสมอกับมนุษย์แต่ประการใดไม่  แต่เป็นการทำให้เราเข้าถึงความรัก ความยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพของพระเจ้าผู้สูงสุดได้ง่ายขึ้น 

                   แล้วยังจะมี ความสัมพันธ์ ใดยิ่งใหญ่และสำคัญมากไปกว่าการมีพระเจ้าเป็น บิดา ของเราอีกเล่า ?


Image

Image ติดตามอ่าน ตอนที่ 2 ...พระองค์สถิตในสววรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ...
ในวันพุธหน้า (31 ธ.ค. 51)


ความคิดเห็น
เขียนโดย เปิด 2011-07-22 11:52:03
บทสวดวันทามารี  
วันทามารีเปี่ยมด้วยพระหรรษทานพระเจ้าสถิตกับท่านผู้ได้รับพระพ รกว่าสตรีใดๆและพระเยซูโอรสของท่านทรงได้รับพระพรยิ่งนัก สันตะมารีพระมารดาพระเจ้าโปรดภาวนาเพื่อลูกทั้งหลายผู้เป็นคนบา ปบัดนี้และเมื่อจะตาย 
อาแมน

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >