กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ก่อน สันติวิธีและทางรอดของการยุติความรุนแรงในภาคใต้ (ตอนที่ 3)โดย : ศราวุฒิ ประทุมราช
ในการปฏิบัติการไร้ความรุนแรงนั้นมีรูปแบบที่มักใช้อยู่เสมอได้แก่ การเจรจา การรณรงค์ เผยแพร่ การชุมนุม การรักษาความสงบ ในที่นี้ขอเสนอทักษะที่สำคัญ 2 ประการ เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ทราบแนวทางเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติได้แก่ การเจรจาและการชุมนุม
1) การเจรจา การเจรจาแม้มิใช่ปฏิบัติการไร้ความรุนแรงโดยตัวของมันเอง แต่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญและสามารถมีบทบาทได้ในทุกขั้นตอนของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง แรกสุดก่อนที่จะเผชิญหน้ากับคู่กรณีด้วยปฏิบัติการไร้ความรุนแรง นักสันติวิธีควรเริ่มต้นด้วยการเจรจาก่อน ชี้ให้เขาเห็นปัญหาในทัศนะของเรา และทางออก ต่อเมื่อไม่สัมฤทธิผลและไม่มีทางออกอื่น จึงมาถึงขั้นปฏิบัติการ แต่ในระหว่างที่มีการปฏิบัติการนั้นเอง นักสันติวิธีย่อมพร้อมและเปิดโอกาสให้มีการเจรจากันได้เสมอ จนถึงที่สุดของปฏิบัติการ โดยที่การเจรจาอาจเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน หลักการเจรจาแบบสันติวิธี 1) พยายามเข้าใจจุดยืน มุมมองและเหตุผลของคู่กรณี มองให้เห็นข้อเท็จจริงของสถานการณ์ตามที่เขารับรู้มา 2) มองเห็นส่วนดีของเขาไม่ว่าจะเป็นทัศนคติหรือพฤติกรรม และยินดีบอกสิ่งนั้นแก่เขา การกระทำเช่นนี้จะช่วยลดอคติ และช่วยให้คู่กรณีตระหนักว่าเขาได้รับการเคารพ 3) มองผู้ที่เราเจรจาด้วยว่าเป็นผู้ที่สามารถจะเป็นฝ่ายเดียวกับเราได้ หรือสามารถที่จะตกลงด้วยดี ด้วยการที่ได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย หรือได้รับประโยชน์ร่วมกัน 4) รักษาลู่ทางในการเจรจาไว้เสมอ เปิดโอกาสและพร้อมเสมอที่จะเจรจา การปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพโดยเปิดเผยแม้การเจรจาจะไม่ประสบผล จะทำให้การเจรจาครั้งต่อไปหรือการร่วมมือกันเป็นไปได้ในอนาคต 5) ไม่ดูถูกหรือแสดงความก้าวร้าว ด้วยสำคัญตนว่าเราเป็นฝ่ายถูกตลอดเวลา วิธีการ 1) มีข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงเป็นรูปธรรม และมีความเป็นไปได้ ทั้งยังเป็นที่เห็นพ้องยอมรับของทุกคนที่ร่วมเตรียมการ นอกจากนั้นข้อเสนอดังกล่าวควรมีข้อมูลสนับสนุน(เช่น รัฐธรรมนูญ กฎหมาย หลักการสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หรือ มติคณะรัฐมนตรี) 2) ข้อเสนอดังกล่าวสามารถที่จะเปิดทางออกให้แก่คู่กรณี โดยที่อย่างน้อยทำให้เขาไม่รู้สึกเสียหน้าจนเกินไป 3) ผู้เจรจาไม่ควรมีคนเดียว ควรมีเป็นคณะ มีหน้าที่บทบาทต่างๆกัน เช่น บันทึกการเจรจา ประเมินสถานการณ์ขณะเจรจาและพูดคุยกับคู่กรณี 4) เจรจาอย่างเปิดเผย ไม่ควรเจรจาอย่างลับ ๆ หรือสองต่อสอง 5) มีการบันทึกระหว่างการเจรจาตลอดเวลา และให้เพื่อนๆรู้ความเป็นไปในการเจรจาด้วย 6) ขอเวลานอก หากจำเป็น 7) ควรมีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมก่อนเจรจาจริง 8) ข้อตกลงต้องเป็นรูปธรรม เฉพาะเจาะจง แจ่มชัด และมีการติดตาม ลักษณะของผู้เจรจา นอกจากจะมีทัศนคติดังได้กล่าวมาแล้ว ผู้เจรจายังควรเป็นผู้ที่มองโลกตามความเป็นจริง มีความยืดหยุ่น มีขันติธรรมสูง ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้ มีปฏิภาณตัดสินใจได้ฉับไว มีความอ่อนน้อมแต่ยืนหยัด มีฐานอำนาจในการต่อรอง มีบุคลิกที่คนอื่นไว้ใจ แต่ไม่ประมาทผู้อื่น ดูเหมือนว่าปัญหาความรุนแรงในภาคใต้นั้น ยังไม่ค่อยได้ใช้วิธีการเจรจา กันมากนัก เพราะฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง โดยอ้างการแบ่งแยกดินแดนนั้น ไม่เคยแสดงตัวให้ปรากฏว่า เป็นใคร และ ฝ่ายรัฐเอง ก็ไม่เคยแสดงตนว่า พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้มีการเจรจา นอกจากเคยมีการจัด โดยผู้สื่อข่าวในการตั้งโต๊ะ เจรจากับอดีตผู้นำขบวนการพูโล เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งน่าจะมีการศึกษารูปแบบ และยุทธวิธีของการเจรจาไว้ เพื่อฝึกฝนในเมื่อจำต้องนำมาปฏิบัติในสถานการณ์จริง ติดตามอ่านตอนที่ 4 (ตอนจบ) ได้ในวันพุธหน้าค่ะ Powered by AkoComment 2.0! |