บทความล่าสุด |
---|
รัฐบาลทักษิณ กับกรณีคนหาย โดย ศราวุฒิ ประทุมราช |
Thursday, 15 June 2006 | ||||
รัฐบาลทักษิณ กับกรณีคนหาย
ในที่นี้ขอกล่าวถึงการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความนักสิทธิมนุษยชนที่ได้เป็นปากเสียงให้แก่ผู้ต้องหาในคดีสำคัญที่เกี่ยวกับความไม่สงบในภาคใต้ เป็นที่ทราบกันดีว่านายสมชาย นีละไพจิตรได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๗ โดยได้ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ สาเหตุที่นายสมชายหายตัวไปสันนิษฐานว่ามาจากการรับว่าความให้แก่ผู้ต้องหา ๕ คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันการปล้นปืนที่กองพันทหารพัฒนาที่ ๔ (ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส) ซึ่งนายสมชายได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพฯว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาทั้ง ๕ คนดังกล่าว และได้ไปอภิปรายในหลายเวทีว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องกับการซ้อมทรมานให้มีการรับสารภาพ และนายสมชายจะเปิดเผยเรื่องดังกล่าวในศาล ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องไม่พอใจสาเหตุประการที่สอง ก็คือ นายสมชายเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อขอให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนายสมชายได้กระทำในนามชมรมนักกฎหมายมุสลิม การดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องใช้กฎอัยการศึกในการปฏิบัติหน้าที่ไม่พอใจ เพราะหากมีการยกเลิกกฎอัยการศึกจริงๆ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างยากลำบากขึ้น แต่ขณะเดียวกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะได้รับการเคารพมากขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงได้การจับตัวนายสมชายมาเพื่อขอความร่วมมือ ไม่ให้ดำเนินการตามสิทธิและหน้าที่ของทนายความ แต่ไม่สามารถขอร้องนายสมชายได้ จึงมีการ ลงไม้ลงมือ เพื่อกำจัดนายสมชาย พลเอกชวลิต ยงใจยุทธรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๗ ว่า ”ผมมีข้อมูลว่านายสมชายได้พูดคุยกับใครในทำเนียบรัฐบาลก่อนเสียชีวิต” แต่เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษากรณีการหายไปของนายสมชาย วุฒิสภาได้ทำหนังสือเรียกให้มาให้ถ้อยคำ ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่มิได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด ๒๘ มีนาคม ๒๕๔๗ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในการประชุมหน่วยงานความมั่นคงตอนหนึ่งว่า “... เท่าที่ทราบได้รับข่าวในทางลับว่ามีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง นำตัวนายสมชาย นีละไพจิตรไปดำเนินการบางอย่างที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วเงียบหายไป...” ๘ เมษายน ๒๕๔๗ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๕ นาย ว่ามีส่วนร่วมในการหายตัวไปของนายสมชาย ได้แก่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งห้าคนได้รับการประกันตัว เพื่อต่อสู้คดี ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด จำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นและจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป จากการประมวลข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้เกิดคำถามถึงการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้ ในกรณีนายสมชาย นีละไพจิตร ดังนี้ อย่าลืมว่าทั้งพลเอกชวลิต และนายกทักษิณ ได้ยอมรับต่อวุฒิสภาและที่ประชุมฝ่ายความมั่นคงแล้วว่า ได้พบเบาะแสของการหายตัวไปของนายสมชาย ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ของการหายตัวไป แต่เมื่อมีการขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กลับไม่มาให้ข้อเท็จจริงตามที่วุฒิสภาเรียก จึงมีข้อน่าสงสัยว่า รัฐบาลจะรู้เห็นเป็นใจให้มีการ “อุ้ม”นายสมชายหรือไม่ ๒. รัฐบาลไม่สามารถปัดความรับผิดชอบโดยอ้างว่า เรื่องนี้กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาล แม้ว่าจะมีการฟ้องรองนายตำรวจ ๕ นายที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไป ก็ตาม ศาสตราจารย์วิทิต มันตาภรณ์ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้แสดงความเห็นว่า “... การแสดงออกของผู้ใหญ่ในรัฐบาลไทยไม่โปร่งใสในหลายส่วน และถึงแม้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ระดับกลาง-เล็ก แต่คำถามคือว่าแล้วใครรับผิดชอบกันแน่ในระดับที่สูงกว่านี้ ... กระบวนการ(สอบสวน)เจ้าหน้าที่มีความโปร่งใสตามหลักนิติธรรมหรือเปล่า ถ้าเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มเดียวกันที่มาสอบสวน อันนี้ขัดกับหลักนิติธรรม โอกาสที่ลำเอียงมีเยอะ น่าจะเป็นฝ่ายอื่นมากกว่า แล้วก็น่าจะให้ประชาชนมีส่วนร่วม”๑ ประเด็นต่อมาศ.วิทิต ได้ตั้งข้อสังเกตว่า จะมีผู้ทำงานพิเศษของสหประชาชาติในเรื่อง การถูกบังคับให้หายสาบสูญ หรือ UN Working Group on Enforced Disappearance จะขอเดินทางเข้ามาในเมืองไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม แต่ตามธรรมเนียมแล้ว UN จะขอให้รัฐบาลเจ้าของประเทศที่จะเข้าไปตรวจสอบทำจดหมายเชิญ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้กลายเป็นการเข้าแทรกแซงโดยสหประชาชาติ แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลไทยได้แสดงท่าทีเชื้อเชิญคณะทำงานชุดนี้ แต่อย่างใด ๓. นายสมชาย นีละไพจิตร ถือเป็นนักต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน คนหนึ่งที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปกป้องสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้ต้องหา ในฐานะทนายความ ซึ่งมิได้รับผิดชอบคดีที่เกี่ยวกับปัญหาในภาคใต้เท่านั้น มีคดีอีกมากมายที่นายสมชายได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสภาทนายความ แต่รัฐบาลนี้ไม่สามารถปกป้องสิทธิในชีวิตของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนายเจริญ วัดอักษร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์หินกรูด หรือกรณีอื่นๆอีกกว่า ๑๕ คดีที่นักต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิต รัฐบาลไม่มีมาตรการในการดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพในการปกป้องนักต่อสู้เหล่านี้ จากข้อสังเกตของคำถามถึงรัฐบาลดังกล่าวจึงขอเสนอทางออกของกรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ดังนี้ ๑. รัฐบาลต้องเชื้อเชิญให้คณะทำงานของสหประชาชาติว่าด้วยการถูกบังคับให้หายสาบสูญ เข้ามาตรวจสอบการหายตัวไปของนายสมชายและกรณีอื่นๆที่เกิดขึ้นในภาคใต้ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจและเต็มใจว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของนายสมชาย และรัฐบาลพร้อมที่จะหาตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญหายของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาดำเนินการตามหลักนิติธรรมและกระบวนการยุติธรรม ๒. คณะกรรมการติดตามผู้สูญหายที่รัฐบาลได้แต่งตั้งขึ้นใหม่ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอกชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นประธานนั้น ต้องมีผู้แทนของภาคประชาชน องค์กรประชาสังคมและองค์กรพัฒนาเอกชนเข้าร่วมด้วย เพื่อความหลากหลายของผู้คนในสังคม และการมีส่วนร่วมของประชาชน อันเป็นบทบาทหน้าที่ของรัฐตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐในรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๖ ที่ว่า "รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ" ๓. รัฐบาลต้องถือเป็นภารกิจเร่งด่วนในการปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ทั้งในแง่การถอนรากถอนโคนผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในช่วงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ และสร้างหลักประกันและมาตรการที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลเพื่อมิให้มีการลอบสังหาร การข่มขู่ คุกคามบุคคลที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป ๑ วิทิต มันตาภรณ์ คำอภิปรายในงานเสวนาเรื่อง "นโยบายการเมือง ปัญหาภาคใต้ และสมชาย นีละไพจิตร" วันที่ 28 มกราคม 2548
(จาก วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๒๖ ฉบับที่ ๖๘ พ.ค. - ส.ค. ๒๕๔๘ หน้า ๖๖-๖๘)
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|