บทความล่าสุด |
---|
The Motorcycle Diaries โดย ลีออง ๑๙๖๘ |
Friday, 02 June 2006 | |||
THE MOTORCYCLE DIARIES
“พวกเราคับแคบเกินไป อคติ ด่วนสรุป และยึดมั่นอะไรมากเกินไปหรือเปล่า” “การเร่ร่อนไปทั่วอเมริกาใต้ มันได้เปลี่ยนแปลงตัวผมไปมากกว่าที่คิด ผมไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว” นี่คือบทสรุปของบันทึกแห่งการเดินทางเล่มหนึ่งซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางที่เปลี่ยนคนธรรมดาคนหนึ่งให้กลายป็นวีรบุรุษของอเมริกาใต้ หนึ่งในผู้นำการปฎิวัติปลดปล่อยประเทศคิวบา....เช กูวารา The Motorcycle Diaries จากเรื่องราวการเดินทางของ เช กูวารา ที่ถูกบันทึกไว้บนแผ่นกระดาษด้วยตัวเขาเอง ถูกนำมาบันทึกใหม่ด้วยแผ่นฟิล์มอีกครั้ง จากการกำกับของ Walter Salles และเขียนบทโดย Jose Revera คงจะไม่มากเกินไปนักถ้าผู้เขียนจะบอกว่า The Motorcycle Diaries เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดมากๆ เชื่อว่าหลายท่านที่ได้ชมก็คงจะคิดแบบเดียวกับผู้เขียน เพราะไม่มีช่วงไหนของเนื้อเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนักจนเกินไป แต่เราสามารถซึมซับเรื่องราวต่างๆที่ก่อให้เกิดความเป็นวีรบุรุษ ผ่านความสนุกของหนังแนวผจญภัยได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเมื่อหนังเดินเรื่องมาถึงฉากสุดท้ายเราก็จะเข้าใจได้เลยว่า ถ้าไม่มีการเดินทางครั้งนี้ก็คงไม่มี เช กูวารา ความสนุกที่เต็มไปด้วยสาระเริ่มต้นขึ้นที่ชายหนุ่มสองคน ซึ่งต่างก็สาระวนอยู่กับการเตรียมข้าวของต่างๆ ที่จะใช้ในการเดินทาง แน่นอนหนึ่งในนั้นก็คือ เช หรือ เออร์เนสโต้ กูวารา (รับบทโดย กาเอล การ์เซีย เบอร์นัล) นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายวัย ๒๓ ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านโรคเรื้อนและมีอาการหืดหอบเป็นโรคประจำตัว ตัดสินใจติดรถเพื่อนรุ่นพี่ อัลเบอร์โต้ กรานาโด้ (รับบทโดย โรดรีโก้ เดอ ลา เซอร์น่า )ที่เอ่ยปากชักชวนเออร์เนสโต้ให้ไปร่วมผจญภัยเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ ๓๐ ปีครั้งแรกและครั้งเดียวของเขาด้วยแผนการง่ายๆ คือไปตายเอาดาบหน้าด้วย นอร์ตัน ๕๐๐ ซีซี มอเตอร์ไซด์รุ่นเดอะที่พวกเขาตั้งชื่อให้มันอย่างค้านสายตาคนดูว่า ยายจอมพลัง กับระยะทาง ๘,๐๐๐ กิโลเมตรภายในเวลา ๔ เดือน เพื่อสำรวจทวีปอเมริกาใต้ เริ่มจากบ้านที่อาร์เจนตินาผ่านชิลีขึ้นเหนือสู่ความสูง ๖,๐๐๐ เมตร ผ่านทางขรุขระของเทือกเขาแอนดิสไปยังมาซู พิคซู เข้าชุมชนโรคเรื้อนซานพาโบล ในเพรูเลี่ยน อเมซอน จุดหมายก็คือคาบสมุทรกัวจิร่า ในเวเนซูเอร่าเพื่อจิบไวน์และเบียร์ฉลองวันเกิดที่รายล้อมไปด้วยผู้หญิง ก็เป็นสามัญของหนุ่มวัยแสวงหาอย่างพวกเขาที่ไม่ได้คาดหวังอะไรในการเดินทางมากไปกว่าความสนุกที่จะได้แปลกหูแปลกตาไปกับดินแดนใหม่ๆ เพลงใหม่ๆ เบียร์รสชาติใหม่ๆ แล้วก็ตบท้ายด้วยเรื่องของสาวๆ ใช่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะทันทีที่เริ่มออกเดินทางพวกเขาก็เริ่มออกนอกเส้นทางกันแล้ว จุดหมายนอกพิกัดครั้งนี้ก็คือบ้านของชิชิน่า แฟนสาวผู้มีอันจะกินของเออร์เนสโต้ว่าที่วีรบุรุษของพวกเรา และที่นี่เองทำให้เราได้รู้ว่า ในตัวของเออร์เนสโต้นั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เริ่มจะหล่อหลอมเขาให้กลายเป็นวีรบุรุษ อย่างแรกที่เห็นก็คือ ความมุ่งมั่นซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของอุดมการณ์ เมื่อ ชิชิน่า พยายามจะดึงตัวเออร์เนสโต้ไว้พร้อมกับขู่ว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะทำให้เธอเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเออร์เนสโต้ได้ ตามมาด้วยอีกสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเขา นั่นก็คือ ความยึดมั่นในสัจจะคำสัญญา เพราะหลังจากที่เขาเดินทางออกจากบ้านชิชิน่าพร้อมกับรับเงินจากแฟนสาวซึ่งฝากให้ซื้อชุดว่ายน้ำ เขาและอัลเบอร์โต้ต้องพบความยากลำบากที่ตั้งด่านรออยู่ตลอดระยะทาง รถก็เริ่มพัง สติสตังค์และเสบียงก็เริ่มหมด ยัง.....ยังไม่พอ เต็นท์ที่เอาไว้กางนอนก็ถูกพายุสอยเอาไปต่อหน้าต่อตา แถมด้วยโรคหืดหอบที่เออร์เนสโต้พกติดตัวไว้ก็ดันกำเริบขึ้นมาซ้ำเติมอีก แม้อัลเบอร์โต้จะเกลี้ยกล่อมจนปากเปียกปากแฉะให้เออร์เนสโต้เอาเงินของชิชิน่ามาใช้ก่อนเพื่อที่จะได้พาเขาไปโรงพยาบาล เพื่อการเดินทางและการกินอยู่ดีขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะถึงเป็นตายร้ายดียังไง เออร์เนสโต้ก็ไม่ยอมเอาเงินในภารกิจซื้อชุดว่ายน้ำให้ชิชิน่ามาใช้แม้แต่แดงเดียว เป็นไงล่ะครับสำหรับอุดมการณ์และวาจาสัตย์ของนายเออร์เนสโต้ ที่เริ่มฉายแววให้เห็น และก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างตามที่บอกไว้ ค่อยๆ ทยอยออกมาให้เราได้เห็น เพราะการเดินทางนั้นยังไม่จบ แต่จะทำอย่างไรล่ะในเมื่อปัจจัยทุกอย่างก็เริ่มไม่สมประกอบแบบนี้ อันนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับความกระล่อนของนายอัลเบอร์โต้ที่คอยแต่งเรื่องหลอกชาวบ้านเพื่อขอข้าวและที่พักซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับคนดูไปตลอดทาง แต่ความสนุกนั้นก็ต้องสะดุดลง เพราะอะไรล่ะ...ก็สามัญสำนึกของเออร์เนสโต้น่ะซิ ที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา ในขณะที่อัลเบอร์โต้กำลังบอกกับชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งป่วยเป็นเนื้องอกที่ต้นคอว่าเป็นเพียงแค่ก้อนไขมันธรรมดาและพวกเขาก็จะรักษาให้เพื่อแลกกับที่พักและอาหาร แต่เออร์ เนสโต้กลับไม่เล่นด้วย และไม่คิดจะหาประโยชน์จากคนที่กำลังเดือดร้อน พร้อมกับบอกให้รีบไปโรงพยาบาลก่อนที่จะสายเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเออร์เนสโต้จะหาประโยชน์จากใครไม่เป็น เพราะเมื่อมาถึงชิลีเขาก็เดินตรงเข้าไปในสำนักพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ที่นั่น ขอให้ตีพิมพ์เรื่องราวการเดินทางของพวกเขาซึ่งก็ได้รับความร่วมมือและร่วมแต่งเรื่องจากทางสำนักพิมพ์เป็นอย่างดีเรียกว่าใส่ไข่ซะดูยิ่งใหญ่เกินจริง ทำให้ความสะดวกสบายกลับมาเยือนเขาสองคนอีกครั้ง ซ่อมรถฟรี ข้าวปลาอาหารและเบียร์ฟรีในงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความสุข แต่ก็เป็นความสุขที่อยู่กับพวกเขาได้ไม่นานเมื่อแฟนสาวของช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์เริ่มทอดสะพานให้กับเออร์เนสโต้ ความเป็นผู้ชายของเขาก็เป็นเหตุให้พวกเขาต้องกระโดดขึ้นรถที่ยังซ่อมไม่เสร็จหนีออกจากเมืองนั้นก่อนที่จะโดนรุมสหบาทา สร้างความเสียหายให้กับยายจอมพลังจนถึงขั้นพังสนิท นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ได้สนุกจากหนัง และในครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นว่านายเออร์เนสโต้ - ว่าที่วีรบุรุษของพวกเราก็เป็นคนธรรมดาที่มีโอกาสผิดพลาดกันได้ แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เราได้เห็น เพราะหลังจากนี้ไปสิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ ความมีน้ำใจและความเป็นผู้ให้ของเออร์เนสโต้ เริ่มจากที่ประเทศชิลี เออร์เนสโต้ได้ให้ยาของเขาทั้งหมดกับผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังทรุดหนักจากอาการป่วยคล้ายกับโรคประจำตัวของเขา เออร์เนสโต้รับรู้ถึงความทุกข์ความสิ้นหวังของทุกๆ คนได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเองนั้นก็เจ็บป่วยและเพิ่งจะผ่านการสูญเสียคนรักด้วยจดหมายบอกเลิกจากชิชิน่ามาหมาดๆ เออร์เนสโต้จึงนำเงินที่ชิชิน่าฝากซื้อชุดว่ายน้ำที่เขาไม่มีโอกาสจะได้เห็นเธอสวมใส่ ให้กับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ต้องออกเร่ร่อนหางานทำหลังจากสูญเสียที่ดินทำกินอย่างไม่เป็นธรรมจากพวกนายทุน วันเกิดของอัลเบอร์โต้มาถึงแล้ว ไม่มีงานฉลองใดๆ เพราะพวกเขายังไปไม่ถึงเวเนซูเอร่า การที่เขาสองคนตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่ชิลีและออกเดินทางขึ้นเทือกเขาแอนดิสประเทศเปรูด้วยการโบกรถสลับกับการเดินเท้า ทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาไปมากและพบกับความลำบากในการเดินทางมากขึ้น แต่มันก็ทำให้เขาทั้งสองได้สัมผัสชีวิตของผู้คนบนนั้นมากขึ้นเช่นกัน ชีวิตทุกข์ยากของชาวพื้นเมืองซึ่งถูกกดขี่ข่มเหงและไร้ที่พักพิงในบ้านเกิดของตัวเอง มันเป็นความโศกเศร้าที่แทรกซึมอยู่ในความสวยงามของธรรมชาติที่เมืองคัซโคและมาซู พิคซู ความลำบากในการเดินทางได้จบลง เมื่อเขาทั้งสองได้รับความช่วยเหลือจากผู้อำนวยการสถาบันโรคเรื้อนที่เมืองลิม่าที่จัดการส่งพวกเขาไปชุมชนโรคเรื้อนซานพาโบลในอเมซอนด้วยเรือสำราญลำใหญ่ มันเป็นเรือที่ให้ความสุขความสบายกับเออร์เนสโต้ได้ก็เพียงแค่ทางกาย ความโศกเศร้าภายในใจของเขานั้นยังคงอยู่และดูจะเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่เขาหันไปมองเรือลำเล็กที่ถูกลากจูงให้ร่วมเดินทางมาด้วยในสายน้ำเดียวกัน มันเป็นเรือที่มีความเป็นอยู่แตกต่างไปจากเรือลำใหญ่มาก มันเป็นเรือที่เต็มไปด้วยความแออัดของเหล่าคนจนที่เบียดเสียดกันจนแทบจะลุกเดินไปไหนไม่ได้ “ทำไมเราต้องแบ่งแยก ทำไมเราถึงอยู่ร่วมกันไม่ได้“ เป็นคำถามที่ออกมาจากสายตาของเออร์เนสโต้ ความเป็นไปในโลกของความเป็นจริงกับสิ่งที่เออร์เนสโต้ได้รับรู้ผ่านตัวหนังสือในชั้นเรียนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ความรู้สึกที่เขาได้รับเมื่อมาสัมผัสด้วยตัวเองนั้นกลับแตกต่างกันอย่างมาก จนทำให้ชีวิตและความคิดเดิมๆ ของเออร์เนสโต้ต้องสิ้นสุดลงที่นิคมโรคเรื้อนในซานพาโบลซึ่งถูกแม่น้ำอเมซอนแบ่งแยกออกเป็น ๒ ส่วน โดยฝั่งทางด้านเหนือเป็นที่พักอาศัยของหมอและเจ้าหน้าที่ ส่วนอีกฝั่งนั้นเต็มไปด้วยผู้ป่วยโรคเรื้อนขั้นรุนแรงจากทั่วอเมริกาใต้ แม้จะไม่มีการติดต่อของโรคแต่ผู้ป่วยที่นี่กลับถูกปิดกั้นและตัดขาดจากโลกภายนอกเพียงเพราะพวกเขามีสภาพร่างกายที่น่ารังเกียจ ภาพมือเปล่าของเออร์เนสโต้ที่สัมผัสกับมือของผู้ป่วยสร้างความตื้นตันให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กฎระเบียบที่บังคับให้หมอต้องสวมถุงมือราวกับเป็นการปิดกั้นความอาทรที่หมอมีต่อคนไข้ได้ถูกทำลายลงแล้ว พร้อมๆ กับความรู้สึกโดดเดี่ยวของผู้ป่วยก็ได้เริ่มถูกทำลายลงด้วย เพราะตลอดเวลาที่เออร์เนสโต้ใช้ชีวิตเป็นหมออาสาอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ทำการรักษาแค่โรคร้ายเท่านั้น แต่เขายังเป็นเพื่อนที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กับผู้ป่วย จนเกิดเป็นความรักความผูกพันที่มีให้กันและกันตั้งแต่วันแรกที่เออร์เนสโด้มาถึงไปจนวันสุดท้ายที่เขาต้องลาจาก ซึ่งก็ตรงกับวันเกิดของเขาพอดี ทางหมอและเจ้าหน้าที่ในชุมชนจึงได้ทำเซอร์ไพรซ์จัดงานให้ และถือเป็นการเลี้ยงส่งพวกเขาทั้งสองคนที่จะต้องออกเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่เวเนซูเอร่าเพื่อกลับอาร์เจนตินา มันเป็นคืนที่ถูกแบ่งแยกเป็น ๒ ส่วน ฝั่งเหนือคือความครื้นเครงในงานเลี้ยงวันเกิดของเออร์เนสโต้ ส่วนอีกฝั่งของผู้ป่วยซึ่งน่าจะได้สนุกสนานร่วมกับเขากลับมีแต่ความเงียบ เออร์เนสโต้ยืนมองแม่น้ำอเมซอนซึ่งราวกับได้ปิดกั้นความเป็นคนเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกที่เขาจะต้องทำลายมันด้วยการว่ายน้ำข้ามไปฉลองวันเกิดอีกฝั่งหนึ่งให้ได้ ด้วยความกว้างและไหลเชี่ยวของสายน้ำกับปอดที่แย่ๆ ของเออร์เนสโต้ทำให้เขาออกอาการว่าจะไปไม่รอด แต่ด้วยแรงใจและเสียงเชียร์ของผู้ป่วยที่กึกก้องอยู่บนฝั่งก็ทำให้เออร์เนสโต้รอดขึ้นฝั่งมาฉลองวันเกิดของเขาได้สำเร็จ และก็เป็นวันเดียวกันกับวันที่ถือกำเนิดของชายคนหนึ่งซี่งโลกต้องจดจำ.......เช กูวารา
(จาก วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๒๗ ฉบับที่ ๗๐ ม.ค. - เม.ย ๒๕๔๙ หน้า ๓๐-๓๑)
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า |
---|