จำนวนผู้เข้าชม |
ขณะนี้มี 495 บุคคลทั่วไป ออนไลน์ |
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ
|
แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด |
วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 124
สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ
น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม
แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Jesus CEO : พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :
พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532
|
|
สาระสำคัญของสารวันสันติภาพสากล ปี 2000/2543 : สันติสุขในโลกแด่ผู้ที่พระเจ้าทรงรัก |
|
Friday, 19 May 2006 |
สาระสำคัญของสารวันสันติภาพสากล ของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 1 มกราคม 2000/2543 สันติสุขในโลกแด่ผู้ที่พระเจ้าทรงรัก
| ปี 2000 ตามความเชื่อของคริสตชน คือการย่างก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ หรือเป็นปี “ปีติมหาการุญ” โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ทรงกล่าวไว้ในตอนเริ่มของสารฉบับนี้ว่า “พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ทั้งชายและหญิง ทรงให้ความหวังถึงยุคใหม่ อันเป็นยุคแห่งสันติสุข ความรักของพระองค์ ซึ่งทรงแสดงออกมาอย่างสมบูรณ์โดยทางพระบุตรผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นรากฐานของสันติสุขสากล”
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ทรงทราบดีว่ามีปัญหามากมายและสลับซับซ้อนที่ทำให้หนทางไปสู่สันติสุขเป็นไปด้วยความยากลำบาก และมักจะก่อให้เกิดความท้อแท้สิ้นหวัง แต่พระองค์ทรงมั่นใจว่าสันติสุขเป็นความต้องการที่หยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์แต่ละคน ดังนั้น พระองค์ทรงบอกว่า เราจะต้องไม่ปล่อยให้ความประสงค์ที่จะแสวงหาสันติสุขนั้นมลายหายไป
สารฉบับปี 2000 บอกไว้ว่า การแสวงหาสันติภาพ ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสำนึกที่ว่า แม้มนุษยชาติจะตกต่ำเพราะบาป ความเกลียดชัง และความรุนแรง แต่พระเจ้าก็ทรงเรียกมนุษยชาติให้มารวมเป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะต้องสำนึกถึงแผนการของพระเจ้า และปฏิบัติตามโดยการแสวงหาความสัมพันธ์อย่างกลมเกลียวกันระหว่างมนุษย์แต่ละคน และระหว่างประชาชาติ ในวัฒนธรรมที่ทุกคนเปิดใจยอมรับผู้สูงส่ง ส่งเสริมความเป็นมนุษย์ และเคารพโลกแห่งธรรมชาติ
และนี่คือสารแห่งวันคริสตสมภพ สารแห่งปี “ปีติมหาการุญ” และความหวังของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ในวาระแรกเริ่มของสหัสวรรษใหม่
สารฉบับปี 2000 ระบุไว้ว่า ในศตวรรษที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ มนุษยชาติถูกทดลองด้วยความเจ็บปวดจากผลของสงคราม ความขัดแย้ง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการ “ชำระสะสางทางเชื้อชาติ” ที่ต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุด และโหดร้าย ซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ มีผู้เคราะห์ร้ายหลายล้านคน คอรบครัวแตกสลาย ประเทศมากมายถูกทำลาย คลื่นผู้ลี้ภัย ความทุกข์ยาก ความหิวโหย โรคภัย ความด้อยพัฒนา และความสูญเสียทรัพยากรจำนวนมหาศาล รากเหง้าของความทุกข์ยากใหญ่หลวงนี้ คือปรัชญาความใฝ่สูงเหนือผู้อื่น ซึ่งถูกโหมกระพือด้วยความปรารถนาที่จะครอบงำและเอาเปรียบผู้อื่น โดยความเพ้อฝันในอุดมการณ์อุบาทว์ของการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ด้วยลัทธิชาตินิยมอันบ้าคลั่ง หรือความเกลียดชังเผ่าพันธุ์แต่โบราณกาล
สารฉบับนี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “สงครามเป็นความพ่ายแพ้ของมนุษยชาติ” และมรดกที่ดีที่สุดของศตวรรษที่ 20 คือคำเตือนที่ว่า “สงครามมักเป็นสาเหตุของสงครามครั้งต่อไป” เพราะมันโหมกระพือความเกลียดชัง สร้างสถานการณ์แห่งความอยุติธรรม และเหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีของประชาชน สงครามมักจะสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน และสงครามพิสูจน์แล้วว่าไม่มีประโยชน์อันใดนอกเหนือจากก่อให้เกิดความสูญเสียอันน่าสยดสยอง
แต่ถึงแม้จะมีสงครามในศตวรรษที่ 20 แต่ “เกียรติของมนุษยชาติยังคงได้รับการรักษาไว้โดยผู้ที่ทำงานเพื่อสันติภาพ”
แม้สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 จะทรงไม่แน่ใจว่า ศตวรรษใหม่จะเป็นศตวรรษแห่งสันติสุขและความสำนึกใหม่แห่งภราดรภาพระหว่างมนุษย์และประชาชาติหรือไม่ และพระองค์ทรงกล่าวไว้ว่า “เราไม่อาจทำนายอนาคตได้ แต่เราสามารถยึดหลักการหนึ่งได้ คือ “สันติสุขเกิดขึ้นได้ หากมนุษยชาติทั้งมวลค้นพบกระแสเรียกพื้นฐานของตนในการสร้างครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ครอบครัวที่เกียรติ ศักดิ์ศรีและสิทธิของมนุษย์แต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะ เชื้อชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม ได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญ และอยู่เหนือความแตกต่าง และการแบ่งแยกใดๆ ทั้งสิ้น
สารฉบับปี 2000 ระบุไว้ว่า โลกยุคโลกาภิวัตน์ แม้จะเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมาย แต่กระบวนการโลกาภิวัตน์ก็ยังเกิดโอกาสพิเศษที่เปี่ยมด้วยความหวัง จุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้มนุษยชาติเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งสร้างอยู่บนคุณค่าแห่งความยุติธรรม ความเสมอภาค และสมานฉันท์อย่างแน่นอน
และเพื่อให้เกิดสภาพของความเป็นครอบครัวเดียวกัน จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือจุดมุ่งหมายจะต้องไม่ใช่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชุมชนทางการเมือง เชื้อชาติ หรือวัฒนธรรมหนึ่งใดโดยเฉพาะ แต่ต้องเป็นจุดหมายเพื่อความดีของมนุษยชาติทั้งมวล
การสร้างสันติภาพต้องมีพื้นฐานอยู่บนหลักการที่ว่า “ทรัพยากรของโลกมีไว้เพื่อส่วนรวม” หลักการนี้มิได้ลดความชอบธรรมของทรัพย์สินส่วนตัว แต่เป็นการขยายความเข้าใจ ในการบริหารการจัดการทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งต้องหมายรวมถึงการจัดการเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์สุขของสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของสังคม
ซึ่งสารฉบับปี 2000 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หลักการพื้นฐานที่กล่าวถึงนี้คนส่วนใหญ่กลับเพิกเฉยและไม่ใส่ใจ ดังที่ปรากฏเป็นช่องว่างลักษณะต่างๆ ของสังคมโลก ซึ่งขยับห่างออกไปทุกที ประเทศทางซีกโลกภาคเหนือที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสินค้าและทรัพยากร และนับวันจะเต็มไปด้วยผู้สูงอายุ กับประเทศในซีกโลกภาคใต้ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนวัยหนุ่มสาว และยังไม่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาทางสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจตามความจำเป็น
สารฉบับนี้ยังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ไม่ควรมีใครถูกหลอกให้เชื่อว่า การที่ไม่มีสงครามคือการมีสันติภาพที่ถาวร” เพราะสันติภาพที่แท้จริงจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้หากปราศจากความเป็นธรรม สัจธรรม ความยุติธรรมและสมานฉันท์ แผนการต่างๆ จะต้องล้มเหลว หากแยกสิทธิ 2 ประการ ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยกันโดยไม่อาจแบ่งแยกได้ คือ สิทธิที่จะมีสันติภาพและสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาทั้งครบ ซึ่งเกิดจากความสมานฉันท์
ในวาระเริ่มต้นศตวรรษใหม่นี้ ประเด็นหนึ่งที่ท้าทายมโนธรรมของมนุษย์และคริสตชนมากที่สุด คือ “ความยากจนของชายหญิงนับล้านคน” โดยสารฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยุคนี้ มิได้เกิดขึ้นเพราะ “การขาดแคลนทรัพยากร” แต่เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่า “โครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในปัจจุบัน มีส่วนประกอบที่ไม่ดีจนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของการพัฒนาที่แท้จริงได้
สิ่งสำคัญก็คือสารฉบับปี 2000 ระบุอย่างชัดเจนว่า “เราต้องไม่มองคนยากจนว่าเป็น “ตัวปัญหา” แต่ต้องมองว่าพวกเขาสามารถมีส่วนสำคัญในการสร้างอนาคตใหม่ที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นสำหรับทุกคน”
และสารฉบับนี้ยังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ระบบเศรษฐกิจที่มิได้สนใจมิติทางด้านจริยธรรม และมิได้มุ่งตอบสนองประโยชน์สุขของมนุษย์ทุกคน และความเป็นมนุษย์ทั้งครบนั้น ไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็น “เศรษฐกิจ” ได้”
ในช่วงเริ่มต้นศตวรรษที่ 21 นี้ ประชาชนมากกว่า 1,400 ล้านคน ต้องดำเนินชีวิตด้วยความยากจนข้นแค้น ซึ่งหมายความว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทบทวนรูปแบบที่เป็นตัวกำหนดนโยบายการพัฒนา
สารฉบับปี 2000 เรียกร้องให้มีการทบทวนความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามแนววัฒนธรรมใหม่แห่งความสมานฉันท์ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 กล่าวไว้ว่า “เมื่อเรามองความร่วมมือกันในฐานะที่เป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพแล้ว เราก็ต้องไม่มุ่งแต่แง่ของการให้เงินช่วยเหลือ หรือความช่วยเหลือด้านอื่นๆ โดยเฉพาะหากเป็นการให้ด้วยสายตาที่มุ่งรับผลประโยชน์กลับคืนในรูปแบบของทรัพยากร ตรงกันข้ามความร่วมมือจะต้องเป็นการแสดงออกถึงการอุทิศชีวิตเพื่อสมานฉันท์อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้ ซึ่งจะช่วยให้คนยากจนเป็นบุคคลหลักในการพัฒนาตนเอง ช่วยให้ประชาชนจำนวนมากสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ ตามสภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองของตน อันเป็นคุณลักษณะของความเป็นมนุษย์ และประเทศจะมั่งคั่งได้ก็ต้องอาศัยลักษณะดังกล่าวด้วย”
สิ่งที่น่าสนใจของสารฉบับปี 2000 อยู่ที่การเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกหันกลับมาร่วมมือกัน และเนื้อหาในสารฉบับนี้กล่าวไว้ว่า “เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในปัจจุบันยิ่งกว่าในอดีต ที่จะต้องส่งเสริมความสำนึกในคุณค่าทางศีลธรรมสากล เพื่อเผชิญกับปัญหาที่ครอบคลุมระดับโลกมากขึ้นทุกวัน การส่งเสริมสันติภาพและสิทธิมนุษยชน การยุติความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การคุ้มครองชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และผู้อพยพ การปกป้องสิ่งแวดล้อม การต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ การต่อสู้กับนักค้ายาเสพติดและนักค้าอาวุธ รวมทั้งการต่อสู้กับความฉ้อฉลทางการเมืองและเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่แต่ละประเทศไม่สามารถจัดการได้โดยลำพัง ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาร่วมของมนุษยชาติทั้งมวล ดังนั้น จึงต้องใช้ความพยายามร่วมมือกันในการเผชิญหน้าและแก้ไข”
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ชี้ให้เห็นว่า “สำหรับคริสตชน การอุทิศตนสร้างสันติภาพและความยุติธรรม เป็นเรื่องสำคัญอันจำเป็นต้องปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้ การอุทิศตนจะต้องเกิดขึ้นด้วยความใจกว้างต่อพี่น้องชายหญิงของตนในพระศาสนจักรและประชาคม คริสตจักรอื่นๆ รวมทั้งผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ ผู้มีน้ำใจดีทั้งชายและหญิง รวมทั้งผู้ที่มีความห่วงใยต่อสันติภาพและความยุติธรรม”
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ทรงบอกไว้ในสารฉบับนี้ว่า “แม้จะมีอุปสรรคลำบากมากมายเพียงใด สัญญาณแห่งความหวังของการริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพื่อสันติภาพก็ยังคงเกิดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือ ด้วยความใจกว้างจากประชาชนจำนวนมาก สันติภาพเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา สันติภาพจึงเป็นเรื่องของคนทุกคนในโลกนี้”
ในช่วงท้ายของสารฉบับปี 2000 ดูเหมือนสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเป็นห่วงและฝากความหวังไว้ที่บรรดาเยาวชน เพราะเยาวชนเป็นผู้ที่ได้รับพระพรล้ำค่าแห่งชีวิต และจะต้องไม่ทำให้พรนั้นสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และพระองค์ทรงต้องการให้บรรดาเยาวชนมีสันติสุขในตัวเอง สันติสุขรอบๆ ตัว สันติสุขเสมอ สันติสุขกับทุกผู้คน และสันติสุขเพื่อทุกๆ คน
นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 ทรงห่วงใยเยาวชนที่ได้รับประสบการณ์อันน่าเศร้าสลดจากสงคราม และผู้ที่ต้องแบกรับความรู้สึกจงเกลียดจงชัง และความแค้นใจ พระองค์ทรงวิงวอนให้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางในการแสวงหาหนทางแห่งการคืนดีและการให้อภัย ซึ่งเป็นหนทางที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นหนทางสายเดียวที่จะช่วยให้เธอก้าวไปสู่อนาคตด้วยความหวังสำหรับตนเอง ลูกหลาน ประเทศชาติ และมนุษย์ทั้งมวล
|
Powered by AkoComment 2.0! |
|