บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
เพียงผีเสื้อกระหยับปีก : มะลิ ณ อุษา |
Wednesday, 23 October 2013 | ||||
เพียงผีเสื้อกระหยับปีก โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 11 เดือนสิงหาคม 2556
เพียงการกระหยับปีกของผีเสื้อหนึ่งครั้ง โลกทั้งใบก็สะเทือนเลื่อนลั่น พลิกผันแปรเปลี่ยน ทั้งการก่อเกิดและดับสูญ ณ ที่แห่งนั้น บทเพลงแห่งมรณานุสติจะเริ่มบรรเลง การร่ายรำอันวิจิตรจะเริ่มขึ้น... การร่ายรำของชีวิตจะเริ่มขึ้น... เพียงชั่วขณะผีเสื้อกระหยับปีก หากใครเคยประสบอุบัติเหตุ จะเข้าใจความหมายของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงชั่วผีเสื้อกระหยับปีกได้อย่างลึกซึ้ง ไม่มีสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าใดๆ เราอาจล้มลงในขณะที่กำลังยิ้มหัวอยู่ก็ได้
"ถ้ารู้อย่างนี้...ฉันคงจะ..." ในวงสนทนาระหว่างการอบรม หลายครั้งมักมีประเด็นคำถามที่ว่า ถ้าเรามีเวลาในชีวิตเหลืออยู่เพียงแค่ 7 วัน เราจะทำอะไรบ้าง เพราะอะไร แม้จะต่างกรรมต่างวาระ แต่เรื่องราวที่เราแลกเปลี่ยนกันแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักที่ผลลัพธ์ท้ายที่สุดปรากฏออกมาคล้ายคลึงกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ เรื่องราวในวงสนทนาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างบอกเล่าถึงเป้าหมายและความปรารถนาในชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย สุดแท้แต่ใครจะรังสรรค์ให้กับชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลื่อนขั้น/ตำแหน่ง มีรายได้ที่มั่นคง การงานที่มีเกียรติ มีสวัสดิการที่ดี มีบ้าน มีรถ ธุรกิจทำกำไร ไปเที่ยวต่างประเทศ/รอบโลก ได้กินอาหารที่ดีๆ มีสุขภาพที่แข็งแรง สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง/คณะในฝัน เที่ยวรอบโลก ตีตั๋วไปดวงจันทร์/ ดาวอังคาร เจอเนื้อคู่ แต่งงานกับคนที่แอบรัก ปิดการขายที่ยากๆ มีบริษัท/ธุรกิจของตัวเอง ฯลฯ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ 7 วันสุดท้ายของชีวิต... "บ้าน" คือ ที่ที่คนส่วนใหญ่เลือก บ้านในที่นี้ไม่ได้หมายความเพียงแค่สิ่งปลูกสร้างบนผืนแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังกินความครอบคลุมถึง "คนที่รัก" ด้วย การได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา การไปเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ รวมความได้ว่า การได้ใช้เวลา "อยู่" กับคนที่รักและมีความหมายสำหรับเรา คือ ท่วงท่าที่เราเลือกเพื่อเริงร่ายก่อนจะถึงบทเพลงท่อนสุดท้าย เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หากมีความรู้สึกหดหู่หม่นมัวก่อตัวขึ้นในหัวใจของเรา นั่นอาจหมายความว่า เรายังไม่พร้อม หวั่นไหว และมีสิ่งที่ติดค้างอยู่ ยิ่งความรู้สึกรุนแรงเท่าใด ก็อาจหมายถึงปริมาณของสิ่งที่ค้างคาอยู่มากมายเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา... บางทีการให้เวลาถึง 7 วันก็ถือว่ายาวนานเกินไป ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่รู้เวลาล่วงหน้ายาวนานขนาดนั้น ดังนั้น ถ้าหากเรามีเวลาในชีวิตเหลืออยู่เพียงแค่ 24 ชั่วโมงนับจากนี้ เราจะทำอะไรบ้าง เพราะอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ดำเนินเป็นกิจวัตรปกติ ตื่นเช้า กินข้าว เดินทางไปทำงาน/เรียนหนังสือ คุยกับเพื่อน ดูหนัง ฯลฯ แล้วจู่ๆ ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ทำให้ชีวิตของเราเหลือเวลาแค่เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น บางที "บ้าน" และ "คนที่รัก" อาจอยู่ไกลเกินกว่าจะมา "อยู่" ด้วยกันภายในเวลา 24 ชั่วโมง แล้วเราจะทำอย่างไร? บางคนบอกว่า จะเบิกเงินที่มีอยู่ในธนาคารทั้งหมดออกมา ซื้อ กิน ดื่ม เดินทาง ฯลฯ ทำทุกอย่างที่อยากจะทำ บางคนก็บอกว่าทำพินัยกรรมเพื่อจัดการทรัพย์สินให้คนที่อยู่ข้างหลังไม่เดือดร้อน บางคนก็บอกว่าเข้าวัด/ศาสนสถานเพื่อทำใจให้สงบ บางคนก็ใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงถึง "คนที่รัก" จากที่ที่ห่างไกล และบางคนยังยืนยันที่จะกลับ "บ้าน" แม้จะไปถึงแค่ครึ่งทางก็ยังดี ฯลฯ บางคนเลือกที่จะอยู่ท่ามกลางผู้คน ในขณะที่บางคนแยกตัวออกมาเพียงลำพัง ความรู้สึกหดหู่บีบคั้นหัวใจยังคงมีอยู่ไหม? นั่นเป็นเรื่องธรรมดา... เราต่างได้รับโจทย์ในการล่วงรู้เวลาสุดท้ายแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน ก่อนหน้านี้เราพูดถึงเหตุการณ์สมมติที่อาจเกิดขึ้นได้ ภายในช่วงเวลาต่างๆ ทั้ง 7 วันและ 24 ชั่วโมง และถ้าหากเรามีเวลาในชีวิตเหลืออยู่เพียงแค่ 60 นาทีล่ะ เราจะทำอะไรบ้าง เพราะอะไร เวลา 60 นาทีอาจดูเหมือนยาวนาน สำหรับการรอคอยใครสักคน แต่เวลา 60 นาทีช่างน้อยนิดเสียเหลือเกินกับการเตรียมตัวจากลาทุกๆ คน แต่นี่คือสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา... "บ้าน" ที่คนส่วนใหญ่เลือกเป็นแหล่งพักพิงสุดท้าย คือ "ร่างกายกับลมหายใจ" และสิ่งที่คนส่วนใหญ่เลือก "ทำ" เพื่อ "คนที่รัก" คือ การกล่าวขอบคุณและขอโทษสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา แม้กระทั่ง "คนที่ไม่รัก" การกล่าวคำขอโทษก็เป็นสิ่งที่หลายคนเลือกเพื่อชำระสะสางสิ่งที่ติดค้างในใจตลอดชีวิตที่ผ่านมาด้วย คำถามสำคัญก่อนปิดวงสนทนาแต่ละครั้งมีอยู่ว่า แล้วทำไมเราจึงไม่เริ่มทำสิ่งเหล่านี้เสียตั้งแต่วันนี้ล่ะ จะรอให้ถึงเวลานั้นทำไม ใครจะรู้ว่าโจทย์ที่เราได้รับนั้น จะเป็น 3 เดือน 7 วัน 24 ชั่วโมง หรือเสี้ยววินาที ก็เพราะ...ฉันยังอยู่ในวัยเรียน มีเรื่องราวสนุกๆ อีกมากมายรออยู่ ฉันยังแข็งแรงและสามารถเติบโตต่อไปได้อีกนาน จะมาคิดเรื่องนี้ให้เสียเวลา(สนุก)ทำไม ก็เพราะ...ฉันยังอยู่ในวัยทำงาน ชีวิตอันอิสรเสรีเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ฉันกำลังมีความรักและกำลังวางแผนอนาคตกับคนที่รัก ฉันกำลังจะเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัว กำลังมีครอบครัวของตัวเอง ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น การงานกำลังก้าวหน้า มีเรื่องท้าทายความสามารถให้ฉันต้องคิดและไต่ระดับให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ การคิดถึงความตายเป็นเรื่องเศร้าเกินไป ฉันยังไม่อยากสูญเสียดอกไม้ที่เพิ่งเบ่งบานไป ก็เพราะ...ฉันเพิ่งดื่มกินดอกผลจากการตรากตรำทำงานตลอดชีวิตที่ผ่านมา หลังของฉันเพิ่งได้เอนพัก ร่างกายเพิ่งได้หลับเต็มตื่น ลูกกำลังจะประสบความสำเร็จ หลานกำลังจะเติบโต ฉันยังอยากเห็นชีวิตที่สวยสดงดงามของพวกเขา การคิดถึงความตายทำให้ฉันห่อเหี่ยวเกินไป ฯลฯ เพียงชั่วขณะที่ผีเสื้อกระหยับปีก กระแสลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านไป ใบไม้ปลิดปลิวจากขั้ว ลอยคว้างอยู่ในอากาศเพียงครู่ ก่อนที่จะทิ้งตัวสู่ผืนดิน คุณรู้ไหมบนผืนแผ่นดินแห่งนั้น มีใบไม้ทั้งสีน้ำตาลแห่งกรอบ สีเหลืองที่มีรูพรุน และสีเขียวอ่อนแรกผลิ ใครจะรู้ว่าในการกระหยับปีกของผีเสื้อครั้งต่อไป ใบไม้ใบไหนจะร่วงหล่นลงมาบ้าง... และ หากความรู้สึกหดหู่บีบคั้นหัวใจยังคงมีอยู่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา... มะลิ ณ อุษา
ที่มา เครือข่ายพุทธิกา | ใน คอลัมน์ มองย้อนศร : http://www.budnet.org/
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|