ศาสตราจารย์โจเซฟ
สติ๊กสิทซ์ (Joseph Stiglitz) เคยเป็นประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี
บิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา และเป็นรองประธานอาวุโสของธนาคารโลก ศึกษาปัญหาการพัฒนาตามกระแสโลกาภิวัตน์ในหมู่ประเทศยากจน
กำลังพัฒนามาทั่วโลกอย่างยาวนาน ปัจจุบันสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ศาสตราจารย์โจเซฟ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. ๒๐๐๑ เป็นผู้รอบรู้และมีประสบการณ์เรื่องผลกระทบของการพัฒนาที่ตามกระแสโลกาภิวัตน์ว่า ทำลายรากฐานเศรษฐกิจและสังคมของประเทศยากจนและกำลังพัฒนาเพียงไร โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ทำลายรากฐานการพัฒนาในหลายประเทศไปแล้ว อย่างที่จะให้อภัยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ผู้บงการในฐานะนายทุนเงินกู้ ไม่ได้ เขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางของไอเอ็มเอฟหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ล้มเหลวในหลายประเทศ เพื่อทำตามสูตรคำแนะนำของ ไอเอ็มเอฟ โดยเร่งเร็ว ขาดความรอบคอบ ไม่คำนึงถึงหลักการสำคัญพื้นฐาน และผลสุดท้ายก็ร่ำรวยกันเฉพาะคนกลุ่มน้อยคือนักลงทุนต่างชาติ กับนักการเมืองผู้กุมอำนาจสั่งการนโยบายแปรรูป น่าเสียใจที่ ไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก มองเรื่องแปรรูปโดยอุดมการณ์ที่คับแคบ โดยต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้ได้โดยเร็ว ถึงขั้นเก็บคะแนนกัน ประเทศไหนทำได้มาก ก็ได้คะแนนมาก ผลลัพธ์ก็คือ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจมักจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ตามคำมั่นสัญญา
ศาสตราจารย์โจเซฟ
กล่าวว่า ยิ่งแปรรูปล้มเหลว ก็ยิ่งชิงชังความคิดแปรรูปมากขึ้น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวอย่างความล้มเหลวมากที่สุดให้ดูที่ประเทศรัสเซีย
รัสเซียใช้นโยบายตาม ไอเอ็มเอฟ คือแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยไม่ยั้งมือ โดยแปรทุกอย่างที่ขวางหน้า
เสียหายเท่าไหร่ไม่สนใจ ต้องแปรรูปให้หมด
เขาวิจารณ์ว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่กระบวนการโกงการแปรรูปนั้นออกแบบมาเพื่อให้รัฐมนตรีในรัฐบาลได้กอบโกยผลประโยชน์สูงสุด เรื่องการแปรรูปไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่รัฐ ไม่มีใครคำนึงถึงเรื่องประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ รัสเซียคือตัวอย่างกรณีศึกษาที่พินาศร้ายกาจที่สุด ซึ่งว่าด้วยเรื่องอันตรายของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแบบไม่สนใจความเสียหายอะไรทั้งสิ้น เขายังกล่าวย้ำหนักแน่นว่า ที่จะต้องห่วงมากที่สุดในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็คือ การทุจริตคอร์รัปชั่น ท่านบอกว่า "หากไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ และหากมีการคอร์รัปชั่นก็จะกินกันเป็นรายปี เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีละเล็กทีละน้อย แบ่งกันไปในหมู่นักการเมืองและผู้บริหาร เป็นอย่างนี้ไปตลอด" แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า การแปรรูปในหลายประเทศได้ผลตรงกันข้ามกับที่อยากได้ จนเรียกกันติดตลกว่า "Briberization" (การติดสินบน) ไม่ใช่ "Privatization" (การแปรรูป) เป็นการแปรรูปลักษณะติดสินบน ไม่ใช่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ศาสตราจารย์โจเซฟ
กล่าวว่า หากรัฐบาลมีคณะรัฐมนตรีนิสัยโกหก ก็จะไม่มีหลักฐานใดๆ บอกว่า
การแปรรูปจะช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะรัฐบาลที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็เป็นรัฐบาลเดียวกับที่แก้ปัญหาการบริหารรัฐวิสาหกิจที่ไร้ประสิทธิภาพไม่ได้
เขาเดินทางไปศึกษาความล้มเหลวในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย เขากล่าวว่า ประเทศแล้วประเทศเล่า ทุกรัฐบาลรู้ว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งเดียว หมายถึงการที่จะไม่ต้องมาจำกัดตัวเองให้คอยเก็บเกี่ยวใต้โต๊ะเป็นรายปี โดยการขายรัฐวิสาหกิจต่ำกว่าราคาตลาด นักการเมืองทุจริตสามารถกอบโกยหุ้นมหาศาลให้กับตัวเอง แทนที่จะปล่อยให้กับนักการเมืองรุ่นถัดไป หมายความว่านักการเมืองคดโกงเหล่านี้ สามารถขโมยความมั่งคั่งจากการขายรัฐวิสาหกิจในวันนี้วันเดียวได้มหาศาล มากกว่าที่จะให้นักการเมืองสมัยหน้าเก็บกินในอนาคต หัวใจสำคัญของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ศาสตราจารย์โจเซฟ บอกว่าอยู่ที่ ๑. การแข่งขันอย่างเต็มที่ ๒. การควบคุมโดยรัฐหลังการแปรรูป รัฐวิสาหกิจใดๆ ที่แปรรูปแล้วยังไม่มีการแข่งขัน ยังคงการผูกขาดเหมือนเดิม เช่น กิจการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา และกิจการโทรคมนาคม ไม่ต้องแปรรูป เพราะสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิม เนื่องจากการผูกขาดจะย้ายไปอยู่ที่นายทุน นักลงทุนภาคเอกชนที่ต้องทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ส่วนการแปรรูปอย่างเร่งด่วน โดยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการกำกับดูแลหลังการแปรรูปรองรับ ผนวกกับการขาดการแข่งขันเสรี จะทำให้ไม่มีใครกำกับควบคุมใครได้ทั้งสิ้น ทิ้งให้เป็นเสรีภาพในการผูกขาดโดยบริษัทเอกชนโดยสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ รัสเซียและอีกหลายๆ ประเทศ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของประเทศเหล่านั้นจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ในการเป็นพลังเพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ที่จริงแล้วการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก่อให้เกิดการตกต่ำและพิสูจน์ว่า เป็นมหันตพลังในการทำลายสถาบันประชาธิปไตยและตลาดเศรษฐกิจ
จาก
รายการโลกยามเช้า สถานีโทรทัศน์ช่อง ๓ (วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๔๗) โดย ดร.สมเกียรติ
อ่อนวิมล ช่วงวิจารณ์หนังสือประจำสัปดาห์ (วิจารณ์หนังสือ Globalization
and its discontents เขียนโดย ศาสตราจารย์ Joseph Stiglitz เจ้าของรางวัลโนเบล
ปี ค.ศ. ๒๐๐๑) ที่มา : เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
|