บทความล่าสุด |
---|
โควิด : สิ่งทำลายความฝัน ลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และพรากชีวิต |
Thursday, 23 September 2021 | ||||
โดย สนธยา ตั้วสูงเนิน
๒ ธันวาคม ๒๕๖๒ คือ วันที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด
- ๑๙ รายแรกของโลก และวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๓ คือ วันที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด -
๑๙ ครั้งแรกในประเทศไทย เป็นสัญญาณการเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาด นำมาสู่การเกิดคลัสเตอร์โควิด[๒] ใหญ่ๆ ที่เป็นที่มาของการระบาดของโควิด
- ๑๙ ทั้ง ๔ ระลอก ในประเทศไทย ดังนี้
ระลอกที่ ๑ คือ กลุ่มสนามมวยลุมพินีและกลุ่มผู้เที่ยวสถานบันเทิงในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายเชื้อโควิดในวงกว้าง เนื่องจากผู้เข้าชมการแข่งขันส่วนใหญ่เดินทางมาจากหลายจังหวัดและนำเชื้อกลับไปกระจายตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ระลอกที่ ๒ คือ กลุ่มที่ตลาดกลางกุ้ง ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ระลอกที่ ๓ คือ กลุ่มผู้เที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เดือนเมษายน ๒๕๖๔ และอีกหลายคลัสเตอร์ที่ทยอยเกิดขึ้นอย่างไม่มีวี่แววว่าจะจบลงง่ายๆ ระลอกที่ ๔ คือ พบการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้า (สายพันธุ์อินเดีย) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อง่าย ขยายวงกว้างเร็ว ทำให้ปอดอักเสบ ยากต่อการควบคุม และไม่สามารถระบุที่มาได้ว่าติดมาจากที่ใด โดยจะขยายได้รวดเร็วในกลุ่มสังคมที่ทำงาน ในชุมชน ในครอบครัว
โควิด : ภาวะหมดไฟ สูญเสียความฝัน ในช่วงเวลาเกือบ ๒ ปี โควิดก่อให้เกิดผลกระทบมากมายต่อชีวิตของผู้คนทั่วโลก ทำให้ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สามารถเอาตัวรอดจากการติดเชื้อ และเร่งพัฒนายาเพื่อรักษาโรคนี้ รวมถึงรัฐบาลไทยเองก็มีความพยายามในการหาแนวทางจัดการกับโควิด ทั้งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีคำสั่งขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเดินทางออกนอกเคหะสถานหากไม่มีความจำเป็นตามช่วงเวลาที่กำหนด เป็นการชะลอการทำกิจกรรมของประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อลดการแพร่กระจายของโควิด ที่มีการขยายเวลาบังคับใช้เป็นครั้งที่๑๓[๓] แล้ว รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเป็นแนวทางการป้องกันตนเอง การจัดหาจัดซื้อวัคซีน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชน แม้จะมีวัคซีนที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาในประเทศแล้วถึง ๖ รายการ [๔] แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ทำให้การจัดหาและกระจายวัคซีนสำหรับประชาชนยังใช้เพียงแค่ ๓ รายการเท่านั้น [๕] ปัจจุบันมีอัตราผู้ได้ฉีดวัคซีนครบทั้ง ๒ โดส แล้วประมาณ ๖%[๖] ซึ่งนับเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากรในประเทศ เนื่องจากการจัดการวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนที่รัฐบาลได้วางไว้ ยิ่งเวลาทอดยาวมากเท่าไหร่ โควิดยิ่งทำให้ผู้คนหมดไฟ สูญเสียความฝัน ผู้คนต่างเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าในการใช้ชีวิต เพราะโควิดนำมาซึ่งการสูญเสียโอกาสต่างๆ ของใครหลายคน ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเจริญก้าวหน้าในชีวิต หรือชีวิตกำลังถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น การเรียนต่อ การทำงาน การเดินทาง หรือการวางแผนอนาคตทั้งในและต่างประเทศ โควิดจึงเป็นสิ่งที่ขัดขวางการใช้ชีวิต ขัดขวางโอกาสการทำมาหากินและการสร้างรายได้ในอนาคตของพวกเขาเหล่านั้น รวมถึงผลกระทบทางด้านสภาพจิตใจจากการรับแรงกดดันต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้ทำให้ความฝันของหลายคนต้องหยุดชะงักลง หรือเลวร้ายที่สุดคือ บางคนอาจต้องยอมทิ้งความฝันของตัวเองไป
โควิด : การลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การมีอยู่ของโควิดทำให้ภาพของการลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ชัดเจนขึ้น ประเทศไทยได้มีการประกาศว่าโควิด - ๑๙ เป็นโรคติดต่ออันตราย[๗] ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดการดูแลประชาชนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี เพราะรัฐต้องทำให้การรับรองสิทธิด้านสุขภาพของประชาชนทุกคนเป็นจริง ประชาชนทุกคนต้องได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลและการบริการทางสาธารณสุขที่ดี ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๔๗ ว่า
"บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ หมายความว่า ประชาชนชาวไทยมีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขของรัฐ ผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษา ได้รับบริการสาธารณสุขด้านอื่นๆ จากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อเกิดโรคระบาดร้ายแรงหรือโรคติดต่ออันตราย ประชาชนชาวไทยมีสิทธิได้รับการป้องกันและกำจัดโรคโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะมีการกำหนดเอาไว้โดยชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ แต่ภาระความรับผิดชอบเหล่านี้กลับถูกผลักให้ประชาชนต้องแบกรับความเสี่ยงต่างๆ ต้องช่วยเหลือกันเองแบบภาคบังคับ ด้วยการพยายามดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองและช่วยเหลือกันเองมาโดยตลอด เพื่อลดหรือป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับผิดชอบค่าตรวจคัดกรองโควิดโดยมีค่าใช้จ่าย ราคาตั้งแต่ ๑,๕๐๐ - ๑๐,๐๐๐ บาท[๘], การรวมน้ำใจบริจาคสิ่งของหรือเงินเพื่อซื้อของหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์[๙] นับตั้งแต่การแพร่ระบาดช่วงแรกจนถึงปัจจุบัน, การสร้างโรงพยาบาลสนามของประชาชน ที่ทนเห็นภาพผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตไม่ไหว[๑๐], การจ่ายเงินเพื่อซื้อวัคซีนทางเลือก[๑๑] ทั้งที่ประชาชนควรได้ฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และได้นำเงินค่าวัคซีนมาใช้สำหรับการดำรงชีวิต, การตั้งกลุ่มอาสาเพื่อช่วยเหลือ จัดหาเตียง การนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล, การจัดทำศูนย์พักคอย (Community Isolation) สำหรับผู้ป่วยโควิด เพื่อรับผู้ป่วยติดเชื้อให้มาพักรักษาตัวแยกออกมาจากครอบครัว ระหว่างรอส่งต่อรักษาในโรงพยาบาล[๑๒], รวมถึงการไม่มีทางเลือกของผู้ป่วยหลังจากที่ติดโควิด - ๑๙ แล้ว ที่บีบให้ประชาชนต้องยอมลดตัวตน ลดคุณภาพชีวิตของตัวเองลง เพราะไม่ต้องการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่น เช่นกรณีของหญิงรายหนึ่งที่ติดโควิด แต่ต้องนำมุ้งออกมากางนอนข้างถนน เพราะกังวลว่าตัวเองจะเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว เพราะที่พักอาศัยของตนไม่สะดวกแก่การใช้กักตัว[๑๓] ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ควรตกเป็นภาระความรับผิดชอบของประชาชนหรือไม่ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย จัดสรรงบประมาณ และดำเนินการเพื่อดูแลประชาชนให้ได้รับประโยชน์สูงสุด จึงควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐในการเตรียมการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิดนี้ แต่ตลอดระยะเวลาที่เกิดการระบาดของโรคโควิด - ๑๙ มาจนถึงปัจจุบัน เราพบกับระบบการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ ล่าช้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการโรคโควิด - ๑๙ หลายภาคส่วนทำงานไม่สอดคล้องกัน สร้างความสับสน และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น สะท้อนถึงการไม่เห็นความสำคัญของประชาชน โดยเห็นภาพชัดได้จากปัญหาใหญ่ๆ เหล่านี้ ๑.) กรณีการไม่มีเตียงรองรับที่เพียงพอและรวดเร็วสำหรับผู้ป่วย เห็นได้ชัดจากการระบาดระลอกที่ ๓ ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีปัญหาไม่มีเตียงเพียงพอเพื่อการรองรับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ล่าช้า การติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างยากลำบาก หลายคนต้องรอข้ามวัน กว่าจะมีสถานที่รับตัวเพื่อการรักษา จนบางคนกลายสถานะมาเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับบุคคลใกล้ตัว แม้จะมีการเร่งสร้างโรงพยาบาลสนามและ Hospitel ขึ้นมาเพิ่มเติมหลายแห่งเพื่อรองรับผู้ป่วยแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องผู้ป่วยไม่ได้เตียงรักษาเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น กรณีของชายคนหนึ่งที่ติดโควิด ได้ทำการติดต่อโรงพยาบาลแต่โรงพยาบาลไม่รับรักษา ต้องรอเตียงนานถึง ๑๐ วัน จนทำให้คนในครอบครัวทั้งหมดติดเชื้อไปด้วย [๑๔] จนเกิดเสียงสะท้อนจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เตียงสำหรับการรักษาผู้ป่วยมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการรองรับผู้ป่วยแล้ว จนบางโรงพยาบาลออกประกาศว่ามีความจำเป็นต้องปิดรับการตรวจคัดกรองโควิด-๑๙ ชั่วคราว [๑๕] โดยเร่งรักษาผู้ป่วยเก่าเพื่อระบายเตียงสำหรับผู้ป่วยใหม่ในแต่ละวัน จนนำมาสู่การกำหนดแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด - ๑๙ ที่บ้าน (Home Isolation) [๑๖] และการจัดตั้งศูนย์พักคอยโควิด (Community Isolation) [๑๗] สำหรับการดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการไม่หนักมากหรือกลุ่มที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนอาการดีขึ้น ให้สามารถพักรักษาตัวได้เอง โดยสามารถแยกตัวออกมาจากครอบครัวเพื่อทำการรักษา เพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานง่ายขึ้น และสามารถให้การดูแลรักษากลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงได้อย่างเต็มที่มากขึ้น แต่การรักษาตัวที่บ้านหรือในศูนย์พักคอยก็ยังประสบปัญหา เนื่องจากผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วและไม่ได้รับยาต้านไวรัสที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความรุนแรงจากโรคโควิด - ๑๙ ได้ในทันที [๑๘] ยาฟาวิพิราเวียร์ [๑๙] ถูกพูดถึงในฐานะยารักษาโรคโควิด - ๑๙ เนื่องจากยานี้เป็นยาที่ช่วยลดอาการรุนแรงของโรคโควิด - ๑๙ ได้ แต่ยาฟาวิพิราเวียร์ก็จัดอยู่ในยาอันตรายและส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ การได้รับยาฟาวิพิราเวียร์จึงต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ดังนั้น สิ่งนี้จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงเร็วขึ้น เนื่องจากการจ่ายยาที่มีความล่าช้าจนเกินไป แม้ต่อมาภายหลังกระทรวงสาธารณะสุขได้มีการปรับปรุงแนวทางการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้รวดเร็วขึ้น[๒๐] ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง เพี่อป้องกันการทรุดหนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์ก็ยังคงน่าเป็นห่วง โดยทางโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ออกมาให้ความเห็นถึงสถานการณ์ยาฟาวิพิราเวียร์[๒๑] ว่าแม้จะปรับการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้เร็วขึ้นตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด แต่หากจำนวนผู้ติดเชื้อในเดือนสิงหาคมซึ่งนับเป็นช่วงที่รุนแรงที่สุดตามทฤษฎีระบาดวิทยายังพุ่งสูงวันละกว่า ๒๐,๐๐๐ คนอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เฉลี่ยเดือนละ ๑ ล้านเม็ด ซึ่งศักยภาพในการผลิตยาของสภาเภสัชกรรมอยู่ที่ ๒ - ๔ ล้านเม็ดต่อเดือน หากรัฐบาลไม่รีบดำเนินการให้เอกชนที่มีความสามารถในการผลิตยาเข้ามาช่วยสภาเภสัชกรรมผลิตยาเพิ่ม ก็เป็นที่น่ากังวลว่าในอนาคตจะเกิดการขาดยาฟาวิพิราเวียร์อย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นภาพที่สะท้อนว่ารัฐไม่ได้มีความพร้อมในการวางแผนการรับมือกับโรคโควิด - ๑๙ ให้สอดคล้องและสะดวกต่อการทำงานของผู้ที่เป็นบุคลากรหน้าด่านเลย ๒.) กรณีการจัดสรรวัคซีนที่ล่าช้าและมีจำนวนน้อย ขั้นตอนการขอรับวัคซีนที่ยุ่งยากซับซ้อน และการกระจายวัคซีนไม่เป็นไปตามกำหนด จนโรงพยาบาลหลายแห่งต้องประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีน สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ทำให้หมอ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ที่ต้องดูแลรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังต้องคอยรับหน้ากลายเป็นบุคคลหน้าด่าน ที่ต้องคอยตอบคำถามและรับแรงกดดันจากประชาชน เนื่องจากประชาชนทำการลงทะเบียนเพื่อรอรับวัคซีนตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนดไว้ทุกประการ แต่เมื่อถึงเวลา กลับไม่มีวัคซีนสำหรับประชาชน หลายคนถูกเลื่อนวันนัดฉีดวัคซีนออกไป หลายคนที่ต้องการลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนก็ไม่สามารถลงทะเบียนได้ เนื่องจากระบบลงทะเบียนมีปัญหา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีความเสี่ยง หรือผู้ที่มีความจำเป็นต้องรับวัคซีนก่อน อย่างกลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ๗ กลุ่มเสี่ยง การทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่เอื้อให้ได้รับการบริการที่ดี ซ้ำร้ายในสถานการณ์ที่กำลังยากลำบากของประชาชนเช่นนี้ ยังมีคนบางกลุ่มที่ฉกฉวยโอกาสบนความยากลำบากของผู้อื่นโดยทำการแฮกเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อลงทะเบียนฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรให้ และนำสิทธิการฉีดวัคซีนมาขายต่อให้กับประชาชน[๒๒] สิ่งเหล่านี้นับเป็นการที่ประชาชนถูกละเมิดสิทธิที่ควรจะได้รับตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญโดยมีรัฐเป็นผู้กระทำการละเมิด
โควิด : พรากชีวิต การสูญเสียโดยไม่ได้ร่ำลา ความตาย คือ การสูญเสียที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้คนอย่างถึงที่สุด เพราะนั่นหมายถึงการที่จะมีคนหายไปจากชีวิตของเราตลอดกาล หลายคนโชคดีที่ยังมีโอกาสได้ร่ำลา แต่กับบางคนโควิดทำให้เขาต้องจากไปอย่างเดียวดายโดยไม่ทันได้รู้ตัว หลายครอบครัวถูกโควิดพรากชีวิตของคนที่รักโดยที่ยังไม่มีแม้โอกาสได้พูดจาร่ำลากัน แม้กระทั่งหลังความตายก็ยังไม่สามารถจัดพิธีศพให้กับบุคคลที่รักได้ ตัวอย่างเช่น กรณีคุณป้าท่านหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาสาสมัครจากชุมชนคลองเตย นำเครื่องออกซิเจนไปติดตั้งให้ที่บ้านระหว่างที่รอเตียง หลังจากที่สามีของคุณป้าเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลไปก่อนหน้าแล้ว และในเวลาต่อมา สามีของคุณป้าก็เสียชีวิต[๒๓] แม้ตอนนี้คุณป้าจะได้เตียงแล้ว แต่การสูญเสียคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมานาน ถือเป็นความเจ็บปวดและสร้างความโดดเดี่ยวให้กับคุณป้าไม่น้อย หรือกรณีคุณแม่วัย ๗๘ ปี และลูกชายที่เป็นโปลิโอวัย ๕๑ ปี ที่ป่วยเป็นโควิด ต่อมาคุณแม่เสียชีวิต โดยที่ลูกชายยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและไม่ทราบว่าคุณแม่เสียชีวิตแล้ว[๒๔] ซึ่งหลังจากนี้เขาต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากแม่ คนที่คอยดูแลเขาอย่างดีตลอดมา รวมถึงเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งที่ปรากฏและไม่ปรากฏตามหน้าสื่อที่เกิดขึ้นรายวัน นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากโควิด จนต้องสูญเสียหน้าที่การงาน สูญเสียรายได้ หมดหนทางชีวิต จนไม่สามารถแบกรับเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นผลพวงจากสถานการณ์โควิดได้ ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายอีกเป็นจำนวนมาก สิ่งนี้นำมาซึ่งความโศกเศร้าเพราะทุกชีวิตที่สูญเสียล้วนเป็นบุคคลที่รักของคนใกล้ชิด บางคนอาจเป็นเสาหลักของครอบครัว บางคนอาจเป็นคนที่สร้างคุณประโยชน์สำหรับผู้อื่นและสังคมได้อีกมากมาย แต่การบริหารที่ล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งเป็นแรงผลักให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจจะบอกว่าโชคดีแล้วที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยหากเทียบกับจำนวนผู้เสียชีวิตในต่างประเทศ แต่ไม่สมควรมีใครต้องตายเพราะการบริหารจัดการโควิดที่ไม่ดีจากรัฐบาล เพราะรัฐบาลไทยมีเวลาในการรับมือและจัดการโควิดนานร่วมปี นับจากการระบาดช่วงแรก ที่สถานการณ์ถือว่าไม่ได้มีความรุนแรงมาก และมีทีท่าว่าจะดีขึ้นแล้ว จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการถอดบทเรียน และวางแผนรับมือเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติหรือกำหนดแนวทางที่จะทำให้สถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้นในเร็ววันได้ แต่เมื่อเกิดการระบาดระลอกที่ ๓ ที่สถานการณ์มีความรุนแรงมากกว่า ๒ ครั้งที่ผ่านมา จึงพบว่ารัฐบาลไม่ได้มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้เลย ที่ผ่านมารัฐบาลมีความพยายามหลอกตัวเองและประชาชนตลอดเวลาว่าโรคโควิด - ๑๙ ไม่มีความรุนแรง สามารถควบคุมจัดการได้ ปกปิดข้อมูลสำคัญที่ประชาชนควรรับรู้ การให้ข่าวหรือข้อมูลที่ไม่ชัดเจน สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ชีวิตประชาชนถูกละเลย ไม่ได้รับความใส่ใจ โดยเฉพาะหลังการระบาดระลอกที่ ๓ ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ คน ยอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยประมาณ ๓๐ - ๔๐ คนต่อวัน ในช่วงเวลา ๓ เดือน (เดือนเมษายน - เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔) ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นเป็นยอดผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ ๑๒,๐๐๐ กว่าราย และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละร้อยรายในช่วงเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคมช่วงต้น[๒๕] ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติในแต่ละวัน ให้ประชาชนรู้สึกชินกับคำประกาศสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายวัน ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีความสามารถในการจัดการดูแลให้ดีกว่านี้ได้ ซ้ำร้าย การฉีดวัคซีนที่นับเป็นหนทางเดียวที่เป็นความหวังว่าจะทำให้สถานการณ์โควิดดีขึ้น ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ และแนวโน้มสถานการณ์โควิดหลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี ๒๕๖๔ อาจรุนแรงกว่าช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะถือเป็นการเข้าสู่ช่วงที่เป็นจุดสูงสุดของการระบาด[๒๖] ยิ่งเวลาถูกทอดยาวออกไปมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงยิ่งตกอยู่กับประชาชนมากเท่านั้น กี่ความฝันที่ต้องดับลง กี่ชีวิตที่ถูกพรากไป กว่าจะถึงวันที่สถานการณ์โควิด - ๑๙ ดีขึ้น หลายคนอาจหมดแรงและล้มหายไปจากการเดินทางเสียก่อน
[๑] บทความนี้เขียนขึ้นในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ และติดตามอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมในช่วงต้น เนื้อหาส่วนใหญ่ถูกเขียนขึ้นโดยอิงจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ๒๕๖๔ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน เมื่อบทความนี้ถูกตีพิมพ์แล้ว เนื้อหาบางส่วนอาจไม่ตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่ผู้อ่านกำลังอ่านบทความนี้ [๒] คลัสเตอร์โควิด (Cluster Covid) ใช้เรียกกรณีตรวจพบผู้ติดโควิด - ๑๙ ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปในรอบ ๑๔ วัน ที่มาจากแหล่งเดียวกันและอาจมีช่วงเวลาสัมผัสใกล้กัน แต่อาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าต้นทางเชื้อมาจากที่ใด ผู้ติดเชื้อแต่ละคนติดเชื้อจากคนไหน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะสัมผัสรับเชื้อจากคนอื่นๆ ในพื้นที่เดียวกัน และจะถือว่าคลัสเตอร์นั้นๆ ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อไม่พบผู้ติดเชื้อนานกว่า ๑๔ วัน [๓] การประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ไปแล้วทั้งหมด ๑๓ ครั้ง โดยขยายครั้งที่ ๑๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ [๔] ประชาชาติธุรกิจ. (๒๕๖๔). ไฟเซอร์ อย. อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนแล้ว. แหล่งที่มา : https://www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๕] ช่วงเวลาที่ทำการเขียนบทความนี้ในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม รัฐบาลมีวัคซีนที่จัดสรรไว้สำหรับประชาชนเพียงแค่ ๒ รายการ และวัคซีนจากการจัดสรรของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์อีก ๑ รายการ รวมเป็น ๓ รายการ และรัฐบาลก็มีความพยายามในการจัดหาวัคซีนรายการอื่นๆ เข้ามาในอนาคต ซึ่งในวันที่บทความนี้ได้ทำการเผยแพร่แล้ว อาจมีวัคซีนรายการอื่นๆ เป็นทางเลือกให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น [๖] Google News. (๒๕๖๔). ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วโลกและในประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๔. แหล่งที่มา : https://news.google.com. สืบค้นเมื่อ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๗] ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข. (๒๕๖๓). เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่๓). แหล่งที่มา : http://www.ratchakitcha.soc.go.th. สืบค้นเมื่อ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๘] KTC. (๒๕๖๔). อัปเดต ค่าตรวจโควิด ๒๕๖๔ โรงพยาบาลรัฐและเอกชน ราคาเท่าไหร่. แหล่งที่มา : https://www.ktc.co.th/. สืบค้นเมื่อ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๙] WorkpointTODAY. (๒๕๖๔). รวมโครงการ บริจาคช่วยเหลือผู้คนในวิกฤตโควิด-๑๙. แหล่งที่มา : https://workpointtoday.com/. สืบค้นเมื่อ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๐] BRIGHT TODAY. (๒๕๖๔). นารา เครปกะเทย เนรมิตโรงงานร้าง สร้างโรงพยาบาลสนาม ลั่น! ถ้าไม่ทำเดี๋ยวทำเอง. แหล่งที่มา : https://www.brighttv.co.th. สืบค้นเมื่อ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๑] ประชาชาติธุรกิจ. (๒๕๖๔). ราคาวัคซีนโมเดอร์นา เทียบค่าแรงขั้นต่ำคนไทย ซื้ออะไรได้บ้าง ?. แหล่งที่มา : https://www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๒] ผู้จัดการออนไลน์. (๒๕๖๔). "ตัน อิชิตัน" เปิดภาพ "ศูนย์พักคอยตันปัน" เพื่อช่วยผู้ป่วยโควิด ด้านครอบครัวเผยเป็นห่วงแต่ภูมิใจที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม. แหล่งที่มา : https://mgronline.com. สืบค้นเมื่อ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๓] เส้นด้าย - Zendai. (๒๕๖๔). แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/zendai.org. สืบค้นเมื่อ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๑๔] PPTV Online. (๒๕๖๔). เปิดใจครอบครัวติดโควิด-๑๙ รพ.ไม่รับรักษา จากคนเดียวลามติดทั้งบ้าน ๖ ชีวิต. แหล่งที่มา : https://www.pptvhd36.com. สืบค้นเมื่อ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๑๕] กรุงเทพธุรกิจ. (๒๕๖๔). วิกฤติ 'โควิด-๑๙' ป่วยหนักล้น รพ.ปิดรับ ‘ไอซียูเต็มขยายไม่ได้'. แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com. สืบค้นเมื่อ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๑๖] ประชาชาติธุรกิจ. (๒๕๖๔). สธ.เตรียมพัฒนาเทคโนโลยี รองรับผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวรักษาที่บ้าน. แหล่งที่มา: https://www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ [๑๗] ไทยรัฐ. (๒๕๖๔). แนวทางจัดตั้ง "ศูนย์พักคอย" หวังลดผู้ป่วยโควิดตกค้าง รอส่งต่อไป รพ. แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/news. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๘] ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Akanis Srisukwattana. (๒๕๖๔). จากหมออาสา ทำ Home Isolation คนหนึ่ง. แหล่งที่มา : https://www.facebook.com. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๑๙] คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. (๒๕๖๔). รู้จักกับ "ยาฟาวิพิราเวียร์". แหล่งที่มา : https://www.rama.mahidol.ac.th. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๐] คณะทำงานด้านการรักษาพยาบาลและการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ. (๒๕๖๔). เอกสารแนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโควิด (COVID-19) ฉบับปรับปรุงวันที่ ๒๑ ก.ค. ๒๕๖๔ สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข. แหล่งที่มา : https://covid19.dms.go.th. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๑] เพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ (๒๕๖๔). แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ยาฟาวิพิราเวียร์ต่อการรักษาผู้ป่วยโควิด - ๑๙. แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/TUFHforCOVID19. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๒] ไทยรัฐ. (๒๕๖๔). แฉฉ้อโกง ขายสิทธิฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ จัดระเบียบใหม่ ให้ยืนตามจุด. แหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๓] ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ard Krab (อาสาสมัครทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดจากชุมชนคลองเตย). (๒๕๖๔). กรณีให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่กำลังรอเตียง. แหล่งที่มา : https://www.facebook.com. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๔] เส้นด้าย - Zendai. (๒๕๖๔). กรณีคุณแม่วัย ๗๘ ปี และลูกชายที่เป็นโปลิโอวัย ๕๑ ปี ที่ป่วยเป็นโควิด. แหล่งที่มา : https://www.facebook.com และ https://www.facebook.com. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๕] จำนวนตัวเลขเป็นค่าเฉลี่ยจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ [๒๖] PPTV36HD. (๒๕๖๔). แบบจำลองคาดการณ์สถานการณ์โควิด-19 "ถ้าไม่มีล็อกดาวน์". แหล่งที่มา : https://www.pptvhd36.com. สืบค้นเมื่อ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|