บทความล่าสุด |
---|
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|

แนะนำวารสาร "ผู้ไถ่" เล่มล่าสุด |
![]() |
Friday, 29 April 2022 | ||||||||
วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๑๑๘ ม.ค. - เม.ย. ๒๕๖๕ การเสวนาระหว่างชนรุ่นต่าง ๆ การศึกษาและการทำงาน เป็นเครื่องมือสำหรับ การสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
การเสวนาระหว่างชนรุ่นต่างๆ การศึกษา และการทำงาน : เครื่องมือสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดย สามสอ วันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคมของทุกปี นับตั้งแต่ปี ๑๙๖๗ เป็นต้นมา โอกาสวันสมโภชพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า ผู้นำพระศาสนจักรคาทอลิก ได้ประกาศให้เป็นวันอธิษฐานภาวนาเพื่อสันติภาพในโลก พร้อมกับออกสารวันสันติสากล นำเสนอความห่วงใยต่อปัญหาต่าง ๆ หรือสถานการณ์ที่กำลังคุกคามต่อความสงบสุขของประชาชน และเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันไตร่ตรอง และแสวงหาหนทางสร้างสันติภาพ ปี ๒๐๒๒ นี้ ชีวิตผู้คนยังถูกคุกคามด้วยความรุนแรงจากสงคราม และความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันทั้งในประเทศซีเรีย ซูดานใต้ เอธิโอเปีย และในคองโกตะวันออก ล่าสุดสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ปะทุขึ้น ขณะเดียวกัน โลกยังเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด ซึ่งยังไม่มีทางออกที่ควบคุมได้ และภัยธรรมชาติจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สาระสำคัญของสารวันสันติสากลปี ๒๐๒๒ นี้ พระสันตะปาปาฟรังซิส ยืนยันว่า โลกต้องการสันติภาพ สันติภาพเป็นของขวัญ ที่ช่วยให้โลกสดใสงดงาม สันติภาพเป็นผลของความร่วมมือร่วมใจกันของมนุษย์ พระองค์เสนอเรื่องสำคัญ ๓ เรื่องที่สามารถสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนได้ คือ การเสวนาของคนระหว่างรุ่น การลงทุนด้านการศึกษา และการส่งเสริมสภาพการทำงาน ในเรื่องแรก การพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ทำให้สังคมเป็นปัจเจกนิยม มีการคำนึงถึงกันและกันน้อยลง และเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ทำให้คนสูงอายุมีความโดดเดี่ยวอ้างว้าง หมดที่พึ่ง และรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน หนุ่มสาวยุคใหม่ ก็ใช้ชีวิตอยู่กับตนเอง เพิกเฉยกับสิ่งรอบข้าง ยังไม่มีมุมมองชัดเจน ต่อจุดหมายปลายทางของสังคมในอนาคต ที่พวกเขาจะเป็นผู้รับช่วงดูแลต่อไป พระสันตะปาปาฟรังซิสเป็นห่วงคนสองกลุ่มนี้ และเสนอว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เป็นคลังเก็บรักษาความทรงจำ และ คนหนุ่มสาว ผู้ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ไปข้างหน้า ต้องสานสัมพันธ์กันด้วยการเสวนา พูดคุย เพราะการเสวนาเป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การถ่ายทอดประสบการณ์ การแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิด และเป็นช่วงเวลาของการรับฟัง ด้วยการละวางอัตตาที่คนแต่ละวัยยึดมั่น เพื่อเกิดความเข้าใจในบริบทที่แตกต่างกันของผู้อยู่มาก่อน และผู้ที่กำลังเดินตามมาทีหลัง การเสวนาเป็นเสมือนการไถพรวนดินที่แข็ง แตกระแหง แห่งความขัดแย้ง ไม่เข้าใจหรือเฉยเมย ให้อ่อนนุ่ม และยังช่วยให้เกิดการเรียนรู้เข้าใจอดีต เพื่อเป็นบทเรียนสำคัญต่อการมุ่งสู่อนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า หากไม่มีราก ต้นไม้จะเติบโตและเกิดผลได้อย่างไร ในเรื่องที่สอง การศึกษาและการฝึกอบรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการส่งเสริมและพัฒนามนุษย์ให้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ มีความรับผิดชอบ และมีอิสระในการใช้ศักยภาพเพื่อสร้างสังคมที่สันติ กำลังถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ และถูกลดงบประมาณสนับสนุน ในขณะที่งบประมาณด้านการทหาร และการสะสมอาวุธ ยุธโทปกรณ์ กลับได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้น และเป็นตัวการสำคัญต่อการทำลายอิสรภาพ สร้างความสูญเสียของชีวิต มากกว่าสร้างสันติภาพ ข้อมูลของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม ได้ตีพิมพ์ไว้ว่า ปี ๒๕๖๓ แม้ทั่วโลกจะอยู่ท่ามกลางการระบาดของโควิด-๑๙ แต่ค่าใช้จ่ายทางทหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ ๒ ล้านล้านดอลลาร์ พระสันตะปาปาฟรังซิส ยังมีความเห็นว่า ด้วยการศึกษานี้ จะช่วยปลูกฝังและหล่อหลอมบุคคลให้ปฏิบัติวัฒนธรรมดูแลเอาใจใส่ต่อกัน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สามารถเชื่อมมิตรภาพผู้คนในสังคม ที่อิงอยู่กับวัฒนธรรมอื่น ๆ ในเชิงสถาบัน หรือตามกระแสนิยม อาทิ วัฒนธรรมมหาวิทยาลัย วัฒนธรรมเยาวชน วัฒนธรรมครอบครัว วัฒนธรรมเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมสื่อ ให้หันมาคำนึงถึงกันและกัน ออกแรง ลงมือ ช่วยเหลือกันมากขึ้น และยิ่งกว่านั้น การศึกษายังช่วยให้คนรุ่นใหม่ ได้ใช้ศักยภาพ และทักษะ ทำบทบาทหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสมในอาชีพการงานต่อไป เรื่องที่สาม การทำงาน เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในการสร้างสันติ เพราะสถานที่ทำงาน เป็นพื้นที่ที่คนแต่ละคน ได้มีโอกาสใช้ความสามารถ พรสวรรค์ และการทุ่มเทของตน ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และเพื่อใครสักคน (ที่อยู่เบื้องหลัง หรือ ที่เราห่วงใยอยู่เสมอ) การทำงานเป็นพื้นฐานของการปฏิบัติความยุติธรรมและความสามัคคีในทุกชุมชน การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของความหมายชีวิตของมนุษย์บนโลกใบนี้ การทำงานช่วยให้แต่ละคนเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี มีความก้าวหน้า และบรรลุความสำเร็จในระดับบุคคล วิกฤติโรคระบาดโควิด-๑๙ ที่มีต่อภาคเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบของต่อกลุ่มแรงงานระยะสั้น หรือแรงงานนอกระบบ ต้องตกงาน และปิดโอกาสต่อเยาวชนที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน นอกจากนี้ แรงงานข้ามชาติที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย พวกเขาต้องเผชิญทั้งการตกงาน การอยู่อย่างหลบซ่อน ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล เมื่อป่วยด้วยโรคระบาดดังกล่าว และเป็นช่องทางของการค้ามนุษย์รูปแบบต่าง ๆ ที่เข้ามาฉวยโอกาสในยามที่คนเหล่านี้เดือดร้อน ไม่มีทางเลือก ผู้นำศาสนจักรคาทอลิก ยังเชิญชวนบรรดาเจ้าของกิจการหรือบริษัทต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อหน้าสังคมมากขึ้น และอาศัยบทบาทของตนเองในฐานะผู้ประกอบการ ใช้โรงงาน บริษัท และสถานประกอบการ เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมการเคารพศักดิ์ศรีของผู้ทำงาน ทั้งนี้ โดยความจริง พื้นที่แห่งการประกอบกิจการเหล่านี้ เป็นพื้นที่ของผู้ทำงานแต่ละคน ซึ่งมีบทบาท หน้าที่ แตกต่างและลดหลั่นกัน ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน แบ่งปันประสบการณ์ชีวิต ปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ เห็นอกเห็นใจ ร่วมมือ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นการเสวนาและสานสัมพันธ์ของคนต่างรุ่นในโลกแห่งการทำงาน การละทิ้งความเห็นแก่ตัว แบ่งปันสิ่งที่แต่ละคนมีเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อน การให้กำลังใจและเห็นคุณค่าของผู้เกิดมาก่อนและมีส่วนร่วมสร้างหน้าประวัติศาสตร์ชีวิตทางสังคมไว้ให้เรา การรับฟังและสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ที่มีอัตลักษณ์และอุดมการณ์ความคิดชุดใหม่ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การนำเอาบทเรียนจากอดีต ที่เป็นเกราะป้องกันความผิดพลาดซ้ำ มาเป็นหลักนำทางต่อไปในอนาคต การใช้ทุก ๆ พื้นที่แห่งการทำงาน เป็นเวทีแห่งเสวนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และช่วยเหลือกัน บนหลักของการเคารพความเป็นมนุษย์ของกันและกัน การใช้การศึกษา เป็นเบ้าหลอมชีวิต และมีโครงหลักยึดด้วยหลักศีลธรรมและจริยธรรม เพื่อสร้างสังคมที่สงบสุข มากกว่าการใช้กำลังอาวุธ เพื่อสร้างสันติภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลกล่าวอ้างที่ใช้ไม่ได้เลย เหล่านี้ คือบทสรุปที่พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเรียกร้องมายังทุกคน ในยามที่สังคมกำลังต้องการ ช่างฝีมือแห่งสันติภาพ
+++++++++++++++++++++++++++++++
หากท่านมีความประสงค์จะสั่งซื้อ วารสารผู้ไถ่ / ร่วมสนับสนุนการจัดพิมพ์
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการพัฒนาสังคม แผนกยุติธรรมและสันติ (ยส.)
Powered by AkoComment 2.0! |
ถัดไป > |
---|