บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
สิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียน : รศ.ดร.วไล ณ ป้อมเพชร |
Thursday, 14 June 2018 | ||||
เส้นทางสิทธิมนุษยชนศึกษา
สิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียน
รศ.ดร.วไล ณ ป้อมเพชร โรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา เป็นโรงเรียนแห่งแรกในประเทศไทยที่นำเรื่อง "สิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียน" เข้าสู่โรงเรียน โรงเรียนอื่นอาจจะเล่นเรื่องอาเซียน แต่ก็เป็นในรูปของวัฒนธรรมการแต่งกาย การฟ้อนรำ หรือการสอนให้รู้จักภาษาบ้าง อันที่จริง การนำเรื่องสิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียนเข้าสู่โรงเรียนน่าจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และจำเป็นที่สุด เมื่อท่านเข้าใจความหมายของสิทธิมนุษยชนศึกษาแล้ว ท่านก็จะเข้าใจว่า ทำไมจึงสำคัญ และจำเป็น ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า สิทธิมนุษยชนศึกษา หมายความว่าอย่างไร คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า สิทธิมนุษยชนศึกษา (Human Rights Education) คือ การเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ที่จริงแล้ว สิทธิมนุษยชนศึกษามีความหมายกว้างไกลไปกว่านั้น ซึ่งจะขออธิบายอย่างย่อๆ ไว้คือ เมื่อ ค.ศ.๑๙๙๔ (พ.ศ.๒๕๓๗) องค์การสหประชาชาติได้ประกาศ "ทศวรรษแห่งสิทธิมนุษยชนศึกษา" ค.ศ.๑๙๙๕-๒๐๐๔ (พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๔๗) และอธิบายความหมายของสิทธิมนุษยชนศึกษา มีรายละเอียดที่พอจะสรุปได้ดังนี้คือ :
สิทธิมนุษยชนศึกษา หมายถึง การฝึกอบรม การถ่ายทอดความรู้ และให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งสิทธิมนุษยชนให้เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้น สิทธิมนุษยชนศึกษา จึงมิใช่เพียงการศึกษาเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ ฝึกทักษะ และหล่อหลอมทัศนคติ เพื่อมุ่งให้เกิดสิ่งต่อไปนี้ คือ :-
๑. การเคารพสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
๒. พัฒนาศักยภาพ บุคลิกภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่
๓. ความเข้าใจ และความเคารพในความเสมอภาค และมิตรภาพระหว่างชนทุกชาติ ทุกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และกลุ่มภาษา
๔. การมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพในสังคมที่เป็นอิสระ
๕. การพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้า และดำรงไว้ซึ่งสันติสุข
๖. การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มี "คน" เป็นศูนย์กลาง และเน้นความยุติธรรมในสังคม
สิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียน ก็คือ การร่วมมือกันเสริมสร้างวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนให้เกิดขึ้นในสังคมแห่งบรรดาประเทศในอาเซียน คือทำให้เกิดความเข้าใจ ความเคารพในความเสมอภาค และมิตรภาพระหว่างชนทุกชาติ ทุกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และกลุ่มภาษาในอาเซียน พัฒนาสังคมอาเซียนให้ก้าวหน้า และดำรงไว้ซึ่งสันติสุข ข้อนี้คิดว่าคงจะตรงกับความปรารถนาของโรงเรียนดาราสมุทร
โรงเรียนที่ผู้บริหาร และครูอาจารย์ เห็นความสำคัญของสิทธิมนุษยชนศึกษา และนำหลักการสากลของสิทธิมนุษยชนเข้าสู่โรงเรียนแล้ว หมายความว่าได้สร้างบรรยากาศเกี่ยวกับความเคารพ ความรัก ความเอื้ออาทร เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ และไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ได้ทำให้คุณธรรมสิทธิมนุษยชนซาบซึ้งเข้าไปในจิตใจของครู นักเรียน และบุคลากรในโรงเรียน และสะท้อนออกมาทางวาจา และการปฏิบัติ สร้างวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนให้เกิดขึ้นในโรงเรียน คือให้คุณธรรมสิทธิมนุษยชน เป็นวิถีชีวิตของครู นักเรียน และบุคลากรในโรงเรียน คือโรงเรียนที่พร้อมที่จะเข้าร่วมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียน
ประเทศอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ มีโรงเรียนที่ได้รับการฝึกอบรมด้านสิทธิมนุษยชนศึกษามาแล้ว แต่จะมีจำนวนมากหรือน้อย ตลอดจนการรับรู้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสนใจ และบทบาทของกระทรวงศึกษาธิการของแต่ละประเทศ ข้าพเจ้าเคยไปร่วมงานกับประเทศเหล่านั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ ขององค์การ UNESCO เห็นว่าประเทศฟิลิปปินส์ก้าวหน้าไปไกลกว่าประเทศอื่นๆ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ตามมา
ประเทศไทยสู้เขาไม่ได้ เพราะกระทรวงศึกษาธิการไม่สนใจจริง เป็นเพราะผลการทำงานอันเข้มแข็งของคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการพัฒนาสังคม แผนกยุติธรรมและสันติ สิทธิมนุษยชนศึกษาจึงได้เข้าสู่บรรดาโรงเรียนคาทอลิกในประเทศไทย และได้ผลอย่างจริงจัง ดังตัวอย่างของโรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา ภายใต้การนำของคุณพ่อวัชรินทร์ สมานจิต
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖ องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ได้เชิญครูระดับมัธยมศึกษา ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ไปร่วมประชุม และเขียนแผนการเรียนรู้ (Lesson Plans) เรื่องสิทธิมนุษยชน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ครูผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนของประเทศไทย ๕ คน มาจากโรงเรียนคาทอลิก ๓ คน และโรงเรียนรัฐบาล ๒ คน ผลของการร่วมกิจกรรมสิทธิมนุษยชนศึกษาของบรรดาครูในประเทศอาเซียน ทำให้ได้เห็นความคล้ายคลึง และความแตกต่างกันของความคิด ค่านิยม คุณธรรม และจริยธรรมของแต่ละประเทศ รวมทั้งสร้างความเข้าใจ ความเห็นใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กิจกรรมดังกล่าวนี้ น่าจะจัดให้มีเป็นครั้งคราว
ขณะนี้เรื่องสิทธิมนุษยชนในแง่ของกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับ เป็นที่ยอมรับของบรรดาประเทศอาเซียน และต่างก็เป็นภาคีในสนธิสัญญาเหล่านั้น แต่พวกเราในที่นี้คงจะเห็นพ้องกันว่า ความหมายของสิทธิมนุษยชนในเชิงกฎหมายเท่านั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องศึกษาความหมายในแง่ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนธรรม ดังที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้เตือนไว้ว่า : "กฎหมายต่างๆ เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติ แต่มนุษย์ต้องพัฒนาตนไปมากกว่านั้น มนุษย์ย่อมไม่ละเมิดผู้อื่น ไม่ใช่เพียงเพราะเคารพกฎเกณฑ์ แต่มนุษย์ต้องปฏิบัติต่อกันจากส่วนลึกของจิตใจ ด้วยความเมตตา กรุณา ความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน"
ถ้าพิจารณาดูปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งมีอยู่ ๓๐ ข้อ ข้อแรกได้บัญญัติว่า : "มนุษย์เกิดมาอิสรเสรี และเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ มนุษย์ได้รับการประสิทธิ์ประสาทเหตุผล และมโนธรรม และพึงปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นพี่น้อง (spirit of brotherhood)" คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเน้นแต่ประโยคแรก แต่ข้อความในประโยคหลังมีความสำคัญ และทำให้เห็นว่า จิตตารมณ์ของสิทธิมนุษยชนมาจากศาสนา ซึ่งบรรดานักกฎหมายไม่ยอมรับว่าสิทธิมนุษยชนมีแนวคิดมาจากศาสนา
ข้อความที่ว่า : "พึงปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณของความเป็นพี่น้อง" จะเตือนใจพวกเราว่า มนุษย์ทั้งหลายเป็นพี่น้องกัน จึงต้องปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง ต้องเป็นการปฏิบัติที่ออกมาจากจิตใจ ด้วยความรัก ความเมตตา กรุณา เอื้ออาทร ซึ่งเป็นคุณธรรมสากลที่มาจากศาสนธรรมของทุกศาสนา
ถ้าเราเข้าใจสิทธิมนุษยชนในลักษณะเช่นนี้ และเราเน้นให้สิทธิมนุษยชนศึกษา พัฒนา เสริมสร้างค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ่านการฝึกปฏิบัติจนกลายเป็นคุณลักษณะส่วนหนึ่งของชีวิต นักเรียนของเราก็จะเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะที่เราบ่มเพาะ มีความรัก ความเมตตา ความยุติธรรม ไม่ละเมิดผู้อื่น แต่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อผู้อื่น และเมื่อเติบโตขึ้นก็จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
สรุป : สิทธิมนุษยชนในอาเซียนจะต้องสร้างภราดรภาพ (Brotherhood, Fraternity) ให้เกิดขึ้นในประเทศอาเซียน และ ภราดรภาพจะเป็นพื้นฐาน และหนทางสู่สันติภาพ (สารวันสันติสากล ๑ มกราคม ค.ศ.๒๐๑๔ ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส)
ภราดรภาพ คือ หัวใจของสิทธิมนุษยชน ถ้ามนุษย์เราปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณของความเป็นพี่น้อง เราก็ย่อมจะไม่ละเมิดสิทธิของกันและกัน สิทธิมนุษยชนในอาเซียนต้องเน้นตรงนี้ ถ้าโรงเรียนดาราสมุทรของเรามีแผนการที่จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ใช้วิธีการอย่างไร และได้ผลอย่างไร อยากจะขอให้เป็นแบบอย่างสำหรับโรงเรียนอื่นๆ ด้วย
เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเสนอให้ช่วยกันพิจารณา คือ เราคนไทยจะต้องเปิดใจให้กว้าง เพื่อเรียนรู้เรื่องของเพื่อนบ้าน ต้องแก้ไขความฝังใจที่ผิดๆ ที่มาจาก การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ชาตินิยม ความคับแคบทางความคิดและจิตใจ ทำให้เราไม่เข้าใจเพื่อนบ้านของเรา และมักจะรังเกียจ ดูแคลน เหยียดหยาม
เมื่อได้ไปเยี่ยมโรงเรียนรัฐบาลที่จังหวัดระนอง ซึ่งมีลูกแรงงานข้ามชาติจำนวนมากที่มีสิทธิเข้าเรียนหนังสือ แต่เมื่อโรงเรียนรับเข้าเรียนกลับเกิดปัญหา คือผู้ปกครองเด็กนักเรียนไทย เอาลูกออกจากโรงเรียน และครูบางคนมีทัศนคติที่เป็นลบกับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกแรงงานชาวพม่า อคติ จะต้องได้รับการแก้ไขให้หมดสิ้นไป โรงเรียน และ ศาสนา จะต้องมีบทบาทสำคัญในการแก้ไข ขอฝากให้โรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา และโรงเรียนศรีหฤทัย ขลุง ช่วยหาทางแก้ไขในการนำสิทธิมนุษยชนศึกษาในอาเซียนเข้าสู่โรงเรียน เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับโรงเรียนอื่นๆ
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|