บทความล่าสุด |
---|
อุ้ม(หาย)ไปไหน ? : สนธยา ตั้วสูงเนิน |
Tuesday, 15 August 2017 | ||||
จากวารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ ๑๐๔ (พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๐)
อุ้ม(หาย)ไปไหน ?
และตั้งแต่มีการรัฐประหาร สถานการณ์การคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนพุ่งสูงขึ้นจากที่ผ่านมากว่า ๕๐๐ ครั้ง มีนักต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ไร้ที่ดินทำกิน กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนจนทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ถูกกระทำด้วยความรุนแรงหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการถูกจับเพื่อนำไปปรับทัศนคติ การถูกปลดออกจากงาน หรือการสูญเสียรายได้ การรณรงค์ป้ายสีว่านักปกป้องสิทธิฯ เป็นศัตรูของชาติ เป็นผู้ทรยศหรือเป็นผู้ที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของต่างชาติ การใช้กฎหมายในการกลั่นแกล้งทั้งจากบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งในบางกรณีก็เป็นการใช้อำนาจจากเจ้าหน้าที่รัฐในระดับประเทศอีกด้วย ในช่วงเร็วๆ นี้ ชื่อของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกบังคับให้สูญหายหรือถูกทำให้ตาย ที่เราพอคุ้นหูอยู่บ้างก็มีจำนวนไม่น้อย เด่น คำแหล้ นักปกป้องสิทธิในที่ดินทำกินชุมชนโคกยาว อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ได้หายตัวไปขณะที่เข้าไปเก็บหาของป่าตามปกติ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการหายตัวไปได้ แม้จะมีการพบพยานหลักฐานต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายเด่น แต่ก็ต้องรอขั้นตอนในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งต้องใช้เวลานาน หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๗ บิลลี่ หรือ พอละจี รักจงเจริญ ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมตัวและนำตัวไปสอบสวนโดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดหลังจากที่บิลลี่เข้าไปเก็บน้ำผึ้งป่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของบิลลี่เช่นกัน ซึ่งเป็นเวลาล่วงมากว่า ๔ ปีแล้วจนถึงปัจจุบันที่บิลลี่หายตัวไป มึนอ หรือ พิณนภา พฤกษาพรรณ และสุภาพ คำแหล้ ผู้หญิง ๒ คน ต่างวัย ต่างที่มา แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเธอเหมือนกัน คือ สามีของพวกเธอถูกบังคับให้สูญหาย โดยที่ในขณะนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าสามีของพวกเธอมีชะตากรรมเป็นเช่นใดบ้าง การหายไปของบุคคลผู้เป็นคู่ชีวิตก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตของเธอทั้งสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกการเสียชีวิตหรือการหายตัวไปล้วนส่งผลกระทบต่อครอบครัวของพวกเขาทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งเพราะบุคคลเหล่านี้ดำรงฐานะเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังการหายตัวไปของผู้ที่เป็นสามี พวกเธอต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิต ต้องแบกรับภาระที่หนักขึ้น
มึนอต้องแบกภาระในการดูแลลูกๆ ถึง ๕ คน
หวาดกลัวไม่กล้าไว้ใจใคร นางสุภาพขาดเพื่อนคู่คิด เพราะหลังจากตกลงแต่งงานกับนายเด่นก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาเพียงแค่
๒ คน การหายตัวไปของทั้งบิลลี่และนายเด่นอย่างไม่รู้ชะตากรรม
ความหวังที่จะได้เจอเขาทั้ง ๒ คน ก็ลดน้อยลงตามไปด้วย แม้วันนี้ความหวังที่มึนอและนางสุภาพจะได้เจอสามีลดน้อยลงจนแทบไม่เหลือ
แต่ความหวังที่จะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมยังคงมีอยู่ เพราะเรายังเห็นว่าเธอทั้งสองคนยังคงสู้และพยายามเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเองเรื่อยมา
"ธรรมชาติของคนเป็นผัวเมียกัน มันก็ต้องคิดถึงกันเป็นธรรมดา" คำพูดของนางสุภาพ
ที่ยังดังอยู่ในห้วงความรู้สึก มันสะท้อนให้เห็นภาพของการขาดองค์ประกอบสำคัญในครอบครัวได้อย่างชัดเจน
เพราะหากเราจะหานิยามของคำว่า ‘ครอบครัว'
หลายคนคงให้ความเห็นที่คล้ายกันว่า ครอบครัว คือ การมีคนอยู่ร่วมกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป
เป็นการอยู่ร่วมกันของคนที่มีความรัก ความอบอุ่น ความเอื้ออาทรต่อกันและกัน
อยู่แล้วรู้สึกสบายกาย สบายใจ สำหรับนางสุภาพหลังจากที่นายเด่นหายตัวไปก็ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง
เมื่อเหลือเพียงคนเดียวเรายังสามารถเรียกว่าครอบครัวได้อีกหรือ?
ในขณะที่ครอบครัวของบิลลี่ตลอดระยะเวลากว่า
๔ ปี เด็กๆ ทั้ง ๕ คน เติบโตมาโดยที่ไม่มีพ่อของพวกเขาอยู่ด้วย ในพื้นฐานของความเป็นครอบครัว
ลูกควรเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักความอบอุ่น
ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากทั้งพ่อและแม่ เด็กๆ
ควรเติบโตมาโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกว่าขาดสิ่งใด
เพราะเรามีความเชื่อว่าหากเด็กได้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น ท่ามกลางความรักจากพ่อและแม่ย่อมส่งผลในทางที่ดีต่อจิตใจของเด็ก
และเด็กจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่ดีในอนาคตได้ แม้ว่าทั้งสองคนอาจเจอรูปแบบปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวในแบบที่ต่างกัน
แต่สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับครอบครัวของเธอทั้งสอง ทำให้ครอบครัวกลายเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยเป็นมา
ณ ตอนนี้ สิ่งที่พวกเธอยังคงคาดหวัง คือ การทราบความจริงว่าสามีของพวกเธอหายไปไหน
หายไปได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ แม้คำตอบที่จะได้รับเกี่ยวกับสถานะของผู้เป็นสามี
อาจจะเป็นสิ่งที่พวกเธอไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม แต่เชื่อว่าพวกเธอเองก็คงมีการเตรียมใจกับคำตอบมาบ้างแล้วในระดับหนึ่ง
ซึ่งหากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตรงนี้ได้อย่างชัดแจ้งโปร่งใส
เจ้าหน้าที่มีความจริงใจและตระหนักถึงปัญหาที่พวกเธอกำลังแบกรับ
และแสดงความจริงใจในการช่วยเหลือและรีบเร่งหาความจริง ก็คงเป็นการคืนความเป็นธรรมให้แก่เธอทั้งสองได้บ้าง
แม้ไม่อาจเทียบเท่ากับสิ่งที่พวกเธอได้สูญเสียไปเลยก็ตาม
การบังคับบุคคลให้สูญหายถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เพราะถือเป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิในชีวิต ร่างกาย การกระทบกระเทือนถึงจิตใจ ปัญหาการถูกบังคับให้สูญหายในประเทศไทย
จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขเยียวยาอย่างเร่งด่วน เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่มีฐานความผิดมารองรับการกระทำ
ดังนั้น เมื่อเกิดการบังคับบุคคลให้สูญหายเกิดขึ้น เราจึงไม่สามารถเอาผิดกับใครได้
เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายที่มากำหนดฐานความผิดนี้ไว้
"การบังคับบุคคลให้สูญหาย" หมายความว่า การจับกุมคุมขังลักพาหรือกระทำการด้วยประการใด ที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพในร่างกายต่อบุคคล
ซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับคำสั่ง
การสนับสนุน หรือการรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีการปฏิเสธว่ามิได้มีการจับกุม
คุมขัง ลักพา
หรือกระทำการด้วยประการใดที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพในร่างกายของบุคคลนั้น
หรือปกปิดชะตากรรมหรือที่อยู่ของบุคคลนั้น [๑]
จากความหมายนี้
เราสามารถตีความความหมายของการบังคับบุคคลให้สูญหายได้ว่า ๑.
มีการบังคับบุคคลให้สูญหายโดยการจับ การควบคุมตัว การลักพาตัว
หรือการกระทำอย่างอื่น ๒.
การกระทำเช่นว่านั้นเป็นการทำให้บุคคลนั้นสูญเสียอิสรภาพในตนเอง ๓. เป็นการกระทำโดยใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่รัฐ
มีความเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจต่อการกระทำนั้น ๔. มีการปฏิเสธการกระทำหรือไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของบุคคลนั้น
นอกจากนี้ยังมีลักษณะสำคัญอีกประการของการบังคับให้สูญหาย คือ
บุคคลต้องถูกบังคับให้ต้องตกอยู่นอกความคุ้มครองของกฎหมายหรือตกอยู่ในสถานะที่ไม่อาจอ้างสิทธิใดๆ
ตามกฎหมายได้ [๒] ทำให้ญาติของบุคคลที่สูญหายไม่อาจยกสิทธิใดๆ
มาอ้างเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
เพราะยังไม่ทราบชะตากรรมที่แน่ชัดของบุคคลผู้สูญหาย
ปัจจุบัน
หากมีการบังคับให้สูญหายเกิดขึ้นก็ยังไม่ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรม ส่งผลให้ครอบครัวของผู้สูญหาย
ไม่ได้มีสถานะเป็นผู้เสียหาย
เพราะไม่มีหลักฐานว่าผู้ที่สูญหายได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแล้ว ทำให้ครอบครัวของผู้สูญหายไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดหรือจัดการกับทรัพย์สินใดๆ
ของผู้สูญหายได้ จนกว่าจะขอให้ศาลสั่งว่าเป็นคนสาบสูญ ซึ่งต้องรอให้ครบระยะเวลา ๕
ปี หรือ ๒ ปี ในกรณีที่มีเหตุการณ์พิเศษ และในระหว่างที่ยังไม่มีการออกกฎหมายเพื่อรองรับการกระทำความผิดนี้
ก็อาจจะเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไปได้
การหายตัวไปของบิลลี่และพ่อเด่น
รวมถึงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหละหลวมของกฎหมายและการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
สืบเนื่องมาจากในประเทศไทยไม่มีกฎหมายที่รองรับสำหรับการกระทำความผิดในข้อหาการบังคับบุคคลอื่นให้สูญหายอย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้น เมื่อเกิดกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหายตัวไป ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ
ได้เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
หลังจากที่นายเด่นหายตัวไป นางสุภาพก็เข้าแจ้งความเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการค้นหา
แต่เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการช่วยติดตามค้นหาและตั้งข้อสันนิษฐานให้เพียงว่านายเด่นอาจจะถูกสัตว์ป่าทำร้าย
หรือในกรณีของบิลลี่ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มึนอไม่สามารถแจ้งความได้
เนื่องจากมึนอไม่ได้จดทะเบียนสมรส ดังนั้น มึนอจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย อีกทั้ง
คนที่จับตัวบิลลี่ไป ก็คือ เจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งทำให้การตรวจสอบยากขึ้นไปอีก
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะอ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่มาแล้วก็ตาม
จาก ๒ กรณี มีความเหมือนกันในลักษณะของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คือ
ไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือ หากจะย้อนดูถึงสาเหตุของข้ออ้างนี้จริงๆ ก็คงจะย้อนมาที่โครงสร้างทางกฎหมายที่ยังไม่มีกฎหมายมารองรับ
หากในประเทศไทยมีกฎหมายมารองรับ แม้จะแก้ปัญหาการอุ้มหายในประเทศไทยไม่ได้ทั้งหมด
แต่หากเกิดกรณีการอุ้มหายเกิดขึ้น
อย่างน้อยครอบครัวของผู้ถูกอุ้มหายก็ยังมีหนทางในการได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้บ้าง
หรือในกรณีที่เกิดการสูญหายจากการกระทำของเจ้าหน้าที่เองก็อาจยังมีช่องทางให้ทำการตรวจสอบ
ติดตามได้
แม้จะมีความพยายามในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
ซึ่งทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพพยายามผลักดันในเรื่องนี้มาโดยตลอด
อีกทั้งยังมีการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมและเผยแพร่ความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการต่อต้านการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐเรื่อยมา
แต่ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็มีการชะลอการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างไม่มีกำหนด
โดยให้เหตุผลว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๖๐ ใช้บังคับแล้ว โดยมีมาตรา ๗๗ ว่าด้วยเรื่องของการออกกฎหมายใหม่ที่จำกัดกรอบและเพิ่มขั้นตอนในการออกกฎหมายให้ยุ่งยากขึ้นไปอีก
โดยก่อนการออกกฎหมายใดๆ
ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อนำมาใช้ประกอบในการพิจารณาร่างกฎหมายในทุกขั้นตอน
ส่งผลให้จากเดิมที่เรากำลังจะมีกฎหมายฉบับนี้ใช้บังคับ
เราจึงต้องกลับมาร่างกฎหมายฉบับนี้และยื่นเพื่อการพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ซึ่งเป็นการทอดเวลาออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำลายความหวัง
หรือสร้างความหวาดหวั่นให้แก่มึนอและนางสุภาพเลย เพราะเรายังเห็นเธอทั้งสอง
แสดงความเข้มแข็งออกมาเสมอ
"พอใจและภูมิใจที่พ่อเด่นไปต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิทำกิน
แม่เองก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะว่าไปเพื่อพี่น้อง ถึงตัวเองจะไม่มีลูกก็ช่าง
ได้สิทธิในที่ดินมาแล้วไม่มีผู้รับมรดกก็ช่าง แต่ขอให้พี่น้องได้มีอยู่มีกิน
เพราะบางคนที่มีลูก จะได้มีสืบไว้ให้ลูกให้หลานต่อไป" สุภาพ
คำแหล้
การยอมรับในชะตากรรมที่ต้องเผชิญ หญิงคนหนึ่งอาจยังโชคดีกว่าหญิงอีกคนหนึ่ง เพราะแม้ว่าเธอจะสูญเสียสามีไป แต่เธอก็ยังคงเหลือลูกๆ ทำให้เธอไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และลูกๆ ก็เปรียบเสมือนสิ่งแทนใจของสามีที่พอจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่ายังมีสามีอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ต่างจากอีกคนที่ไม่มีใครเลย เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ดำเนินชีวิตด้วยตัวคนเดียว แม้เธอจะแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ เธอทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอสามารถอยู่ได้โดยลำพัง แต่หากวันใดที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้าหรือต้องการกำลังใจ แต่เธอกลับไม่พบคนที่เคยอยู่เคียงข้าง วันนั้นคงเป็นวันที่โหดร้ายสำหรับเธอจนเราไม่อาจคาดเดาความรู้สึกได้ สุดท้ายเราต่างก็มีความหวังว่าในวันหนึ่งกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายจะถูกใช้บังคับเสียที เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต และเพื่อเยียวยาความเสียหายแก่ครอบครัวของผู้สูญหายโดยเร็ว อย่างน้อยเพื่อให้ครอบครัวของบุคคลเหล่านั้นได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาบ้าง [๑] ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ.... ฉบับแก้ไขล่าสุด ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการ คุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ [๒] โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw). (มิถุนายน ๒๕๕๖). เข้าใจความหมายของการ "อุ้มหาย" เขียนกฎหมายให้แก้ปัญหา. จากเว็บไซต์ : https://ilaw.or.th/node/2818
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|