บทความล่าสุด |
---|
ทำความเข้าใจคนแต่ละ Generation แล้วคุณล่ะอยู่ Gen ไหน? : ชลรัช อ่อนเกตพล |
Wednesday, 09 September 2015 | ||||||||||
ทำความเข้าใจคนแต่ละ Generation แล้วคุณล่ะอยู่ Gen ไหน? ชลรัช อ่อนเกตพล เรื่อง/เรียบเรียง
เคยได้ยินคำว่า "มนุษย์ป้า" บ้างไหม? มันเป็นสรรพนามที่เด็กเจเนอเรชั่น Z ใช้เรียกขานผู้หญิงเจนเนอเรชั่น X ขึ้นไป เมื่อพวกเขาไม่สบอารมณ์ ขณะที่มนุษย์ป้าจะเรียกเด็กในเจเนอเรชั่น Y และ Z ว่า เด็กเกรียน เด็กผี ยามไม่สบอารมณ์เช่นกัน แล้วเจเนอเรชั่น A-Z นี้มาจากไหนล่ะ เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าตัวเองอยู่ในเจเนอเรชั่นอะไร การจำแนกประชากรตามหลักสังคมศาสตร์ โดยแบ่งเป็น "รุ่น" ซึ่งนิยมเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า "เจเนอเรชั่น (Generation)" หรือเรียกแบบย่อว่าเจน (Gen.) การแบ่งกลุ่มคนนี้เริ่มมาจากนักวิชาการชาติตะวันตกได้ศึกษาและจำแนกประชากรออกเป็นรุ่นต่างๆ ตามช่วงอายุ เพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การแสดงออกของคนในสังคมแต่ละรุ่นอย่างชัดเจน การจำแนกรุ่นนี้ส่งผลดีต่อการศึกษาในด้านสังคมศาสตร์ การแพทย์ จิตวิทยา และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่จำเป็นต้องศึกษาวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อวางแผนงานธุรกิจ การตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากมีนักวิชาการที่ทำการศึกษาด้านประชากรหลายกลุ่ม ทำให้มีการกำหนดชื่อเรียกแต่ละเจเนอเรชั่นแตกต่างกันบ้าง แต่สาระสำคัญในการจำแนกกลุ่มเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บทความนี้ขอใช้การจำแนกกลุ่มเจเนอเรชั่นของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งได้แบ่งกลุ่มคนแต่ละรุ่นออกเป็นกลุ่มใหญ่จำนวน ๗ เจเนอเรชั่น เอาละ...มาดูกันว่ามนุษย์ป้าและเหล่าเด็กเกรียนทั้งหลายที่เอ่ยถึงนั้นอยู่ในเจเนอเรชั่นไหนกันบ้าง
๑. ลอสท์ เจเนอเรชั่น (Lost Generation) หากใครได้มีโอกาสพบเจอคนในเจนนี้ ขอให้สันนิษฐานก่อนไว้เลยว่าคุณอาจโดนผีหลอก เพราะคาดว่าคนเจนนี้ได้ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว หากเหลืออยู่ก็คงมีน้อยมาก เพราะเจนนี้จะเป็นกลุ่มคนที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๒๖ - ๒๔๔๓ จึงเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม "รุ่นที่สูญหายไปแล้ว" เมื่อพวกเขาย่างเข้าวัยหนุ่มสาวนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ และพวกเขาได้เข้าร่วมสงคราม ๒. เกรทเทสต์ เจเนอเรชั่น (Greatest Generation) หรือ จี.ไอ. เจเนอเรชั่น (G.I. Generation) เจนนี้เกิดในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๔๖๗ ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อถึงวัยหนุ่มสาวพวกเขาได้กลายเป็นกำลังร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๒ และคนเจนนี้อีกเช่นกันที่เป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองและเศรษฐกิจให้ดีขึ้นหลังสงครามสิ้นสุด ลักษณะพฤติกรรมที่เด่นชัดของคนเจนนี้ คือ มีวิถีชีวิตที่เป็นระเบียบแบบแผนปฏิบัติ เช่น ผู้ชายต้องสวมสูทผูกเนคไท สวมหมวก ผู้หญิงสวมกระโปรง สวมหมวก เมื่อออกจากบ้านคนรุ่นนี้มีความสามัคคีกลมเกลียวกันมาก จงรักภักดี มีความคิดความเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน มีความเป็นชาตินิยมสูง ๓. ไซเล้นท์ เจเนอเรชั่น (Silent Generation) กลุ่มนี้เป็นคนที่เกิดในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ปี พ.ศ.๒๔๖๘ - ๒๔๘๘ เจนนี้มีคนจำนวนน้อยเพราะมีอัตราการเกิดน้อยกว่ารุ่นอื่น เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงสงคราม ทั้งเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนส่วนใหญ่มีชีวิตที่ลำบากต้องทำงานอย่างหนัก ยุคนี้ผู้หญิงจะเริ่มออกทำงานนอกบ้านมากขึ้น คนเจนนี้มีลักษณะคล้ายคนรุ่นก่อนมาก คือ เคร่งครัดต่อระเบียบแบบแผนปฏิบัติ มีความจงรักภักดีต่อนายจ้างและประเทศชาติ เคารพกฎหมาย รักษาสิทธิมนุษยชนมาก เนื่องจากคนในเจนนี้มีน้อย การแข่งขันกันจึงน้อยกว่ารุ่นอื่น ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นคนรุ่นนี้จึงมีโอกาส และมีช่องทางสร้างกิจการของตัวเอง หลายคนมีบทบาทในการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งเป็นรากฐานให้คนรุ่นหลังได้พัฒนาต่อยอดจนถึงปัจจุบันนี้ ๔. เบบี้บูมเมอร์ เจเนอเรชั่น (Baby Boomer Generation) เจนบี (GenB) หรือยุคบุปผาชน ถือว่าเป็นยุคผลิตเด็กเพื่อสร้างโลกก็ว่าได้ เจนนี้เกิดในปี พ.ศ.๒๔๘๙ - ๒๕๐๗ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด แน่นอนว่าเมื่อประชากรของประเทศลดน้อยลงเพราะเสียชีวิตจากการสู้รบในสงคราม และมีอัตราการเกิดเบบี๋ในช่วงสงครามน้อยมาก ประชากรที่เหลืออยู่ของแต่ละประเทศก็อยู่ในวัยผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก หากยังเป็นเช่นนี้อีกในอนาคตต้องเกิดปัญหาขาดกำลังพล ดังนั้นขอให้ประชาชนทั้งหลายโปรดผลิตทายาทของท่านออกมาโดยเร็วเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตและเพื่อความมั่นคงของชาติ นี่คือที่มาของชื่อเบบี้บูมเมอร์ ปัจจุบันคนรุ่นนี้จะมีอายุตั้ง ๔๙ ปีขึ้นไป จนถึงใกล้เกษียณและเกษียณอายุแล้ว และเป็นเจนที่มีจำนวนมากที่สุดในปัจจุบัน คนรุ่นนี้จะมีความมุ่งมั่นในหน้าที่ อดทนต่องานหนัก เคารพกฎเกณฑ์ จงรักภักดี เคร่งครัดต่อระเบียบวินัยและขนบธรรมเนียมประเพณี กลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อสูงพร้อมที่จะจับจ่ายแต่ขอเวลาคิดให้รอบคอบก่อนนะ เพราะค่อนข้างประหยัดออมเงิน ก็คนรุ่นนี้เกิดมาในช่วงที่พ่อแม่ต้องสร้างฐานะหลังสงครามนั่นเอง เด็กรุ่นหลังเรียกคนรุ่นนี้ว่า พวกอนุรักษ์นิยม หัวโบราณ ผู้เฒ่าเต่า ฯลฯ และยังเป็นมนุษย์ป้ารุ่นแรกของเหล่าเด็กเจน Z ด้วยนะ
๕. เอ็กซ์ เจเนอเรชั่น (X Generation) เจนเอ็กซ์(GenX) เอ็กซ์เซอร์(Xers) สแลคเกอร์(Slackers) อิกนอร์(Ignored) และเบบี้บัสท์(Baby Bust) ทั้งปวงนี้ คือ เอ็กซ์ตร้าออร์ดินารี่ เจนเนอเรชั่น (Extraordinary) รุ่นพิเศษผิดปกติ เป็นคำจำกัดความของคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๘ - ๒๕๒๒ ดูจากชื่อกลุ่มแล้วไม่แปลกใจเลยที่ได้ "X" หรือกากบาทมาเป็นสัญลักษณ์ เจนนี้มาพร้อมกับความ "ดื้อ" เพราะเริ่มปฏิเสธแบบแผนปฏิบัติเดิมออกแนวต่อต้านสังคม มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ อยากออกไปท้าทายโลก ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ เริ่มคุมกำเนิด ยอมรับการอยู่กินก่อนแต่งและใช้ชีวิตโสดนานขึ้น นับว่าเป็นเด็กเกรียนรุ่นแรกก็ว่าได้ กลุ่มนี้มีชีวิตที่ไม่ลำบากเท่าเจนบี มีการศึกษาสูงมากขึ้น จะเห็นว่าคนรุ่นนี้จะเป็นหัวหน้างานของคนในรุ่นเจนบีด้วย คนรุ่นนี้ได้สัมผัสกับวีดีโอเกมส์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตเป็นรุ่นแรก ทำให้ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้เร็ว ยัปปี้(Yuppies) คือกลุ่มย่อยของเจนเอ็กซ์เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่มีรายได้สูง ชอบความทันสมัย สามารถซื้อสินค้าราคาแพงได้ทันทีหากมีความจำเป็น จะเห็นได้ว่าหลายคนนิยมใช้บัตรเครดิต นี่คือมนุษย์ป้ารุ่น ๒ ของเหล่าเจน Z ๖. วาย เจเนอเรชั่น (Y Generation หรือ Why Generation) หรือยุค Millennial กลุ่มนี้คนเกิดในช่วงปี พ.ศ ๒๕๒๓ - ๒๕๔๐ เจนวายมาพร้อมกับคำถาม Why I was born? ฉันเกิดมาทำไม ทำไมต้อง...ทำไมๆ... จนมนุษย์ลุงป้าต้องถามกลับว่า "ทำไมเอ็งต้องเรื่องมากนัก ห๊า! ไอ้เด็กบ้านี่" แล้วเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ลุงป้ากับเด็กเกรียนก็เริ่มต้นขึ้น เจนวายเติบโตขึ้นมาอย่างเพียบพร้อมสะดวกสบาย เพราะพ่อแม่เจนเอ็กซ์กำลังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู แต่สับสนกับวัฒนธรรมเก่าของปู่ย่าตายายเจนบีที่เคยลำบากมาก่อนต้องการให้เจนวายมีระเบียบวินัย ขณะที่พ่อแม่เจนเอ็กซ์ที่เคยคิดนอกกรอบมาก่อนกลับสนับสนุนให้เจนวายมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าทำกล้าพูด ซึ่งสอดคล้องไปกับวัฒนธรรมในยุคสมัยของตัวเอง เจนวายไม่ต้องรอคอยอะไรนาน มักจะสมหวังทุกอย่างที่อยากได้ เพราะมีพ่อแม่คอยจัดหาและบริการจัดให้อย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาใจร้อน ไม่อดทน เอาแต่ใจ ไม่มีความรับผิดชอบ เรียกร้องความสนใจ ไม่คุ้นเคยกับการเสียสละหรือความผิดหวัง ยุคของเจนวายเริ่มมีเทคโนโลยีล้ำหน้ามากขึ้น ทำให้พวกเขาสนใจและวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต ซึ่งนำวัฒนธรรมใหม่ แปลก และประหลาด จนเข้าข่ายบ้าบอในสายตาคนรุ่นก่อนเข้ามาด้วย ที่กล่าวมานี้เป็นดาบสองคมที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียของเจนวาย เจนวายมีความคิดที่เจิดจรัสไร้ขีดจำกัด ฉีกความซ้ำซาก ทำให้คนรุ่นก่อนได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าทึ่งมากมาย ชอบฟังคำวิจารณ์ สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกันเพราะสามารถใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ด้านไอทีได้ดี ไม่ชอบกฎระเบียบบังคับ อยากเลือกวิธีปฎิบัติงานเอง เจนวายอยากมีชื่อเสียง อยากได้ค่าตอบแทนมากๆ โดยไม่ต้องทำงานหนักมาก หากเจนบีเป็นผู้บริหารระดับสูง เจนเอ็กซ์เป็นผู้จัดการ เจนวายก็เพิ่งเริ่มชีวิตพนักงานทั่วไปนั่นเอง จากความมั่นใจเกินร้อยของเจนวายและมักมาพร้อมคำถามว่าทำไม ถึงแม้จะมีเหตุผลให้มากมาย แต่เจนวายขอเอาแต่ใจตัวเองดีกว่า ทำให้เจนวายเกิดความขัดแย้งกับเจนบีและเจนเอ็กซ์ในที่ทำงานเสมอ บ่อยครั้งที่มนุษย์ลุงป้าบอกว่า เจนวายไร้สาระ ไม่มีมารยาท ก้าวร้าว ฯลฯ เจนวายเป็นกลุ่มที่มีความภักดีกับองค์กรน้อยที่สุด เพราะการทำงานแลกเงินนั้นคือ ธุรกิจ พวกเขายินดีที่จะจากไปทันที หากไม่สบอารมณ์ แม้จะตกงานแต่เจนวายบางคนก็หาแคร์ไม่ เพราะมีเจนเอ็กซ์เลี้ยงดูตลอด ยังไงก็ไม่อดตาย ทำให้เจนวายบางคนไม่รู้จักโต ด้านการตลาด กลุ่มเจนวายสามารถจับจ่ายสินค้าได้ทันที แม้มันจะมีราคาแพงและไม่จำเป็นก็ตาม อย่างไรก็ตาม เจนวายถูกจัดว่าเป็นกลุ่มที่มองโลกในแง่ดี ช่วยเหลือสังคม รักษาสิ่งแวดล้อม มีมนุษย์สัมพันธ์ดีและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพ่อแม่ ๗. แซด เจเนอเรชั่น (Z Generation) เจนแซด (GenZ) หรือ ไอ เจเนอเรชั่น (Internet Generation) เกิดตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๔๐ ขึ้นไป คือวัยเด็กถึงวัยรุ่นปัจจุบันนี่แหละ กลุ่มนี้เรียกได้ว่าคาบสมาร์ทโฟนมาเกิดเลยล่ะ อาจได้ลงยูทูบตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลยก็ได้ เจนแซดเป็นกลุ่มที่รับวัฒนธรรมจากเจนวายอย่างเต็มรูปแบบ และมีคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นอวัยวะที่ ๓๓ สามารถใช้เทคโนโลยีได้คล่องแคล่ว เพราะพ่อแม่เจนวายเองก็วุ่นวายอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทุกวัน พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิต สิ่งที่เจนเอ็กซ์ถวายให้เจนวายที่ว่ามากแล้วนั้น เจนแซดได้รับมันมากกว่าอีก เพราะได้รับจากทั้งเจนวายพ่อแม่และจากเจนเอ็กซ์ปู่ย่าตายายด้วย เจนแซดมีความคิดสร้างสรรค์ มีความมั่นใจในตัวเอง(แต่บางคนเรียกว่าหลงตัวเอง) เอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ รักสบาย ใจร้อน ไม่อดทน ไม่เสียสละ ไม่เคยผิดหวัง ไม่รับผิดชอบ สรุปง่ายๆ ว่าทุกอย่างที่เจนวายมี เจนแซดมีมากกว่า แต่เจนแซดต้องใช้ชีวิตในวัยเบบี๋กับพี่เลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ เพราะพ่อแม่ออกไปทำงานทั้งคู่ และมักแสดงความรักด้วยวัตถุนิยมต่างๆ ในด้านสังคม นักจิตวิทยาเป็นห่วงเจนแซด เพราะถูกตามใจจนไม่รู้จักความอดทน และผิดหวังไม่เป็น เป็นรุ่นที่มีความอ่อนแอทางจิตใจ อารมณ์อ่อนไหวสูง ด้านการทำงานกลุ่มนี้มีความเหมือนกับเจนวาย คือ ชอบงานสบายได้ค่าตอบแทนสูง มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ชอบกฎระเบียบ ในด้านการตลาด กลุ่มเจนแซดเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงตั้งแต่อยู่ในท้องเลยเชียวล่ะ อุ๊ยตาย...แล้วเอาเงินจากไหนมาซื้อล่ะ อ๊ะ! ก็เงินพ่อแม่น่ะสิ...อิอิ ก็อย่างที่บอกว่าเจนแซดได้ถูกปรนเปรอมากกว่าเจนวาย เมื่อคลอดออกมาจึงมีอุปกรณ์ของใช้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ในอนาคตเมื่อกลุ่มนี้เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน คาดว่ากำลังซื้อจะยิ่งมากขึ้นเพราะตามใจตัวเอง ชอบความทันสมัย และต้องล่าสุดก่อนใคร ในโลกนี้มีสิ่งที่ทำให้เจนแซดเดือดร้อนจะเป็นจะตายได้ คือ สมาร์ทโฟนเสีย ไฟดับ และแบตเตอรี่หมดนั่นเอง
นอกจาก ๗ เจนเนอเรชั่นที่กล่าวนี้ ยังมีกลุ่ม ซี เจนเนอเรชั่น (Computer Generation) เจนซี เป็นคำที่ Google และ Nielsen ใช้เรียกกลุ่มนี้ ซึ่งไม่ได้แบ่งตามอายุ ซึ่งใช้เรียกกลุ่มเจนบีและกลุ่มเจนเอ็กซ์ที่ไม่ได้เกิดมาในยุคอินเตอร์เน็ต แต่สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่กับสังคมออนไลน์ได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เจนซีจะมีพฤติกรรมเสพติดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อินเทอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชอบดูคลิปในยูทูบมากกว่าดูโทรทัศน์ สนใจข่าวสารในโลกไซเบอร์และกระจายต่อ เน้นสิ่งที่มีสาระ ความรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร และจะโพสต์ด้วยความระมัดระวัง ในขณะที่คนเจนวายจะโพสต์ตามอารมณ์ตัวเองมากกว่า ส่วนคนที่ชอบโพสต์เรื่องไร้สาระ ขอเรียกกลุ่มนี้เองเลยว่า แอ๊พพลิเคชั่น เจเนอเรชั่น เพราะเจนแอ๊พจะเชื่อมต่อโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกที่ทุกเวลา หาเรื่องโพสต์บอกสถานะตัวเองได้ทั้งวัน และโพสต์ในทุกแอ๊พ ใช้ทั้งเฟซบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ ฯลฯ ชอบถ่ายรูปอาหารก่อนกิน ชอบถ่ายรูปตัวเองด้วยท่าทางแอ๊บแบ๊ว กลุ่มนี้อาการน่าเป็นห่วงมากเพราะไม่สนใจสิ่งรอบข้างที่อาจเกิดอันตรายได้ ดั่งเหตุการณ์นักศึกษาชายถูกยิงเสียชีวิตในรถไฟใต้ดินที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนกันยายน ๒๕๕๖ นั้น แต่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แม้คนร้ายจะยกปืนเล็งมาที่ตนเองด้วยก็ตาม เพราะทุกคนมัวแต่ก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟน เมื่อทราบแล้วว่าเราเกิดในเจเนอเรชั่นไหน ก็ลองสังเกตตัวเองดูว่ามีพฤติกรรมอย่างที่เขาวิจัยมาหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเกิดในยุคอะไร หากเรานำการศึกษาวิจัยนี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เราอาจจะเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น เพราะทุกคนมีความต้องการ ความรัก ความเข้าใจ ความสุข ความมั่นคงในชีวิตเหมือนกัน ทุกคนต้องยอมรับกติกาของสังคมเหมือนกัน และถึงแม้จะต่าง Gen ต่างใจ แต่เราก็อยู่ร่วมกันได้ในสังคมนี้
------------------------------------- อ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/83492 http://www.thairath.co.th/column/tech/cybernet/331351 http://www.teenpath.net/content.asp?ID=1406#.UmIgPnC8Dp9 http://lindagraceonline.com/generation-x/ http://phetchannews.wordpress.com http://www.thairath.co.th/column/oversea/around/345303 http://www.redbullspirit.org/interest/interest-6-0-697.html http://www.stou.ac.th/study/sumrit/11-54(500)/page2-11-54(500).html
------------------------------
จาก วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๓๔ ฉบับที่ ๙๓
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|