บทความล่าสุด |
---|
เท่าไร...ถึงพอ : น้ำค้าง คำแดง |
Wednesday, 19 August 2015 | ||||||||
มุมเล็กเล็ก
น้ำค้าง คำแดง
เท่าไร...ถึงพอ
เงินเท่านั้นเสกสรรให้เราได้สบาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างไร เพลงเงิน เงิน เงิน ก็ยังคงเข้ากับทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะยุคนี้ที่ค่าแรงรายวันสูงถึง ๓๐๐ บาท ทั่วประเทศ ไม่ว่าค่าครองชีพพื้นที่ใด จะเท่าไรเราก็จะเสมอภาคด้วย ๓๐๐ บาท ดีใจกันยกใหญ่ ว่าแล้วก็ไปฉลองเงินเดือนขึ้นกันหน่อย ตอนกินก็อารมณ์ดีมีความสุข แต่ตอนจ่ายเงินค่าอาหาร ถึงกับต้องหยิบเครื่องคิดเลขมานั่งกดดูกันเลย เมื่อ ๒ เดือนก่อน ก็กินแบบนี้ สั่งแบบนี้ แล้วก็มากัน ๕ คนเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ราคาอาหาร เคยจ่ายไม่เกินหนึ่งพัน แต่มาครั้งนี้ต้องจ่าย ๑,๒๐๐ บาท (แอบคิดในใจ) ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ว่าแล้วก็ยกมือเรียกเจ้าของร้าน "พี่คะ ทำไมค่าอาหารราคาสูงจัง คิดผิดหรือเปล่า" "ไม่ผิดหรอกครับ แค่วัตถุดิบราคาแพงขึ้น ค่าจ้างเด็กในร้านก็สูงขึ้น ถ้าไม่ขึ้นราคาอาหาร ผมก็คงอยู่ไม่ได้" พอได้ยินอย่างนี้ก็ถึงบางอ้อ!กันเลย แน่นอนใครๆ ก็อยากได้เงินกันทั้งนั้น แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้ารายได้เพิ่ม พร้อมๆ กับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย ฉันมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดในวงสนทนาเล็กๆ กับคน ๓ กลุ่ม ด้วยคำถามเดียวกัน "รู้สึกอย่างไรที่ค่าแรงรายวันเพิ่มขึ้นเป็น ๓๐๐ บาท" สรุปใจความได้ว่า...
คำตอบ ดีมากเลย ตอนเรียนใช้เงินเยอะ พอจบได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ทำให้มีเป้าหมายที่จะเรียนให้จบเร็วๆ
คำตอบ ก็ดีนะ จะได้มีเงินเพิ่มขึ้น ตอนนี้อะไรๆ ก็ขึ้นราคา เงินเดือนที่เคยได้ ๗,๐๐๐ - ๘,๐๐๐ บาท ไม่พอกิน บางทีก็ต้องไปกู้เงินมาใช้ เป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก ได้เงินเพิ่มมาก็ดี
คำตอบ ค่อนข้างยาก ถ้าถามว่าให้ได้ไหมค่าแรงอัตรานี้ ให้ได้ แต่คงไม่ได้ทุกคนเพราะ
๑. ถ้าต้องให้ ๓๐๐ บาท ทุกคน เงินสำรองในธุรกิจมีแค่ ๓ - ๖ เดือน บางทีอาจต้องปิดกิจการ เซ้ง ขาย เมื่อต้นทุนสูงขึ้น ธุรกิจก็อยู่ยากขึ้นด้วย ๒. ถ้าจะทำให้ธุรกิจอยู่ได้ คงต้องลดจำนวนแรงงาน ต้องเลือกเฉพาะคนหนุ่มสาวอายุไม่เยอะ มีกำลังมาก ฝีมือดี เราแบกภาระคนทั้งหมดไม่ได้ ไม่ใช่แค่ค่าแรงพนักงานที่สูงขึ้น ราคาวัตถุดิบต้นทุนการผลิตก็สูงตามกันไปหมด นาทีนี้อย่าเพิ่งถามถึงกำไร ถามว่าจะขาดทุนไหม จะอยู่ได้นานแค่ไหน โอกาสที่จะต้องขายกิจการมีสูงมาก ถ้าขายกิจการไป เจ้าของก็นำเงินส่วนนั้นมาใช้ ส่วนพนักงานก็กลายเป็นคนตกงาน
ในขณะที่คนเล็กๆ กำลังดีใจว่าได้เงินเพิ่ม นายจ้างกลับหนักใจในธุรกิจของตน และลูกน้องที่อาจจะต้องกลายเป็นคนตกงาน
จะมีอะไรมาการันตีว่าฉันกับคุณคือแรงงานชั้นดีที่ตลาดต้องการ ใครจะรับรองได้ว่าเราจะไม่ตกงาน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานมาด้วยกัน พรุ่งนี้อาจกลายเป็นบุคคลว่างงาน บางคนคิดถึงเรื่องนี้ และเลือกที่จะเป็นเจ้านายตัวเองด้วยการลาออกมาเพื่อเปิดร้านขายอะไรสักอย่าง แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดเช่นนี้ วันนี้ลองออกไปเดินตลาดใกล้บ้านดู มองอย่างมีสติจะเห็นเลยว่าพ่อค้าแม่ค้าเยอะกว่าลูกค้าเสียอีก ในเมื่อสินค้ามากขึ้น แต่ความต้องการใช้จ่ายกลับลดลง แม่ค้าพ่อค้าพากันเป็นหนี้เพราะเงินลงทุนจบไปกับข้าวของที่ขายไม่ได้ คนกลุ่มเล็กๆ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มาพร้อมกับภาระที่หนักขึ้น คนกลุ่มใหญ่ๆ กลายเป็นคนที่ตกงาน เราจะลืมตาอ้าปากได้จริงๆ หรือ เราจะยิ้มในขณะที่คนอื่นกำลังทุกข์จริงๆ หรือ ท้ายที่สุด ฉันเองต้องบอกแบบนี้ ขอบคุณในเจตนาดีที่คิดเพิ่มรายได้ให้คนทำงาน แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่เราต้องการคงไม่ใช่แค่มีกินวันนี้ หากแต่เราล้วนปรารถนาที่จะมีกินอย่างพอเพียงและยั่งยืน รายได้ที่มากขึ้นวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการยื่นปลาให้กิน แต่ไม่ได้สอนที่จะหาปลา เพาะพันธุ์ปลา ด้วยตัวเอง เมื่อวันใดที่ปลาหมดบ่อ นั่นหมายถึงผู้ประกอบการปิดตัวลง ลูกจ้างพึ่งตัวเองไม่เป็น คงไม่ต้องอธิบายอะไรต่อเราก็คงรู้อยู่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตั้งสติดูอีกสักที เรื่องบางเรื่องไม่ต้องรีบเร่ง ใส่ความจริงใจลงไปในเจตนาดี เรายังจำคำนี้ได้อยู่ไหม "พอเพียง" ประโยคสั้นๆ ที่หล่อเลี้ยงวิถีแบบเรามาช้านาน อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อย แต่สิ่งที่ได้คือความยั่งยืน
------------------------------
จาก วารสารผู้ไถ่ ปีที่ ๓๔ ฉบับที่ ๙๑
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|