บทความล่าสุด |
---|
ผ่านพ้นความเจ็บปวด : พระไพศาล วิสาโล |
Wednesday, 16 January 2013 | ||||
นิตยสารสารคดี : ฉบับที่ ๓๓๔ :: ธันวาคม ๕๕ ปีที่ ๒๘
พระไพศาล วิสาโล
"ภัทรา" มีลูกชายที่เรียบร้อยและขยันเรียน เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ วันหนึ่งลูกชายวัย ๑๕ มาขอแม่ว่าอยากไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย เธอเห็นว่า เป็นการตัดสินใจที่ใคร่ครวญมาดีแล้วของลูก จึงอนุญาตให้ลูกไปด้วยความมั่นใจว่าอินเดียจะให้อะไรแก่เขาได้มากมาย ผ่านไปไม่ถึงปี เธอก็ได้รับข่าวร้าย ลูกชายประสบอุบัติเหตุ จมน้ำตาย เธอแทบช็อค เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ จนไม่เป็นอันทำอะไรนานนับเดือน แม้ผ่านไปสามปี เธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวด ลำพังความโศกเศร้าที่สูญเสียลูกรัก ก็นับว่าหนักหนาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความรู้สึกผิดที่ทิ่มแทงใจเธอวันแล้ววันเล่าไม่เคยสร่าง เธอเอาแต่โทษตัวเองว่า เป็นเพราะเธออนุญาตให้ลูกไปอินเดีย ลูกจึงไปพบจุดจบอย่างนั้น "วันนั้นฉันน่าจะห้ามลูกไม่ให้ไปอินเดีย ถ้าฉันห้ามไว้ เขาก็คงไม่ตาย" ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดจนอยากจะตายตามลูกไป เมื่อผู้เป็นที่รักจากไปก่อนวัยอันควร ผู้ที่ยังอยู่ โดยเฉพาะพ่อแม่หรือพี่น้อง ย่อมอดรู้สึกผิดไม่ได้ว่าตนเองมีส่วนทำให้เขาจากไป ทั้งๆ ที่มันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย แต่หลายคนก็มักจะโทษตัวเองว่า ถ้าตนไม่ทำอย่างที่ได้ทำไปแล้ว เขาก็คงไม่ตาย "วันนั้นฉันน่าจะเตือนเขาให้ใส่หมวกกันน็อค" หรือ "คืนนั้นฉันน่าจะห้ามเขาไม่ให้กินเหล้าจนเมา" ฯลฯ เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้น อย่างหนึ่งที่ควรทำคือยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น เพราะการปฏิเสธความจริง ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะเกิดผลเสีย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้ ก็คือคำว่า "ฉันน่าจะ" นั่นเอง ทันทีที่นึกถึงคำนี้ขึ้นมา สิ่งที่มักตามมาก็คือ การโทษตนเอง ซึ่งยิ่งทำให้ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วได้ยากขึ้น คำว่า "น่าจะ" นั้นมีประโยชน์เมื่อใช้กับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เพื่อมองหาทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำอะไรก็ตาม แต่หากใช้กับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อไตร่ตรองหาข้อผิดพลาด สำหรับการปรับปรุงแก้ไขในอนาคต ก็ง่ายที่จะกลายเป็นการซ้ำเติมตัวเองในเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้แล้ว ซึ่งไม่จำต้องเป็นการสูญเสียคนรัก เท่านั้น แม้กระทั่งการสูญเสียทรัพย์สมบัติ หรือความผิดพลาดในการทำงาน เราจะไม่อาจปล่อยวางมันได้เลย หากยังวนเวียนอยู่กับความคิดที่ว่า "ฉันน่าจะทำอย่างนี้ ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย" จะดีกว่าหากเราสรุปบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วปล่อยให้มันผ่านเลยไป เพื่อเดินหน้าต่อไป อันที่จริง อย่าว่าแต่เหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาเลย แม้ประสบกับสิ่งที่พึงปรารถนา แต่ถ้ามีคำว่า "น่าจะ"ขึ้นมา ความทุกข์ก็เกิดขึ้นทันที เช่น ได้โบนัส ๕ แสน แทนที่จะดีใจ ก็เสียใจทันทีเมื่อนึกในใจว่า "ฉันน่าจะได้มากกว่านี้" พ่อแม่หลายคนไม่พอใจเมื่อลูกได้เกรด ๓.๕ เพราะคิดว่าลูกน่าจะได้เกรดดีกว่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการศึกษาพบว่านักกีฬาเหรียญเงินโอลิมปิคส่วนใหญ่แล้วมีความสุขน้อยกว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองแดง เพราะคิดว่าตนน่าจะได้เหรียญทอง หาไม่ก็วนเวียนอยู่กับความคิดว่า ตอนแข่งขันตนน่าจะทำให้ดีกว่านั้น ควบคู่กับคำว่า "น่าจะ" ก็คือ "ไม่น่าจะ" หลายคนเป็นทุกข์เพราะคิดอยู่แต่ว่าตนไม่น่าทำอย่างนั้นอย่างนี้เลยในวันนั้น บางคนเสียแม่ไปหลายปีแล้วก็ยังเศร้าเสียใจและรู้สึกผิดกระทั่งทุกวันนี้ เพราะมัวแต่โทษตนเองว่า ไม่น่ายื้อชีวิตแม่ด้วยการเจาะคอใส่ท่อท่านเลย ทำให้ท่านทุกข์ทรมานมาก ทั้งๆ ที่ท่านวิงวอนด้วยสายตา แต่ก็ไม่สามารถถอดท่อให้ท่านได้ ผลก็คือท่านเจ็บปวดจนสิ้นลม ความโศกเศร้าเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องนานหลายปี ทำให้ในที่สุด "ภัทรา" หันเข้าหาธรรมะ เธอได้เรียนรู้และซึมซับความจริงทีละน้อยๆ ว่า ชีวิตนั้นหาความจิรังยั่งยืนไม่ได้ ความพลัดพรากสูญเสียเป็นธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น ถึงที่สุดแล้วไม่มีอะไรที่เราเอาไปได้เลยเมื่อต้องละจากโลกนี้ไป แม้ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถยึดมั่นให้คงที่ คงตัว หรือเป็นไปได้ดั่งใจเลย เธอเริ่มคลายความโศกเศร้าที่สูญเสียลูกไป ขณะเดียวกันการทำสมาธิภาวนา ก็ช่วยให้เธอสงบใจได้มากขึ้น และคลายความรู้สึกผิดที่ติดค้างใจมานาน สามารถปล่อยวางความคิดที่ทิ่มแทงซ้ำเติมตัวเอง และยอมรับตัวเองได้มากขึ้น ไม่รู้สึกเกลียดชังตัวเองอีกต่อไป เธอได้พบว่าที่จริงแล้วความทุกข์นั้นเกิดขึ้นจากความคิดปรุงแต่งของเธอเอง เมื่อรู้ทันความคิดปรุงแต่งและเห็นตัวเองตามที่เป็นจริง ความสุขและความสงบเย็นก็บังเกิดขึ้นในจิตใจของเธออย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน เธอไม่เพียงขอบคุณธรรมะเท่านั้น แต่ยังขอบคุณลูกชาย หากลูกชายไม่ด่วนจากไป แม่ก็คงไม่ได้พบธรรม หลังจากที่เคยโทษตัวเองและก่นด่าชะตากรรม วันนี้มุมมของของเธอต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนไป เธอถึงกับบอกว่า "ความตายของลูกนับว่าคุ้มค่ามาก เพราะทำให้แม่ได้พบพระธรรม" มีแม่น้อยคนที่จะพูดถึงความตายของลูกได้อย่างนี้ ทุกวันนี้เมื่อภัทราหวนระลึกถึงความตายของลูก เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เคยเป็น เพราะเธอมองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยสายตาใหม่ ทำให้เห็นคุณค่าและความหมายใหม่ของมัน คือมิใช่เป็นแค่ความสูญเสีย แต่ยังนำสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิตของเธอ จนทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปมาก เหตุร้ายในอดีตที่สร้างความเจ็บปวดแก่เรานั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็จริง แต่เราสามารถลดทอนพิษสงของมันลงได้ ด้วยการมองมันในมุมใหม่ นั่นคือมองว่ามันมีคุณค่าต่อชีวิตของเราอย่างไร ช่วยให้เราเติบโตหรือเข้มแข็งได้อย่างไร การเห็นหรือให้ความหมายใหม่แก่มัน ทำให้มันมิใช่ความทรงจำอันเลวร้ายอีกต่อไป นึกถึงทีไร ก็ไม่ทุกข์อีกแล้ว จากเดิมซึ่งเป็นแผลเรื้อรัง แตะต้องทีไรก็รู้สึกเจ็บปวดทุกที บัดนี้มันได้กลายเป็นแผลเป็น สัมผัสเท่าไรก็ไม่เจ็บ ในเวลาเดียวกันก็เป็นเครื่องเตือนใจให้ตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีต เพื่อเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต
------------------------------
จาก เว็บ
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|