บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
ฝึกใจให้เป็นไทแก่ตัว : ภาวัน |
Wednesday, 17 October 2012 | ||||
นิตยสาร IMAGE ตุลาคม ๒๕๕๕ ฝึกใจให้เป็นไทแก่ตัว ภาวัน ทุกวันนี้ชีวิตมีแต่จะสะดวกสบายยิ่งขึ้น ของถูกปากถูกใจหากินได้ง่ายกว่าแต่ก่อน แถมมีหลากหลายและอร่อยกว่าเดิม จะทำอะไรก็ออกแรงน้อยลง ไปไหนมาไหนแทบไม่ต้องเดินเลยก็ได้ จับจ่ายใช้สอยก็สะดวก แค่กดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เท่านั้น เที่ยวห้างถึงจะไม่มีเงินก็ยืมเงินจากอนาคตมาใช้ก่อนได้อย่างสะดวกดาย ขณะที่ความบันเทิงมีให้เสพ ๒๔ ชั่วโมงโดยไม่จำต้องออกจากบ้านเลย แต่ความสะดวกสบายมากหลายอย่างนี้กำลังสร้างปัญหาให้แก่ผู้คนเป็นอันมาก หลายคนพบว่าร่างกายอ้วนเอา ๆ เพราะกินตลอดวันโดยไม่ได้ออกกำลังกาย จนโรคภัยนานาชนิดถามหา แถมมีเวลานอนน้อยลงเพราะมัวแต่นั่งหน้าจอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง ขณะที่หนี้สินพอกพูนเพราะรูดบัตรเครดิตจนเพลิน ทั้ง ๆ ที่ข้าวของก็ล้นบ้านแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงคนที่ติดอบายมุข ไม่ว่า เหล้า บุหรี่ การพนัน ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเพราะช่องทางเสพมีมากมายและสะดวกกว่าแต่ก่อนมาก รู้ทั้งรู้ว่าควรเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ส่วนใหญ่ก็ห้ามใจไม่ได้ ยังคงกิน เสพ และช็อปเหมือนเดิม จนสุขภาพกายและฐานะการเงินย่ำแย่ แม้ตั้งใจว่าจะลดหรือเลิก แต่ก็เหลวทุกที นักช็อปบางคนถึงกับหาทางควบคุมพฤติกรรมของตนด้วยการเอาบัตรเครดิตใส่แก้วน้ำแล้วไปไว้ในช่องแช่แข็ง เพื่อว่าหากอยากจะช็อปปิ้งเมื่อไหร่ ก็ต้องรอให้น้ำแข็งละลายเสียก่อน จึงจะเอาบัตรเครดิตไปใช้ได้ ถึงตอนนั้นก็หวังว่าความอยากช็อบจะหดหายไปและกลับมามีสติเหมือนเดิม ความไม่สามารถควบคุมตนเองท่ามกลางสิ่งเร้าเย้ายวนที่มีมากมายและเข้าถึงง่าย กำลังเป็นปัญหาของคนยุคนี้ สมัยก่อนแม้ใจจะอ่อนแต่ก็ยังมีครอบครัวหรือชุมชนช่วยรั้งช่วยดึงเอาไว้ ผิดกับสมัยนี้ต่างคนต่างอยู่กันมากขึ้น หากไม่สามารถควบคุมตนเองแล้วก็เสียคนได้ง่ายมาก การควบคุมตนเองนั้นหากบ่มเพาะแต่วัยเด็ก จะเป็นปัจจัยแห่งความสุขและความสำเร็จอย่างสำคัญ ในช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ทำการทดลองซึ่งมีชื่อเสียงมาก มีการนำเอาเด็กอายุสี่ขวบจำนวนหนึ่งเข้ามาในห้อง ซึ่งมีขนมมากมายหลายชนิดเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ขนมเหล่านี้เด็กทุกคนสามารถหยิบมากินได้ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้ากินเดี๋ยวนั้นจะกินได้แค่ชิ้นเดียว แต่ถ้ารอสักพักจนผู้ใหญ่กลับเข้ามาในห้อง เด็กจะได้กินสองชิ้น แล้วผู้ทดลองก็เดินออกจากห้องไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้ารอก็จะได้กินขนมสองชิ้น แต่เด็กส่วนใหญ่รอไม่ไหว กินขนมทันที มีเพียง ๑ ใน ๓ ที่รอจนผู้ทดลองกลับเข้ามาในห้อง ๑๕ นาทีหลังจากนั้น หลายปีต่อมาได้มีการติดตามเด็กเหล่านี้ซึ่งโตเป็นผู้ใหญ่และเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย สิ่งที่เขาพบก็คือ เด็กที่ห้ามใจไว้ได้นั้นมีผลการเรียนในระดับดี และได้คะแนนสอบสูงกว่าเด็กกลุ่มแรกมาก ยิ่งกว่านั้นเมื่อติดตามต่อไป ก็พบว่าเด็กกลุ่มหลังเรียนจบเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่กลุ่มแรกลาออกกลางคันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งติดเหล้าติดอบายมุขมากกว่า และเมื่อเข้าทำงานก็ประสบความสำเร็จน้อยกว่ากลุ่มหลัง อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะปล่อยตัวปล่อยใจมาจนกลายเป็นผู้ใหญ่ ก็ยังไม่สายที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของตนเอง เคยมีการทดลองนำผู้คนจำนวนหนึ่งออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน หรือบางทีก็แค่อาทิตย์ละครั้ง ในเวลาไม่กี่เดือนก็พบว่า นอกจากสุขภาพของคนเหล่านี้จะดีขึ้นแล้ว พฤติกรรมด้านอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป เช่น กินอาหารขยะและสูบบุหรี่ดื่มเหล้าน้อยลง ใช้เครดิตการ์ดน้อยลง นั่งหน้าจอโทรทัศน์น้อยลง ทำงานได้ดีขึ้น อดทนเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัวมากขึ้น ขณะที่ความเครียดน้อยลง อะไรทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นทั้งการกิน การเสพ และการใช้จ่าย คำตอบก็คือ เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น อันเป็นผลจากการเคี่ยวเข็นตนเองให้ออกกำลังสม่ำเสมอ ทำให้กำลังจิตเข้มแข็งขึ้น และอดทนต่อสิ่งล่อเร้าเย้ายวนได้ดีขึ้น การทดลองอีกหลายครั้งได้พบว่า นอกจากการออกกำลังกายแล้ว การมีวินัยในการใช้เงิน ตลอดจนการมีวินัยในการเรียน หากทำเป็นกิจวัตร เพียงแค่ไม่กี่เดือนสามารถส่งผลให้พฤติกรรมด้านอื่นๆ ทั้งการเสพ การบริโภค ดีขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า การควบคุมตนเองให้ได้แม้เพียงด้านใดด้านหนึ่ง ย่อมสามารถส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่การควบคุมตนเองจะเกิดขึ้นได้ก็จากการยอมฝืนใจทำสิ่งดีๆ อย่างต่อเนื่องเท่านั้น หากไม่ยอมฝืนใจทำแล้ว ชีวิตก็มีแต่จะเป็นทาสของสิ่งเร้าอย่างยากจะเป็นไทแก่ตัวได้
------------------------------
จาก เว็บ
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|