บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
จะ like สาระ ไปถึงไหน? | ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ |
Monday, 20 June 2011 | ||||
Life Style วันที่ 20 มิถุนายน 2554 จะ like สาระ ไปถึงไหน? โดย : ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ
จากท่านอนราบยอดฮิตกับเหตุผลฮิตติดปากอย่างขำๆสนุกๆ หลายคนชักเอาจริงเอาจังกับเรื่องที่ถูกติดป้ายว่าไร้สาระมากขึ้น หากเรื่องควรซีเรียสกลับขำ สนุกๆ ขำๆ ไร้สาระ อย่าคิดมาก ...ขาประจำเหล่านี้ มักถูกยกขึ้นมาเป็นเหตุผลของพฤติกรรมและการกระทำต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับไวรัส planking ในรอบ2-3สัปดาห์ที่ผ่านมา สอบถามคนใกล้ตัวและไกลตัวที่ลงทุนไปนอนราบในที่แปลกๆ ก็ได้ความว่า เล่นกันขำๆ สนุกดี
"เริ่มจากน้องฝ่ายครีเอทีฟคนหนึ่ง เขาทำงานจนดึกแล้วเครียดเลยถ่ายรูปตัวเอง planking ลงเฟซบุคกรุ๊ปของบริษัท พอคนอื่นๆ เห็น ก็คิดว่าน่าสนุกดี เลยเอามาเล่นกันสนุกๆ คลายเครียด ขำๆ"
"ไม่ได้จะแข่งว่าเจ๋ง แต่การโพสต์รูปลงไปให้คนดูยิ้มได้ แค่นั้นพอแล้ว" และตอนนี้กลุ่มของเสกสรรค์ก็หยุดเล่นนอนราบกันไปแล้วด้วย นอกจาก planking แล้ว ถ้าสอดส่ายสายตาไปรอบๆ จะพบกิจกรรมที่ "ทำเอาขำเอาฮา อย่าคิดอะไรเยอะ" มากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนผู้คนจะถึงขั้นเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ยกตัวอย่าง การเติบโตและได้รับความนิยมของ www.fail.in.th เว็บไซต์ที่รวบรวมเอาภาพที่ "เฟล" ซึ่งเรียกเสียงขำขัน หัวเราะเบาๆ ไปจนถึงฮาหนักๆ ปรัชญา สิงห์โต เว็บมาสเตอร์บอกว่า วันๆ หนึ่งมีคนส่งภาพมาร่วมโพสต์เยอะมาก แต่ในฐานะเฟลาธิการ (บรรณาธิการเว็บเฟล) ต้องจำใจตัดออกไป ที่สำคัญเว็บไซต์ดังกล่าว โฆษณาเข้าเต็มอัตราจนต้องติดป้ายบอก หรือข่าว 2 คนไทยที่พิมพ์เอสเอ็มเอสเร็วที่สุดในประเทศไทย และเป็นตัวแทนไปแข่งระดับโลก ก่อนจะคว้าอันดับ 5 มาครอง
จริงหรือไม่ ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและอย่าเพิ่ง(ด่วน)คลิก like ถ้ายังอ่านไม่จบ
เกมของคนขบถ? "จริงจังกับเรื่องปัญญาอ่อนใช่ไหม" เขาทวนคำถามอย่างรวดเร็ว
"ผมมองว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่เข้าท่าของสังคม เป็นการเลียนแบบที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นสมัยก่อนทำแล้วก็จบ แต่ตอนนี้มันเชื่อมโยงกับโซเชียลเน็ตเวิร์ก เลยกลายเป็นความเก๋ไก๋ที่ไม่เข้าท่า" แค่เริ่มต้นก็เทศนาแล้ว
"ถ้ามันมีจุดประสงค์ที่ดีกว่านี้ หรือทำแล้วดี เช่น ได้อยู่นิ่งๆ มีสติกับตัวเอง อย่างนี้ผมก็เอาด้วย(ว่ะ) แต่มันไม่ใช่" "เช่น บนสถานีบีทีเอส จู่ๆ เด็กคนหนึ่งล้มตัวลงนอนระนาบแล้วคนข้างหลังเกิดยอมรับ เขาก็ถูกใจ แต่ถ้าเกิดคนมาเหยียบซ้ำ เดี๋ยวเค้าก็เลิกไปเอง" Culture Shock เป็นคำอธิบายของเขาต่อปรากฎการณ์เหล่านี้ เนื่องด้วยโลก 2011 หมุนคว้างและหมุนเร็ว จนวัฒนธรรมต่างๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ที่สำคัญเครื่องมือในใยแมงมุมเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงเสรีภาพอย่างหนึ่ง "และplanking คือ ปฏิกิริยาที่คนโต้กับโซเชียลเน็ตเวิร์ค" คนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่อย่างภาสกร ยังมองอีกว่า รถไฟขำๆ ขบวนนี้ มีต้นทางมาจาก ความไม่ค่อยคิดของคนรุ่นปัจจุบัน ที่มักจะทำอะไรด้วยการลอกเลียนแบบมากกว่าชั่งด้วยเหตุผล หรือคำว่า "สาระ" ของโลก 2011 มันเปลี่ยนไปแล้ว คำว่าไร้สาระของคนสมัยก่อน จึงอาจจะเป็นสาระสำหรับเจเนอเรชั่นนี้ "ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า สาระของเด็กสมัยนี้คืออะไร" เขายังสงสัยต่อไปอีกว่า ในความไม่มีอะไรหรือไร้สาระของคนรุ่นนี้อาจมีอะไรซ่อนอยู่และซับซ้อนกว่าที่คิด
"คนสมัยนี้ซับซ้อนในการเอาตัวรอด สมัยก่อน no ก็ no , yes ก็ yes แต่ตอนนี้ มี no but , yes but สร้างความซับซ้อนให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว เป็นความซับซ้อนที่อธิบายไม่ได้ สังคมเลยบิดเบือน"
สาระที่ไร้สาระ "ผมเป็นคนจริงจังกับเรื่องไร้สาระ" เป็นประโยคที่หลุดออกมาจากปาก ปรัชญา สิงห์โต เว็บมาสเตอร์ www.fail.in.th เจ้าของฉายา iannnnn ในโลกออนไลน์
เขามองว่าส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเว็บเฟลกับ planking นั้น มาจากการมาเจอกันพอดีและลงตัวระหว่างเทคโนโลยีและพฤติกรรมคนในปัจจุบัน "มันคือความอยากดัง อยากเป็นที่ยอมรับ เมื่อก่อนกว่าเราจะ share อะไรๆ ทำได้ยากมากแต่ตอนนี้แค่คลิกเดียวก็เกิดได้แล้ว" เช่นเดียวกับชุดความคิดเรื่องการปกปิดความเป็นส่วนในโลกออนไลน์เมื่อหลายปีก่อน มาตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หลายคนพร้อมshare "เด็กสมัยนี้เขาเปิดคอมมาพร้อมกับความคิดนี้แล้ว" เฟลาธิการย้ำ ทำไมถึงจริงจังกับเรื่องไร้สาระ เขาถูกถามต่อ "คนเรามีหลายด้านทั้งจริงจัง อวดภูมิ ที่ผมทำเว็บเฟลออกมาก็เพื่อจะดึงด้านที่ไร้สาระสุดๆ ของคนออกมา ผมมองว่ามันมีประโยชน์นะ ขณะที่บ้านเมืองตึงเครียด คุยกันแต่เรื่องปวดหัว อยู่ๆ ก็มีกิ่งหนึ่งงอกออกมา ชวนคิดชวนคุยเรื่องขำๆ ปัญญาอ่อนกัน" เขายอมรับเต็มปากว่า สิ่งที่เขาทำนั้นไร้สาระ ที่ก็มีสาระซ่อนอยู่ในนั้น ...งงไหม "คนอื่นๆ เขาก็ไปจริงจังกับเรื่องอื่นๆ ที่ควรจะจริงจังกันหมด เราเลยอยากสร้างทางเลือก ที่คนยังไม่ได้เลือกกัน ก็คือ จริงจังกับเรื่องไร้สาะ แล้วบังเอิญมีคนชอบเหมือนกัน" นอกจากนั้น คำว่าไร้สาระของเขา แค่บิดมุมสักหน่อย สาระก็ผุดขึ้นมาแล้ว "เช่น ไปดูตลกคาเฟ่ คนอื่นอาจมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับเขามันช่วยคลายเครียดแล้ว นั่นก็สาระนะ และที่สำคัญภาพ/คลิปต่างๆ ที่ส่งเข้ามาเว็บเฟล นอกจากจะขำแล้ว มันยังเป็นการบันทึกเหตุการณ์ว่าคนคิดต่อสิ่งนั้นๆ อย่างไร ในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย"
"สาระสำหรับคนยุคนี้ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับตัวเองหรือเปล่า เพราะที่สุดแล้ว มนุษย์ทุกคนต่างคิดถึงแต่เรื่องตัวเองทั้งนั้น ถ้าเรื่องนั้นมันมีผลกับตัวเอง มันก็มีสาระ และที่สำคัญ ตอนนี้ทุกเรื่องทุกประเด็นเป็นเรื่องปัจเจก การหาเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งมาอธิบายให้ครอบคลุม มันทำไม่ได้แล้ว"
เพราะอันที่จริงหลายปีก่อน planking ถูกจุดพลุจนดับไปแล้วในหลายประเทศ เพียงแต่มันเพิ่งจะมาถึงเมืองไทยเท่านั้น
ไม่ต่างอะไรกับการต่อคิวซื้อโรตีบอย โดนัท หรือ เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์แอปเปิลสักเครื่อง "กระแสมันเกิดตลอดล่ะครับ แค่เปลี่ยนsubjectไปเรื่อยๆ" ต่างจากเรื่องไร้สาระ เช่น การทำอะไรตลกๆ แผลงๆ ที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ การตระเวณไปรีดผ้าทั่วโลกผ่าน www.extremeironing.com หรือแรงบันดาลใจของเว็บเฟลไทยๆ อย่าง http://failblog.org ที่ขึ้นหิ้งไปแล้ว "เพราะคำว่าcool หรือ เจ๋ง มันเจ๋งมาก สำหรับคนทั่วโลกครับ" เฟลาธิการฟันธง
work hard,play heart ถูกพาดพิงเรื่องความไร้สาระไปเต็มๆ แก้ว - นิศากร เขียนมีพล สาวเออร์เบินผู้เกาะกระแสplankingและเว็บเฟล มี "สาระส่วนตัว" มาอธิบาย
ในอีกมุมหนึ่ง สาววัยสามสิบอย่างแก้ว มองว่า ถ้าชีวิตมีแต่เรื่องที่มีสาระ ก็น่าเบื่อ และไม่สมดุล "คนเรามันควรมี balance ทั้งเรื่องมีสาระ และไร้สาระแต่จริงๆ มองให้ดีมันไม่ได้ไร้สาระซะทีเดียว แต่เป็นการใช้ความสร้างสรรค์มาประยุกต์ การที่เราจะไป planking ที่ไหน ถ้าไม่สร้างสรรค์ก็เสี่ยงโดนด่า(ยิ้ม) แต่พอเห็นคนอื่นทำแล้วมันเจ๋งดี เลยต้องทำให้เจ๋งกว่า แล้วจะเครียดมากกับการหาที่ planking แต่เป็นความเครียดที่ยิ้มได้นะ พอมีคนเห็นแล้วมาเมนท์ ก็มีความสุขดี ภูมิใจในความพิสดารของตัวเอง" แก้วตอบตรง ถามถึงเหตุผลลึกๆ ที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ แก้วบอกว่า เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเข้าขั้นเครียด รับรู้มากๆ ยิ่งเครียด บวกกับเรื่องงานที่เข้ามารุมเร้าอีก เลยต้องหาอะไรไม่เครียดมาล้างกัน "อยากหัวเราะ" เหตุผลสั้นๆ จากสาวสามสิบ ส่วนเสกสรรค์ โปรแกรมเมอร์หนุ่มจากบ.เอเจนซี่ชื่อดังที่สนุกกับการเล่น planking ในกลุ่ม เสริมว่า การจะมาบอกว่าอะไรไร้สาระนั้น อย่ามองอะไรหยาบๆ ง่ายๆ "น้องครีเอทีฟที่เขาเริ่มทำเพราะทำงานดึกแล้วเครียด เลยลุกขึ้นมาทำอะไรขำๆ ถามว่าวันนั้นเขาทำงานเต็มที่ไหม ก็เต็มที่นะครับ เวลาจะเล่นก็เล่นเต็มที่ work hard ,play hard น่ะครับ ...สาระของเขาล่ะ
...............................................
กดรัก 'พรรคเพื่อเธอ'
โจ้ พชร ชูสิน หัวหน้าพรรคเพื่อเธอ พูดถึงเหตุผลในการตั้งพรรคชื่อหวานๆ ขึ้นมาว่า "ขำๆ ครับ ผมว่าสังคมเรามีเรื่องเครียดเยอะแล้ว อย่างน้อยกลุ่มพวกผมก็ทำให้คนยิ้มได้ กับฟีดแบคที่เข้ามาเกินคาด ผมคิดว่าเหมือนทุกคนหาที่ผ่อนคลาย แต่เหตุผลส่วนตัวคือผมเบื่อการเมืองยุคนี้ เบื่อไปแทบทุกอย่าง ทั้งความไม่จริงใจ ไม่จริงจัง เห็นเหมือนเดิมทุกปี สุดท้ายก็ได้แต่หน้าเดิมๆ
ตามมาด้วยพรรคอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พรรคภูมิใจเธอ พรรคเกรียนไทยพัฒนา หรือ พรรคมาหาเธอ ที่ต่างก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง และขอปิดท้ายด้วยหนึ่งในนโยบายรายวันของพรรคเพื่อเธอ "การเมืองเหมือนผ้าอ้อม...ยิ่งเปลี่ยนยิ่งดี แต่ความรักของเราที่มี บอกเลยคนดีไม่มีเปลี่ยนแปลง"
ที่มา...กรุงเทพธุรกิจ : http://www.bangkokbiznews.com
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|