บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
เธอกับฉัน และอื่นๆ (1/3) | ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ |
Wednesday, 06 July 2011 | ||||
เธอกับฉัน และอื่นๆ (1/3)
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 24 เมษายน 2554
เหมยลี่เป็นสาวโสดอายุใกล้ 30 ปี ทำงานในเมืองใหญ่ อาชีพการงานมั่นคงพอสมควร อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ ครอบครัวดูอบอุ่น มีฐานะ แต่กระนั้นชีวิตของเหมยลี่ก็ไม่เป็นสุขนัก ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงานของเพื่อนๆ ร่วมรุ่น เหมยลี่มักจะเมามาย อาจเพราะความสนุกจนเลยขอบเขตหรือสาเหตุใดก็ตาม แต่สาเหตุที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความเครียดและความกังวลว่า ตนยังไม่มีคนรักเลยแม้อายุจะล่วงเลยมากแล้ว เหมยลี่รู้สึกอับอายกับสภาพไร้คนรักของตนเอง ความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของชีวิตเหมยลี่ คือ การหาคู่ชีวิต หรือคนรักประจำตัวให้ได้ ความว้าเหว่ เงียบเหงา คือ แรงผลักดันสำคัญที่เกิดขึ้นเนื่องจากเราไม่เป็นมิตรกับตนเอง รู้สึกแปลกแยก อึดอัดกับภาวะโดดเดี่ยว หัวสมองดูคิดกังวล วิ่งวุ่น ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องราวต่างๆ ขณะที่จิตใจก็ไม่แช่มชื่น หดหู่ เศร้า ไร้พลัง ทั้งหัวคิดและจิตใจดูราวกับคู่เต้นรำที่ฝ่ายหนึ่งเฝ้าโอดครวญ อีกฝ่ายก็เฝ้าเห็นด้วยและต่อเติมความทุกข์ หลายคนมักบอกกับตนเองว่า "อย่ากระนั้นเลย เรามาตามล่าหาความรักกันเถิด หาคนที่เรารัก และรักเรา" การมีคนรัก คู่ชีวิตหรือคู่ครองเป็นเป้าหมายชีวิตของหลายคน ในหลายวัฒนธรรม พ่อแม่จะรู้ลึกโล่งอกและสบายใจเมื่อลูกชาย หรือลูกสาวของตนก็ตามแต่งงานมีครอบครัว "พ่อแม่สบายใจ ลูกๆ มีเหย้ามีเรือน เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว" ความหมายสำคัญคือ การมีคู่ครอง หมายถึงการมีความมั่นคงในชีวิต มีหลักประกันชีวิตในบั้นปลายของชีวิตแล้วจะมีคนดูแลแน่ๆ ยามแก่ชรา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ แต่นั่นคือ ความเสี่ยง เรากำลังยอมให้คนอื่นมากำหนดสุข ทุกข์ เพราะอีกด้านของสุข คือ ทุกข์ ความว้าเหว่ ความเหงา รวมถึงแรงขับจากความรู้สึกเชิงลบต่างๆ : เครียด กลัว โกรธ อับอาย แค้น เศร้า หดหู่ ฯลฯ เป็นแรงผลักที่ทำให้เราก่อเกิดปฏิกริยาต่างๆ ปฏิกริยาสำคญ คือ การหลบหนีไปจากตนเองเพื่อไปอยู่กับบุคคล หรือสิ่งอื่นๆ เรื่องราว หรือกิจกรรมต่างๆ หากสังเกตให้ดี นี่คือ ภาวะที่พวกเราหลายคนอยู่กับภาวะปัจจุบันขณะไม่ได้ จิตใจมักเฝ้าวิ่งหาเรื่องราวต่างๆ มาเกาะกุม ครุ่นคิด "จิตไม่ชอบอยู่ว่าง" และเรื่องราวที่จิตใจมักวิ่งหามี 4 ลักษณะด้วยกัน เริ่มต้นที่ 1) เรื่องของฉัน บริบทนี้เป็นบริบทที่จิตใจมักครุ่นคิดเรื่องของตนเอง สุข ทุกข์ ชีวิต ปมเด่น ปมด้อย อัตลักษณ์ ความเป็นมาของตนเอง เวลาที่เราอยู่กับบริบทเรื่องของตนเองมาก อาการที่เกิดขึ้นตามคือ การหมกมุ่นครุ่นคิด และยึดถือเรื่องของตนเองเป็นใหญ่จนมองไม่เห็น หรือไม่รับรู้สิ่งอื่นๆ สภาพในจิตใจกลายเป็นคุกกักขัง จิตใจมีสภาพหดหู่ หนักหน่วงในใจ 2) เรื่องของเธอ บริบทนี้เป็นบริบทที่จิตใจมุ่งครุ่นคิดเรื่องของคนอื่น คนอื่นที่เข้ามาในชีวิต คนใกล้ตัว หรืออยู่ห่าง หัวสมองจิตใจมักครุ่นคิดเรื่องของเขาหรือเธอเหล่านั้น ทำไม อะไร อย่างไร จึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ปฎิกริยาสำคัญคือ ความรู้สึกที่เรามักโยนใส่คนอื่น : โกรธ เกลียด ชอบ เคืองแค้น สภาพนี้ทำให้จิตใจเสมือนมีกองไฟสุมหรือขอนไฟสุมในอก กระตุ้นเร้าให้เราต้องลงมือกระทำอะไรสักอย่างเพื่อลดทอนหรือบรรเทา ความรุ่มร้อนในจิตใจ 3) เรื่องของอดีต อดีต คือ ความเป็นมาที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่หลายคนครุ่นคิดกับเรื่องของอดีตเนื่องด้วยความผูกพัน และการไม่ปล่อยวางกับเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว อดีต ในด้านหนึ่งให้บทเรียนชีวิตเพื่อให้เราได้เติบโต แต่หากยึดติดเรื่องราวอดีตทำให้เราต้องจมจ่อมกับความรู้สึกผิด เสียใจ เศร้าซึม หรืออาจเป็นความรู้สึกแค้นเคือง ผูกใจอาฆาต ชีวิตเหมือนมีขื่อคาถ่วงรั้งผูกพัน ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขหรือเปิดรับความเป็นไปในภาวะปัจจุบันได้ 4) เรื่องของอนาคต ความกังวลคือ ความรู้สึกพื้นฐานที่มักเกิดขึ้นกับอนาคตที่เราคาดไม่ถึง หรือไม่รู้ คือ ความกังวล วิตกครุ่นคิด อนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่มาถึง เราครุ่นคิดกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเพราะคาดหวังว่าเราอาจค้นพบคำตอบจากการคิดล่วงหน้า น่าเสียดายที่เรื่องราวที่คิดตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และเลื่อนลอย แต่เพราะอุปนิสัยจิตใจที่ไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้ การครุ่นคิดกังวลจึงเป็นการกระทำที่สูญเสียพลังโดยใช่เหตุ โดยสรุปการหนีหายไปจากภาวะปัจจุบันทั้ง 4 ลักษณะ จึงเป็นภาวะที่จริงๆ แล้ว เราไม่ได้อยู่กับตัวเอง ไม่ได้อยู่กับเรื่องราวตรงหน้า บุคคลตรงหน้าหรือธรรมชาติที่แวดล้อม ณ ขณะนั้น เพราะสิ่งที่เป็นตัวกั้นกลาง ประสบการณ์ระหว่างตัวเรากับสิ่งรอบตัว ก็คือ สิ่งที่เราหมกมุ่นหนึ่งในสี่ลักษณะ ผู้เขียนรวมถึงหลายคนที่เคยมีประสบการณ์ได้พบปะท่านทะไลลามะ เราต่างมีประสบการณ์ร่วมกัน คือ ความรู้สึกประทับใจท่าน อันเนื่องด้วยท่าทีการสัมผัส ทักทาย รอยยิ้มที่ภาวะขณะนั้น เราสัมผัสได้ว่า ท่านมองเห็นและกำลังทักทายบุคคลสำคัญที่มีคุณค่าและอยู่ตรงหน้าของท่าน ณ ขณะ นั้นพลังของปัจจุบันขณะก่อเกิดสัมผัสที่ไร้ของเขต ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีเราหรือเธอ มีแต่ภาวะเลื่อนไหลชีวิต พร้อมกับการหยั่งถึงภาวะของความตระหนักรู้ในความรู้สึกตัว ภาวะที่เหนือพ้นการแบ่งแยกเรา ท่าน ฉัน เธอ และเมื่อนั้น ความเงียบเหงา ว้าเหว่ ทุกข์ระทมแบบเหมยลี่ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เราสามารถเป็นมิตรกับตนเองด้วยภาวะการอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีความคิดนึก อารมณ์อันเนื่องมาจากการครุ่นคิดที่ไปในอดีต อนาคต เรื่องราวของเราหรือของเธอ เมื่อนั้น ชีวิตก็มีแต่ความรื่นรมย์เพราะเรามีมิตรที่แท้ได้ คือ ตนเอง โดย.....ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ ที่มา คอลัมน์ มองย้อนศร : http://www.budnet.org/
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|