บทความล่าสุด |
---|
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2553 |
Thursday, 04 November 2010 | |||
ชมภาพจาก
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 8
เว็บบอร์ด : ฝากข้อความถึงเพื่อนร่วมค่ายฯ (สมัคร สมาชิกด้วยนะ)
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 8
มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
เป็นครั้งแรกที่เราเลือกจัดค่ายในรีสอร์ต แม้จะมีความกังวลเรื่องงบประมาณในช่วงแรก แต่ปัญหานี้ก็เป็นอันตกไป ด้วยความใจดีอย่างสุดซึ้งของชุมพรคาบาน่ารีสอร์ต นอกจากจะมีน้ำใจมากมายแล้ว ที่นี่ยังมีความรู้อันเหลือล้นให้พวกเราได้ประดับสติปัญญาพกพากลับไปบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดในการใช้ชีวิต ไปจนถึงวิธีการปฏิบัติจริงที่เห็นผลได้อย่างไม่จำกัดกาลเวลา ชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต ตั้งอยู่ในเขตอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นรีสอร์ตริม ทะเลที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้ สายธารและพืชพรรณธัญญาหาร ประกอบกิจการด้วยแนวคิดพึ่งพาตนเองแต่รับผิดชอบต่อสังคมได้อย่างน่าประทับใจ ณ สถานที่แห่งนี้ พวกเราทั้ง 40 ชีวิตได้ใช้เวลาแสวงหาความรู้อยู่ด้วยกัน 3 คืน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-8 ตุลาคม มีเยาวชน 30 คน จาก 7 โรงเรียนเข้าร่วม โดยมีรายนามดังต่อไปนี้ ปากจั่นวิทยา ศรียาภัย นิรมลชุมพร ศรีวิกรม์บริหารธุรกิจ ยอแซฟอุปถัมภ์ ดาราสมุทร และอัสสัมชัญศึกษา เราเริ่มการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนด้วยการทำความเข้าใจในเรื่องคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จากกิจกรรมค้นหาคนที่ชอบ/ไม่ชอบ และ กล้วยของฉันหายไปไหน สองกิจกรรมนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าภายในของมนุษย์ทุกคนที่เท่าเทียมกัน ไม่ควรตัดสินกันเพียงลักษณะที่เห็นภายนอกเท่านั้น เหมือนกับเปลือกกล้วยที่มีตำหนิแตกต่างกันไป แต่เนื้อแท้ข้างในแล้วเหมือนกัน ฉันใดก็ฉันนั้น
กิจกรรม ความจำเป็นหรือความต้องการ ทำให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่จำเป็นในการมีชีวิตรอดและดำรงอยู่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ ซึ่งสิ่งจำเป็นที่ว่านั้นก็คือสิทธิมนุษยชนนั่นเอง ส่วนสิ่งที่ต้องการ หลายอย่างก็เกินความจำเป็น แต่คนเรามักแยกไม่ค่อยออกว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็น และอะไรเป็นเพียงความต้องการกันแน่ ถัดจากนั้นก็เป็นกิจกรรมฐาน "เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชน" ซึ่งแต่ละฐานกิจกรรมพวกเราจะเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนในรูปแบบต่างๆ เช่น ฐานภาพลวงตา : เป็นเกมส์ที่ให้หากระดาษตัวอักษรที่ซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ โดยที่สีของกระดาษต่างกัน ขนาดคำที่ยาวสั้นไม่เท่ากัน ซึ่งกระดาษที่มีสีโดดเด่นก็จะหาได้ง่ายกว่า เปรียบได้กับคนที่มีเงินมากกว่าก็จะเข้าถึงโอกาสต่างๆ ในชีวิตได้มากกว่า ฐานนี้ได้ข้อคิดในเรื่องความยุติธรรม ฐานเรือมนุษย์ : ได้เรียนรู้ว่ามนุษย์มีศักดิ์ศรีและสิทธิของความเป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน มีสิทธิที่จะมีชีวิตรอดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานพม่า ผู้ติดเชื้อ หรือนักโทษ ฯลฯ ทุกคนสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเทียมกัน และไม่มีใครมีสิทธิที่จะตัดสินชีวิตของใครได้ ฐานบันไดชีวิต... สิทธิของฉัน : เป็นการเรียนรู้เรื่องสิทธิด้านต่างๆ ตั้งแต่เกิดจนตลอดชีวิต เช่น สิทธิในด้านการศึกษา สิทธิในการทำงาน สิทธิในเรื่องสุขภาพ สิทธิทางการเมือง ฯลฯ ฐานช่องว่างระหว่างชนชั้น : เรียนรู้เรื่องความไม่เท่าเทียมกันและความแตกต่างทางสถานะของคนในสังคม ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเข้าถึงโอกาสที่ไม่เท่ากัน จึงเกิดช่องว่างที่ถ่างห่างออกจากกันมากขึ้น แล้วเราจะมีส่วนช่วยเหลือหรือทำให้ช่องว่างเหล่านั้นลดลงได้อย่างไร และฐานสีแห่งความสามัคคี : ได้เรียนรู้ว่า แม้คนเราจะมาจากต่างกลุ่มต่างสีหรือมีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าเรามีความสามัคคีช่วยเหลือกัน ปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็สามารถก้าวข้ามไปได้ และยังสอนในเรื่องการไม่กีดกันคนที่มีความแตกต่างจากเราออกไป แต่ควรยอมรับซึ่งกันและกัน
ช่วงค่ำวันนั้น เราก็ได้ชมภาพยนตร์สารคดี เรื่อง Food INC. ซึ่งมีเนื้อหาที่ชวนศึกษาไตร่ตรองเกี่ยวกับปัญหาของกระแสบริโภคนิยม เรื่องราวของหนังนำเราไปรับรู้ตั้งแต่ระบบการผลิตที่ทำลายคุณค่าของชีวิตทั้งมนุษย์ สัตว์ และพืช และยังส่งผลกระทบต่อวิถีการผลิตแบบยั่งยืน เช่น การเร่งผลผลิตด้วยการใช้สารเคมีโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค การตัดแต่งพันธุกรรมและปัญหาด้านสิทธิบัตรที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของเกษตรกร และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ผลิตจากภูมิภาคอื่น ซึ่งต้องขนส่งเป็นระยะทางไกล แม้เนื้อหาของหนังจะหนักไปสักหน่อย แต่พวกเราก็ได้สาระไปอย่างมากมาย
เช้าวันรุ่งขึ้น ในช่วงกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิต เศรษฐกิจพึ่งตนเอง พวกเราได้มีโอกาสศึกษาดูงานของชุมพรคาบาน่ารีสอร์ต ซึ่งมีฐานการเรียนรู้ต่างๆ เช่น การทำเตาเผาถ่านแบบถัง 200 ลิตร ซึ่งเกิดผลพลอยได้เป็นน้ำส้มควันไม้ที่มีประโยชน์สารพัดอย่าง การเพาะถั่วงอกแบบคอนโดหลายๆ ชั้น การทำน้ำมันมะพร้าวบีบเย็น การทำน้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพู การทำลูกระเบิดจุลินทรีย์ การแช่มือด้วยน้ำสมุนไพร และการปลูกต้นไม้แบบห่มดิน กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิงการซื้อหาวัตถุภายนอกมาบริโภคมากนัก ได้เรียนรู้วิธีการใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างคุ้มค่าด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ เรียนรู้ถึงสิทธิในการมีชีวิตอย่างปลอดภัยทั้งในเรื่องอาหารและสภาพแวดล้อม ได้เรียนรู้ทางเลือกในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากการดำเนินชีวิตตามวิถีกระแสหลัก ซึ่งเราตั้งใจว่าจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปริเริ่มใช้และเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ต่อไป ค่ำคืนวันที่สอง พวกเราได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่จากการนำกิจกรรมสันทนาการ โดยพี่หนูจ๋าและพี่โอเอ้ สองสาวจากรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในค่ายนี้ ที่ผู้นำสันทนาการเป็นผู้หญิง แต่ก็มีความสามารถไม่น้อยไปกว่ารุ่นพี่ผู้ชายที่เคยมาร่วมงานกับค่ายเรา
ในช่วงบ่ายวันนั้น เราได้ทำกิจกรรมที่ชื่อว่าบทบาทการมีส่วนร่วมของเยาวชน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้เราได้ฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาสังคมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน (หาสาเหตุ / รากของปัญหา ผลกระทบ แนวทางแก้ไข และตรงกับสิทธิเรื่องอะไร) 4 เรื่องคือ 1) ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งมีสาเหตุมาจากความละโมบ เพื่อตอบสนองการผลิตที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย ฯลฯ 2) ปัญหาเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มือถือ BlackBerry (BB) / กรณีฟิล์มกับแอนนี่ - การเท่าทันสื่อเทคโนโลยี 3) ปัญหาด้านแรงงาน ประเด็นโรงงานไทรอัมพ์ - ค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนงานที่ทำงานหนัก และได้รับค่าจ้างน้อย ไม่มีความมั่นคงในอาชีพ 4) ปัญหาเยาวชน นักศึกษาอาชีวะตีกัน สาเหตุของปัญหามาจากจุดแรกคือ ครอบครัว ยุคสมัยที่สังคมขาดการดูแลเอาใจใส่กันในครอบครัว การเรียนการสอนก็มุ่งในเรื่องของการแข่งขัน ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่รอบข้าง ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่พวกเขาเป็นคนทำ และการขาดโอกาสทางการศึกษา เย็นวันนี้ เป็นวันแรกที่พวกเราได้มีโอกาสเล่นน้ำทะเลกัน ดีใจ หุ หุ (รอตั้งแต่วันแรกที่มาถึงค่ายแล้ว) แต่ยังไงก็ต้องแบ่งเวลามาเตรียมการแสดงสปอตโฆษณาสิทธิมนุษยชนอีก ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวกันเท่าไรเลย ไม่รู้เพื่อนๆ พี่ๆ จะดูรู้เรื่องกันอ๊ะเปล่า และแล้วค่ำคืนที่รอคอยก็มาถึง เริ่มจากการเฉลยบั๊ดดี้ในแบบฉบับของพี่หนูจ๋า ที่เรียกเสียงฮามากมายจากท่าเต้นอันน่ารักน่าชังของแต่ละคน โดยเฉพาะน้องไมเคิล ที่โชว์สเต็ปได้แน่นอนจริงๆ จากนั้นก็เป็นการแสดงของพวกเราสลับกับการประกาศรางวัลอันทรงเกียรติ (มั้ง) ทั้ง 3 รางวัล ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับรางวัลนักวิชาการประจำค่าย ที่ตกเป็นของ น้องสนุ๊ก อย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับรางวัลน้ำใจงามประจำค่าย ก็น่าภาคภูมิใจไปกับน้องหมีที่ได้รางวัลนี้ (แต่ของรางวัลนี่อะสิ ใครนะช่างคิดได้) และแล้วรางวัลขวัญใจชาวค่ายที่รอคอย ซึ่งได้รับการโหวตอย่างท่วมท้น ก็ตกเป็นของน้องสนุ๊กอีกเช่นเคย แต่ผู้ที่มาช่วงชิงความโดดเด่นในค่ำคืนนี้กลับเป็น พี่ออโต้ อดีตขวัญใจชาวค่าย ครั้งที่ 7 ที่ต้องมาปฏิบัติภารกิจในการส่งมอบตำแหน่งให้ขวัญใจชาวค่ายคนล่าสุด ซึ่งเธอเปิดตัวออกมาพร้อมด้วยรถประจำตำแหน่ง คทาอันทรงเกียรติ และมงกุฎดอกอุตพิดของเธอ (สำหรับของรางวัล ต้องขอขอบคุณชุมพรคาบาน่า รีสอร์ต ผู้ให้การสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ) ค่ำคืนนั้นจบลงอย่างซาบซึ้งและประทับใจด้วยพิธีการบายศรีสู่ขวัญ ที่จัดได้สวยงามตามแบบฉบับของค่าย ยส. และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง หลังจากได้ฟังพี่เลี้ยงประจำค่าย มาเล่าถึงความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับและนำกลับไปใช้จากการมาค่าย ยส. ให้น้องๆ ฟังแล้ว ก็เป็นช่วงของกิจกรรมการรวมกลุ่มแต่ละโรงเรียน เพื่อคิดโครงการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะนำไปทำต่อที่โรงเรียน เช่น โครงการจิตสำนึกดีที่นิรมล เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน โครงการรู้จักคิดพิชิตค่าใช้จ่าย เพื่อรณรงค์ให้เกิดการลดค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โครงการเติบโตด้วยโอกาส เพื่อส่งเสริมพัฒนาโรงเรียนที่ขาดแคลน เช่น ช่วยสนับสนุนหนังสือและอุปกรณ์ทางการศึกษา โครงการธนาคารขยะ เพื่อนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และรักษาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
ท้ายที่สุด ที่ทุกคนคงไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน ก็คือคำตักเตือนสั่งสอนอย่างเข้มข้น (มาก) จากพี่ไพนั่นเองค่ายนี้ช่างครบทุกรสชาติจริงๆ เลย
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|