หน้าหลัก
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 162 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก


ความรัก ความจริง ความยุติธรรม จากมุมมอง ๓ ศาสนา : ศาสนาคริสต์ พิมพ์
Tuesday, 10 August 2010

Image

ความรัก ความจริง ความยุติธรรม : ในห้วงเวลาฟื้นฟูสังคม

จากมุมมอง ๓ ศาสนา

คุณพ่อพิชาญ ใจเสรี

จิตตาธิการ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการพัฒนาสังคม แผนกความยุติธรรมและสันติ

Imageหนังสือเล่มนี้ "ความรักในความจริง" ภาษาลาตินว่า "Caritas in Veritate" ซึ่งพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ ๑๖ ออกเป็นสมณสาสน์ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ปีที่แล้ว พ่อเชื่อเหลือเกินว่า คาทอลิกส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้อ่าน พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ ๑๖ เขียนขึ้นมา พ่อเริ่มอ่านเมื่อ ๓ - ๔ อาทิตย์ที่แล้ว น่าสนใจมาก พระสันตะปาปาใช้ชื่ออย่างนี้ ทำให้ต้องมาตีความว่า เอ๊ะ! ความรัก เข้าใจ ในความจริง ความจริงคืออะไร บางทีความจริงอาจจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ถ้าสมมุติคนที่ไม่รู้จักพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ อย่างเช่น ถ้าเป็นเรื่องความรู้ทางสังคม การเมือง ก็มาตีแผ่กันสิ เศรษฐกิจก็มาตีแผ่ และก็บอกให้เราทราบแบบตรงไปตรงมา แต่ในความหมายคำว่า "ความจริง" ในสมณสาสน์นี้ แปลว่า "พระเจ้า" เพราะฉะนั้น ความรักในพระเจ้า และพระเจ้าคำนี้แหละที่จะต้องอธิบายกันมากพอสมควรเพื่อจะเข้าใจสมณสาสน์ พระเจ้าเป็นองค์ความรัก เพราะฉะนั้น ถ้าตีความอย่างนี้ก็จะได้ว่า ความรักในความรัก พอเวลาที่พูดถึงคำสอนของพระเยซูเจ้า ทำให้พ่อจะต้องหยิบอันนี้ออกมาเพราะว่า อ.อคิน พระไพศาล อิหม่ามวินัย ก็พูดดูเหมือนเป็นนักคิดทั้งหมด เป็นแบบนักคิดจริงๆ ที่มาบอกเรา ชวนให้เราคิดต่อ แต่พระเยซูเจ้ามาสอนให้เรารู้จักคิด รู้จักวิธีปฏิบัติ และรู้จักสัจธรรม "Mystery" แปลว่า ธรรมะล้ำลึก สัจธรรมทั้งหลาย รู้สัจธรรมนั้นคืออะไร

ยกตัวอย่างง่ายๆ ก่อนจะมาที่นี่ พ่อไปแวะที่วัดพระมหาไถ่ ลูกวัด ๒ คน ชวนพ่อไปทานข้าว พ่อบอกว่า ทานไม่ได้เพราะว่าต้องรีบมาที่นี่ พ่อ!ไปแป๊บเดียว ตรงนี้ใกล้ๆ ประมาณสัก ๑๐๐ เมตร เราก็ไป พอเวลาที่นั่งทานข้าว เขาก็เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง พระเป็นเจ้าอยู่เสมอ ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเราจะจับได้หรือเปล่า เวลาไหน และเรื่องอะไร ๑ ใน ๒ คนก็เล่าให้พ่อฟังว่า คุณพ่อเล่าเรื่องโจ๊กอันหนึ่งให้ฟังนะ มีเพื่อน ๒ คน ไปแสวงบุญที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ก็คือ อิสราเอล และกำลังอยู่ที่เยรูซาเล็ม ๑ ใน ๒ คนนี้ตาย เป็นชาวอเมริกัน คนเป็นก็ไปแจ้งสถานทูตอเมริกันนะ ขอเสร็จแล้วสถานทูตอเมริกันก็บอกว่า ถ้าหากว่าฝังศพของเขาอยู่ในเยรูซาเล็ม เสียเงินเพียง ๑๐๐ เหรียญ ถ้าหากว่าเอาศพกลับไปประเทศอเมริกา เสียเงินประมาณ ๑ หมื่นเหรียญ ผู้ชายคนนี้ซึ่งเป็นเพื่อน นึกนิดหนึ่ง คงจะคำนวณในใจ เสร็จแล้วก็พูดกับทูตว่า ๑ หมื่นเหรียญใช่มั๊ย ผมยินดีที่จะส่งศพเขาไปที่อเมริกา ทูตก็แปลกใจและก็มองผู้ชายคนนี้ เอ้า! ไอ้ ๑๐๐ เหรียญเนี่ย ฝังอยู่ที่เยรูซาเล็ม ถูกกว่าเยอะ ทำไมถึงอยากจะเสียเป็นหมื่นเหรียญ ตั้งเยอะแยะเลย ชายคนนั้นอธิบายให้ทูตฟังว่า ท่านทูตจำได้มั๊ย เมื่อประมาณ ๒ พันปีที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ "เยซู" ตายในเยรูซาเล็ม เสร็จแล้วกลับคืนชีพ ความหมายก็คือว่า เขาไม่อยากให้เจ้าคนนี้มันกลับคืนชีพมาอีก ไม่อยากจะให้มาอยู่ด้วยกันอีก

Imageทีนี้ในคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า ได้บอกสัจธรรมของชีวิตหลังความตายด้วย ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ เราก็ต้องดำเนินชีวิตในหนทางที่ถูกต้อง พระองค์นี่เก่งมาก สรุปคำสอนทั้งหมดที่เราเรียกว่าพระบัญญัติ ๑๐ ประการ ต่อมาชาวยิวก็มาตีแผ่ออกมาเป็น ๖๑๓ ประการ ถ้าพ่อเป็นชาวยิว พ่อปฏิบัติไม่ได้แน่นอน แล้วพระเยซูนำมาสรุปเหลือ ๒ ประการ นั่นก็คือ หนึ่ง รักพระเป็นเจ้า สิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนหนึ่งรักตนเอง ซึ่งเราหาพบได้ใน แมทธิวบทที่ ๒๒ ข้อ ๓๖ - ๔๐ รักพระเป็นเจ้าเพราะพระเป็นเจ้ารักเขา เขารู้เขาจะต้องมีความกตัญญูต่อพระเป็นเจ้า แต่ว่าพระเป็นเจ้านี่สำหรับเขา รักเฉพาะเขา นั่นเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจ เพราะฉะนั้น เขาบอกว่า เมื่อรักเฉพาะเขา เขาต้องรักอย่างสุดจิตสุดใจเลย แต่พระเป็นเจ้ามาสอนใหม่ว่า เป็นพระเป็นเจ้าของเรา "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย" ข้อที่ ๒ ก็คือรักเพื่อนมนุษย์เหมือนหนึ่งรักตนเอง พวกเราเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้ไหมว่า ก่อนที่ชาวยิวจะเป็นคนที่เชื่อในพระเป็นเจ้าตามที่อับราฮัมสอน พวกเขาปฏิบัติอย่างนี้นะว่า หากคนในหมู่บ้านหนึ่งมาขโมยแกะของเขาหนึ่งตัว หมู่บ้านนี้จะต้องไปขโมยแกะในหมู่บ้านของเขาหมดทั้งหมู่บ้านเลย เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ไหมครับ เพราะฉะนั้นที่ชาวยิวมารู้จักพระเป็นเจ้า แล้วก็ได้คำสอนว่า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่ ดีกว่าเดิมไหม ถ้าเขามาขโมยแกะ ๑ ตัว เราก็ไปขโมย ๑ ตัวเหมือนกัน เอาที่ใกล้เคียงกันนั่นแหละ เสร็จแล้วพระเยซูเจ้ามาสอนอีก บอกว่า จงให้อภัยศัตรูของท่าน และภาวนาให้กับเขา พวกเราเคยภาวนาให้กับศัตรูของเราไหมครับ เคยภาวนาให้กับคนที่เขาทำอะไรให้เราไม่พอใจไหม คงจะยากใช่ไหมครับ แต่อยากจะให้มีสติ มีสติตรงที่ว่า ถ้าเราสามารถภาวนาให้กับคนนั้น แสดงว่าใจของเราอภัยกับเขาแล้ว รักเขาแล้ว ใจของเรานี่แหละที่บอกว่าพระเป็นเจ้าเป็นองค์ความรัก เพราะว่าเราถูกพระเป็นเจ้าสร้างมา

พ่อฟังเรื่องนี้ เอ๊ะ! แล้วมหาโจร เราบอกว่าไอ้พวกนี้มันชั่วมาก ลูกของเขาบอกว่าเขาชั่วไหมครับ ไม่ เห็นไหมครับ ความรักเป็นธรรมชาติที่พระเป็นเจ้าสร้างทุกๆ คนมา เพราะฉะนั้น มหาตมา คานธี เขียนหนังสือไว้ ผมได้อ่านประมาณ ๒๐ ปีที่แล้ว ยังจำชื่อหนังสือนั้นได้ แปลเป็นไทยได้ว่า "โลกทั้งผองพี่น้องกัน" มหาตมา คานธีเป็นฮินดู เมื่อเวลาที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทำให้เข้าใจชัดเจนว่า อู้ว! มหาตมา คานธีใจกว้างมาก เป็นคนที่มองถึงสัจธรรมว่า ทุกคนมาจากพระเจ้าองค์เดียวกันนั่นแหละ แม้ว่าคนอื่นที่ไม่เข้าใจฮินดู จะบอกว่าฮินดูมีพระเจ้าเป็นหมื่นๆ ก็แล้วแต่ แต่เรามีพระเจ้าองค์ใหญ่สูงสุด ทุกคนมาจากนั่น เราทั้งผองพี่น้องกัน คราวนี้พวกเราคงจะเคยชินกับกฎทองของพระเยซูเจ้าใช่ไหม Golden Rules ลองคลิกเข้าไปใน Yahoo ก็ได้ เสร็จแล้วเขียนคำว่า Golden Rules จะพบว่า เออ! ศาสนาต่างๆ ล้วนมีคำสอนของกฎทองเหมือนกัน เป็นอะไรที่มีอยู่แต่ดั้งเดิมแล้ว ก่อนที่จะมีศาสนาอีกด้วยซ้ำไป เพราะมนุษย์นี่แหละ จึงปฏิบัติต่อกันในหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรมชาติมาก ทีนี้คือ เขาทำกับเรายังไง เราทำอย่างนั้นกับเขา อันนี้ใช่กฎทองไหมครับ ไม่ใช่ กฎทองคือ ถ้าอยากให้เขาทำยังไงกับเรา จงทำอย่างนั้นกับเขา อันแรกเป็นกฎตะกั่ว ถ้าอยากให้เขาทำอย่างไรกับเรา จงทำอย่างนั้นกับเขา อันนี้จะมีอยู่ในทุกศาสนา แต่ผมไม่สามารถที่จะเอาคำแท้ๆ ของศาสนาอิสลามออกมาได้ คณะนักบวชคณะหนึ่งอยู่ในประเทศแคนาดา ชื่อว่า "คณะสกาโบว์โรว์" Scarborough เป็นมิชชันนารี ไปทำงานอยู่ทั่วโลก แล้วเค้าได้ทำแบนเนอร์ (Banner) แบนเนอร์นี่ต้องมีสัญลักษณ์ของศาสนาต่างๆ ๒๓ ศาสนา ที่เขามั่นใจว่าคำสอน Golden Rules มีอยู่ในศาสนานั้นแน่นอน เสร็จแล้วทำเป็น Course ในการสอน เพื่อให้คนสามารถที่จะดำเนินชีวิตตามหลักจริยธรรมอันนี้ได้ เพราะเป็นสากล

Imageคงรู้กันได้นะครับ เมืองไทยมีปัญหา เมืองไทยอยู่ในเอเชีย ผมว่ามีปัญหา ผมเห็นซิสเตอร์ที่ไม่ใช่เอเชีย มาจากประเทศไหนก็แล้วแต่นะ ไม่ต้องตอบผมก็ได้ แต่ไม่ใช่คนไทยแน่นอน เอเชียจะมีเรื่องของระบบอุปถัมภ์ แล้วยังมีเรื่องของสัญลักษณ์ภายนอก เอเชียเน้นเรื่องภายนอกมากๆ เลย คนไม่รวย ขอทาน จะแต่งตัวใส่เนคไท แล้วก็ใส่เสื้อสูทไปขอได้ไหม ไม่ได้ใช่ไหม ก็ต้องใส่อะไรที่มันกะรุ่งกะริ่งหน่อย แล้วทำตัวให้เหมือนกับคนน่าสงสาร ถึงจะได้เงิน ผมไปเจอขอทานมาจากต่างประเทศทางยุโรปน่ะ ใส่เนคไทมาแล้วก็มีเสื้อสูทด้วย ตอนนั้นผมอยู่ศรีราชา ผมต้อนรับเขาอย่างดีเลยนะ เพราะว่าธรรมชาติของเราเวลาที่มองคนที่เขามาจากความศิวิไลซ์ที่สูงกว่า เราต้อนรับเขา พาเขาไปนั่งกินน้ำในห้องอาหารด้วยนะ ซึ่งปกติคนไทยจะไม่ได้เข้าไป แต่คนนี้ได้ไป พอคุยกันไปคุยกันมา บอกว่า มาขอความช่วยเหลือทางการเงิน เป็นขอทาน เห็นไหม ในธรรมชาติของผมเอง ยังติดอยู่กับภายนอกนะครับ

สี ชาวยุโรปและชาวอเมริกันพยายามวิเคราะห์จิตวิทยาของคนไทยเรื่องสี เมื่อกี้ ถ้าท่านไพศาลยังอยู่ ผมก็จะแซวท่าน สีเหลืองใช่ไหม แล้วก็พวกเราสีชมพูอะไรอย่างนี้ สีฟ้าก็มี ใช่ไหมครับ พวกเรา ถ้าสมมุติว่าอยากจะฟื้นฟูสังคม จะต้องฟื้นฟูเรื่องความรู้ ให้มีวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องความรู้ สิ่งภายนอก ไม่ใช่ตัวจริง คนรวยจำเป็นต้องแต่งตัวดีตลอด ๒๔ ชั่วโมงไหมครับ คนรวยหลายคนเมื่อออกจากออฟฟิศแล้ว อยากใส่กางเกงขาสั้น อยากใส่เสื้อยืดนะ รองเท้าแตะ แล้วก็เดินไปโน่น เดินไปนี่ บางทีมาวัดมหาไถ่ชุดนั้นแหละ พ่อก็เคยถามว่า เอ๊ะ! จะไปตีกอล์ฟหรือไปอะไรเนี่ย บอก ไม่หรอก อยู่แบบสบายๆ หน่อย สี ก็เป็นตัวหนึ่งที่คนที่มีความรู้มากกว่าคนอื่นใช้เป็นกลวิธีที่จะแย่งประชาชน ศึกแดงกับเหลือง เป็นศึกแย่งประชาชน ทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ในพวกเขามากที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าสมมุติว่าวิเคราะห์กันก็วิเคราะห์ได้ค่อนข้างง่าย เขาก็บอกว่าเขาเป็นเหลือง สิ่งที่เขาบอกก็คือว่า ไอ้คนนี้จะมาล้มสถาบัน คนไทยส่วนหนึ่ง ตกใจ อีกฝ่ายหนึ่ง ขึ้นต้นด้วย สระ - แ ก็มาเน้นบอกว่า ไอ้ระบบอำมาตย์ คนจนส่วนหนึ่งไม่ชอบ เพราะว่ายังเจ็บใจอยู่กับระบบเก่าๆ คราวนี้กลไกของเขา ฝ่ายที่เป็น สระ เ - ห เมื่อพูดถึงระบบไม่เอาพระเจ้าแผ่นดิน สถาบันก็บอกว่า พวกนี้เขามีคอร์รัปชั่นแบบโครงสร้าง คนจนฟังไม่เข้าใจ ฝ่าย ด เด็ก เนี่ย พูดง่ายกว่า ดับเบิลสแตนดาร์ด (double standard) มี ๒ มาตรฐาน เข้าใจง่าย แต่ว่าจุดจบหรือความต้องการของทั้ง ๒ สี ต้องการเหมือนกันเลย ยุบสภาทั้งคู่ เราซึ่งเป็นลูกของพระเจ้า จะต้องมีหลักของศีลธรรมที่สอนว่า เป้าหมายดี วิธีการต้องดีด้วย ใช่ไหมครับ เป้าหมายถูก วิธีการต้องถูกด้วยนะครับ ถ้าวิธีการผิดก็คือ ผิด ไม่ใช่อะไรก็ได้

Imageถ้าหากว่ามาวิเคราะห์แบบนี้ อะไรก็ได้ แสดงว่า โครงสร้างในสังคมไทยเวลานี้ กำลังป่วยมาก คิดไม่เป็น เข้า ป.๑ สอบตก ไม่ต้องพูดถึงมัธยม ไม่ต้องพูดถึงวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงมหาวิทยาลัยนะ สอบตก เพราะคิดไม่เป็น คิดไม่ถูก ทั้งหมดนี่บ่งบอกว่า เรื่องของจริยธรรมในสังคมไทยของเราอ่อนมาก แม้ว่าจะพูดกันแค่ไหนก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นในแง่ของการฟื้นฟูสังคมไทย คงจะไม่ใช่แค่ภายในวันเดียวแล้ว แต่จะต้องเป็นเรื่องที่หลายๆ คนช่วยกัน ระบบการศึกษาให้คนคิดเป็น ให้คนคิดได้ ในหลวงของเราเองนะ ในหลวงที่พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีปรัชญาอยู่ ๓ ข้อ คือ ๑. ให้รู้จักประมาณ/ความพอเพียง ๒. มีเหตุผล รู้จักวิธีคิด ให้รู้จักการคิด ๓. มีภูมิคุ้มกัน ในสมณสาสน์นี้พูดถึง Super Development แปลว่า การพัฒนาแบบ อยากจะเป็นจากจนไปรวยเลย แบบนั้นน่ะ super หารู้ไม่ว่า มันมีกลไกที่อยู่เบื้องหลังของคนที่อยู่ในบาปกำเนิด และอยากจะร่ำรวย อยากจะเป็นผู้ครอบงำโลก อยากจะเป็นผู้ที่คุมบังเหียนของโลกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันอะไรใหญ่ๆ หรือประเทศอะไรที่กำลังมีอำนาจ ทุกวันนี้เขาไม่สามารถจะบอกได้ว่า เขาพัฒนาแล้ว เพราะเขาไปถึงทางตัน และประเทศอื่นกำลังตามเขาไปอย่างไม่รู้ตัว Consumerism บริโภคนิยมทุกรูปแบบ สมณสาสน์นี้ทันสมัย ทันสมัยกับพวกเรามาก เพราะว่าได้ยกย่องสมณสาสน์ที่ชื่อว่า "Populorum Progressio" ของพระสันตะปาปาเปาโล ที่ ๖ ซึ่งเขียนในปี ๑๙๖๗ หลังจากวาติกันที่สอง แล้ว ๒ - ๓ ปี หลังพระสันตะปาปาเปาโล ที่ ๖ พูดถึงการพัฒนาประเทศ จะต้องสนใจใน ๓ เรื่องที่ต้องพัฒนา ๑. เรื่องการเมือง ๒. เรื่องเศรษฐกิจ ๓. เรื่องสังคม พูดแค่นั้น เพราะว่าเทคโนโลยียังไม่เกิดขึ้นแบบชัดเจนในเวลานั้น เพียงแต่ก่อตัวประมาณปี ๑๙๕๘ แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของ IT (Information Technology) เพราะฉะนั้น พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ในเล่มนี้ได้พูดถึงเทคโนโลยีด้วย ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ต้องส่งเสริมคนให้เป็นคนมีการพัฒนามากขึ้น เพราะฉะนั้น ในสมณสาสน์นี้ใช้คำที่หรูมาก ใช้คำว่า Integral Human Development เป็นการพัฒนามนุษย์แบบบูรณาการ ถ้าพูดแบบนี้ทางด้านการเมือง ในประเทศไทย ที่พยายามเข้าไปและไม่รับใช้ประชาชน ปากบอกว่ารับใช้ แต่ว่าเอาความร่ำรวยส่วนตัว และในเวลาเดียวกัน เมื่อเข้าไปแล้วพยายามที่จะเป็นรัฐบาล พยายามที่จะหาสมาชิกให้มากเพื่อจะได้รับเลือกเข้าไป แต่เมื่อเป็นแล้ว ไม่ได้เป็นรัฐบาลของประเทศ แต่เป็นรัฐบาลของพรรค อย่างนี้ไม่ถูก เราวิเคราะห์ได้เลย ไม่ถูก พระสันตะปาปาบอกว่า ต้องมีจริยธรรมสำหรับรัฐบาลด้วย Government Ethics

Imageในเรื่องของเศรษฐกิจ เงิน รวย ใครๆ ก็อยากรวย รู้ไหมว่าคนที่รวยที่สุดในโลก ๒ คนแรก ยังคงเป็นชาวอเมริกันอยู่คือ Bill Gates และ Warren Buffett อายุห่างกันประมาณ ๒๐ ปี แต่เป็นเพื่อนกัน กำไรของเขาที่ได้แต่ละปี เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว สถิติก็คือ ๔๕ พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา คนที่ ๒ ห่างกันแค่เพียง ๗ ล้านเหรียญ คนที่ ๓ เป็นเม็กซิกัน คนที่ ๒๐๐กว่าก็คือ คนไทย ๓ คน คนที่ ๑ เป็นเจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง คนที่ ๒ บริษัทสุรา คุณเจริญ คนที่ ๓ ซีพี ของคุณธนินท์ ทำตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ในสมณสาสน์นี่บอกว่า รวยไม่เป็นไร กำไรไม่เป็นไร แต่อย่าลืมต้องคืนให้สังคม มีเรื่อง CSR ที่ทันสมัยมาก ต้องกลับมาที่มนุษย์ และก็มีหลักสัจธรรมหนึ่งว่า ถ้าคุณให้กับคน คนก็จะให้กับคุณ คุณก็จะได้ไปเรื่อยๆ ทีนี้ในเรื่องสังคม สังคมไทยเราป่วย เพราะว่าเรื่องของจริยธรรมไม่มีเลย จะพูดอย่างนั้นก็ได้ พวกเราต้องทำงานเหนื่อยนะครับ พวกเราที่มีศาสนาทั้งหลาย และมีใจที่อยากพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศชาติ ต้องเหนื่อย แต่ไม่มีทางเลือก เมื่อเวลาที่พูดถึงสังคม ตัวอย่างที่ดีมากก็คือ ๒ คนรวยที่สุดในโลก นายวอเรน แทนที่จะบริจาคเงินของตนเองให้กับองค์กรอื่น ไม่นะ บริจาคเงินให้กับมูลนิธิของบิล เกท พ่อก็มีความคิดว่า เอ๊ะ ทำไมเขารวยอยู่แล้ว ยังให้กันและกันอยู่ สื่อเขาไปสัมภาษณ์นายวอเรน นายวอเรนตอบว่า "เพราะมีความมั่นใจว่า เขาได้ช่วยสังคมจริงๆ ผมจึงยิ่งให้เขา" มูลนิธิของ บิล เกท เขาไปช่วยเรื่อง มาลาเรีย และโรคเอดส์ อยู่ในแอฟริกา เวลาที่พ่อทำงานอยู่ที่มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพัทยา เราขอเขาไปด้วยนะ พ่อก็มีเส้นมีทางไปน่ะ จนถามไปถึง แต่เขาก็ตอบมาว่า เนื่องจากว่าเราช่วยสังคมในขณะนี้ตามนโยบายคือ เฉพาะทวีปแอฟริกาเท่านั้น เราเลยอด แต่ไม่เป็นไร เราดีใจที่ว่า ในเรื่องสังคมมันมีความสวยงามเกิดขึ้นเมื่อคนสนใจ เพราะฉะนั้นคนจึงเป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้นในสมณสาสน์จบด้วยข้อ ๗๙ ที่พูดว่า "ถ้าอยากพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ จะต้องพัฒนาเขาที่หัวใจเช่นเดียวกัน"

ความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

ถัดไป >