บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
ร่วมกันเป็นน้ำเย็นชโลมใจให้หายรุ่มร้อน : พระไพศาล วิสาโล |
Thursday, 22 April 2010 | ||||
ร่วมกันเป็นน้ำเย็นชโลมใจให้หายรุ่มร้อน
โดย : พระไพศาล วิสาโล
บรรยากาศบ้านเมืองตอนนี้คุกรุ่นราวกับอบอวลไปด้วยไอน้ำมัน ซึ่งพร้อมจะระเบิดถ้าเกิดมีประกายไฟลุกวาบขึ้นมา ประกายไฟนี้มิได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในใจของทุกคน โดยมีเชื้อคือความโกรธ ความกลัวและความเกลียดนั่นเอง ถ้าหากว่าเราไม่มีสติรักษาใจ หากมีอะไรมากระทบ ก็สามารถจุดประกายไฟให้ลุกขึ้นมาในใจ และสามารถลามต่อๆ กันไป จนกลายเป็นระเบิดทั่วทั้งเมือง ยิ่งถ้ามีอาวุธอยู่ในมือด้วยแล้ว ความพินาศจะมหาศาลเหลือประมาณ ในยามนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องช่วยกันยับยั้งมิให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา ด้วยการมีสติรักษาใจ อย่าให้ความโกรธเกลียดครองใจ จนลุแก่โทสะได้ง่าย แต่หากยังไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรพกพาอาวุธ ถ้าเราไม่พกพาอาวุธ ไม่ว่าปืนผาหน้าไม้หรืออาวุธโดยสภาพ ก็จะช่วยป้องกันมิให้สถานการณ์ลุกลาม อาตมาอยากจะขอเตือนให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ ความรุนแรงอาจจะสามารถนำชัยชนะมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นชัยชนะชั่วคราว มันแก้ปัญหาได้ในระยะสั้น แต่จะก่อให้เกิดปัญหาที่ถาวรหรือยั่งยืนตามมา เมื่อใดก็ตามที่เราใช้ความรุนแรง เรากำลังถลำตัวเข้าสู่วงจรอุบาทว์ที่ชื่อว่าการจองเวร วงจรแห่งการจองเวรจะทำให้เราจมปลักอยู่ในความรุนแรงและยากที่จะถอนตัวขึ้น เพราะเมื่อคนอื่นถูกเราทำร้าย เขาก็จะตอบโต้เราด้วยความรุนแรง ซึ่งก็จะทำให้เราเจ็บปวดและอดไม่ได้ที่จะต้องตอบโต้เขาอย่างรุนแรงเช่นกัน ยิ่งเจ็บปวดและโกรธแค้นมากเท่าไรก็ยิ่งยากจะหลุดจากวงจรอุบาทว์นี้ได้ แต่ไม่ใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่จะจมปลักอยู่ในวงจรนี้ ประเทศชาติทั้งประเทศจะถูกผลักเข้าไปอยู่ในวงจรแห่งการจองเวรและยากที่จะไถ่ถอนออกมาได้ ต่างฝ่ายต่างก็จะตอบโต้และแก้แค้นกันไปมาจนพินาศกันทุกฝ่าย เพราะฉะนั้นก็อยากให้เราทุกฝ่ายตระหนักว่าความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ ไม่สามารถให้ชัยชนะที่ยั่งยืนได้ วันนี้จิตใจของหลายคนอัดแน่นด้วยความโกรธเกลียด จิตใจจดจ้องอยู่กับการกำจัดศัตรูให้ดับสูญ แต่ขอให้ระลึกว่าไม่มีใครที่เป็นศัตรูถาวร สหรัฐอเมริกาและเวียดนามทำสงครามกันมา 30 ปี ฆ่ากันตายนับล้านๆ คน สูญเสียย่อยยับมหาศาล แต่ทุกวันนี้ก็กลับมาเป็นมิตรกัน เราเคยมีการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายขวากับฝ่ายซ้าย จนถึงขั้นลอบฆ่ากันในเมืองและจับอาวุธสู้กันในป่าเขา ผู้คนตายเป็นอันมาก แต่ทุกวันนี้ทั้งสองฝ่ายก็จับมือเป็นเพื่อนกัน ในทำนองเดียวกันคนที่เราตราหน้าว่าเป็นศัตรูในวันนี้ วันข้างหน้าก็อาจเป็นเพื่อนกันได้ ดังนั้นจะทำร้ายกันไปทำไม และถ้าเราทำร้ายกันถึงขั้นเอาชีวิตกันแล้ว เราจะมองหน้าพ่อแม่และลูกหลานของเขาอย่างไร เราจะต้องทนทุกข์กับความรู้สึกผิดไปอีกนานเท่ไร ที่สำคัญกว่านั้นก็คือลูกหลานของเราจะอยู่กันอย่างไรในสังคมที่ตราตรึงอยู่กับความเจ็บปวด ความคับแค้น และความพยาบาท บ้านเมืองของเราจะเป็นอย่างไรหากจิตใจของผู้คนเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ ขอให้เรามีสติ และมีปัญญาที่มองการณ์ไกล เห็นชัดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หากเราใช้ความรุนแรงต่อกัน ขอให้เรามีปัญญาที่จะมองเห็นความคล้ายคลึงกันของผู้คนที่ใส่เสื้อคนละสีหรืออยู่คนละฝ่าย ไม่ใช่มองเห็นแต่ความแตกต่างกันเท่านั้น ขอให้เราระลึกว่าไม่ว่าจะสวมเสื้อสีอะไร เราจะต้องอยู่ด้วยกันบนแผ่นดินนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เราอยู่ได้อย่างสันติสุขนอกจากความรัก ความเมตตา และความเข้าอกเข้าใจกัน วันนี้บรรยากาศกำลังร้อนแรง ผู้คนเป็นจำนวนมากกำลังมีสภาพไม่ต่างกับระเบิดที่ยังไม่ได้ถอดสลัก สามารถที่จะเป็นอาวุธร้ายแรงทำลายซึ่งกันและกันได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามีสติ มีปัญญา มีเมตตา ก็จะช่วยยับยั้งมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นได้ บรรยากาศยิ่งร้อนแรง ก็ยิ่งจำเป็นที่พวกเราทั้งหลายจะร่วมกันรักษาใจให้เป็นเสมือนกับน้ำเย็นที่สามารถชโลมจิตใจของคนทั้งหลายที่กำลังรุ่มร้อนให้สงบเย็นได้ แม้เราจะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่เราก็สามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ ถ้าเรามีเมตตากรุณาและมีสติ ทำให้ใจสงบเย็น ใจที่สงบเย็นนี้แหละที่จะช่วยดับไฟในใจของผู้คน ทำให้เขาสงบเย็น และสกัดกั้นมิให้เกิดระเบิดเผาผลาญบ้านเมือง ขอให้เราทุกคนช่วยรักษาใจให้สงบเย็น และร่วมกันกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองให้กลับคืนสันติสุขและสู่การคืนดีกันได้ในที่สุด
---------------------------------------- หมายเหตุ : ข้อเขียนนี้พระไพศาลปรับปรุงจากคำกล่าวในงานภาวนาเพื่อสันติ บิณฑบาตความรุนแรง เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2553
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|