หน้าหลัก arrow เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน arrow ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน arrow ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2552
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 89 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก


ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2552 พิมพ์
Friday, 24 April 2009

ชมภาพจาก
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 5


Image คลิกชมภาพกันเลย undefined


undefined เว็บบอร์ด : ฝากข้อความถึงเพื่อนร่วมค่ายฯ undefined

(สมัครสมาชิกด้วยนะ)

Image

ความทรงจำอันยากจะลืมเลือนกับค่าย ยส. 5


   ผ่านไปด้วยรอยยิ้มและความประทับใจอีกครั้งหนึ่งกับค่ายยุวสิทธิมนุษยชนของพวกเราชาว ยส. ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 5 แล้วที่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.) ได้จัดค่ายเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนให้กับเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย ซึ่งมาจากหลากหลายโรงเรียน จำนวน 23 คน เมื่อวันที่ 10-13 มีนาคม ที่ผ่านมา ในครั้งนี้มีเยาวชนที่เดินทางมาไกลจากภาคใต้หลายคน ทั้งจากภูเก็ต สงขลา และยะลา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของน้องๆ ที่ต้องการเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน อย่างไม่เห็นกับความยากลำบากในการเดินทางแม้แต่น้อย

วันแรก หลังจากปฐมนิเทศเสร็จ น้องๆ ได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับคำว่า สิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผ่านกิจกรรมที่ชื่อว่า "กล้วยของฉันหายไปไหน" และกิจกรรม "ความจำเป็นและความต้องการ" นำโดยพี่อัจฉรา (เลขาธิการ ยส.) กิจกรรมกล้วยฯ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า คนเราอาจจะมีลักษณะภายนอกที่ต่างกัน เช่น สีผิว เชื้อชาติ สภาพร่างกาย ฐานะทางสังคม แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน เหมือนกับภายในของกล้วยที่มีลักษณะเหมือนกัน เพียงแต่ฉาบไว้ด้วยเปลือกนอกที่มีตำหนิแตกต่างกัน

กิจกรรมความจำเป็นฯ ทำให้เรารู้ว่า สิทธิมนุษยชน ก็คือสิ่งจำเป็นที่มนุษย์ทุกคนต้องได้รับ ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เพื่อให้อยู่รอดได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร มีเชื้อชาติ ศาสนาใด หรือเกิดในดินแดนไหนก็ตาม สิ่งจำเป็นที่ว่าก็ตั้งแต่ด้านกายภาพ เช่น ปัจจัยสี่ ไปจนถึงด้านสังคม เช่น ครอบครัว การศึกษา อิสรภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ สิทธิมนุษยชนยังเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปจากใครได้

 ถัดจากนั้นก็เป็นกิจกรรมฐาน เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 ฐาน ได้แก่ ฐานภาพลวงตา นำโดยพี่นุชและพี่อีฟ ฐานนี้ก็เป็นเรื่องของความยุติธรรมในสังคม การให้คุณค่ากับคนในสังคมจากลักษณะภายนอก ซึ่งนำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อผู้ด้อยโอกาสในสังคม ฐานต่อมาคือ ฐานเรือมนุษย์ นำโดยพี่ไพและพี่แหยม ฐานนี้น้องๆ ก็จะได้เรียนรู้ว่า มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีสิทธิที่จะมีชีวิตรอดอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีสิทธิที่จะตัดสินชีวิตผู้อื่น ฐานที่สามคือฐานบันไดชีวิต สิทธิของฉัน นำโดยพี่เล็กและพี่นุ่น ฐานนี้เป็นฐานที่น้องๆ ก็ได้เรียนรู้ว่า ในชีวิตของคนเราตั้งแต่เป็นทารกอยู่ในครรภ์ของแม่ เกิดมา โตขึ้น เข้าโรงเรียน ทำงาน มีครอบครัว จนกระทั่งตาย เรามีสิทธิอะไรในชีวิตบ้าง เรียกได้ว่าเป็นบันไดแห่งสิทธิในชีวิตของมนุษย์นั่นเอง ในฐานนี้น้องๆ ยังได้ออกกำลังกายกันเล็กน้อย  บางกลุ่มก็ได้กระโดดตบ หลายกลุ่มได้กินน้ำ มีบางกลุ่มก็ไปตกช่องซวย ต้องกินกล้วยกันจนพุงกาง (อันนี้สะใจพี่ๆ มาก) ฐานสุดท้ายเป็นฐานของพี่อัจกับพี่เป็ด ชื่อว่าฐานสิทธิมนุษยชนเป็นสากล ซึ่งสอนให้เรารู้ว่า สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่อยู่รอบๆ ตัวเราในชีวิตประจำวัน มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก เช่น เรามีสิทธิที่จะมีงานทำ ก็มีสิทธิที่จะต้องมีเวลาว่างสำหรับการพักผ่อนด้วย และก็ต้องมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในวัฒนธรรมและวิถีของชุมชน สิทธิของเราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ว่า เรามีสิทธิเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยถูกปฏิเสธหรือถูกกีดกันในสิทธิด้านอื่นๆ คือทุกคนต้องมีสิทธิในทุกๆ เรื่อง จากนั้นทุกคนก็มารวมกันทำกิจกรรม สีแห่งสามัคคี ที่สอนให้เรารู้ว่า การจะทำอะไรให้สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกัน และการที่เรากีดกันเพื่อนต่างสี ก็เหมือนกับการที่สังคมผลักคนที่แตกต่างออกไป นำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อคนที่ไม่เหมือนหรือคิดต่างจากตนเอง ทำให้เกิดการแบ่งแยกขึ้นในสังคม ดังเช่นสถานการณ์ของสังคมไทยในปัจจุบันนี้

ช่วงเย็นวันนั้น หลังจากที่ปล่อยให้น้องๆ ได้ไปเล่นน้ำตกและทานอาหารเย็นแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมตัวชมภาพยนตร์กัน ขณะที่น้องๆ กำลังจดจ่อรอดูหนังอยู่นั้น พี่เล็กก็ได้เข้ามาบอกให้น้องๆ ไปเก็บของเพื่อจะย้ายค่ายกัน สร้างความตื่นตะลึงให้กับน้องๆ อย่างมาก (ราวกับมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บัดนั้น) จากนั้นภายในเวลาไม่กี่นาทีทุกคนก็พร้อมกับการเดินทางไปบ้านใหม่กัน (รวดเร็วยังกับหน่วยอรินทราชเลย)

ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าค่ายนั้นเป็นยังไง ไม่อยากจะ Said

 พอมาค่ายใหม่ ทุกคนก็ร้อง อู้ฮู้!! รีสอร์ทหรูเลิศอลังการงานสร้างมาก เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของ ค่าย ยส. ที่ได้ย้ายสถานที่กลางคัน ก็สนุกไปอีกแบบนึง

เช้าวันต่อมา หลังจากที่น้องๆ ได้ออกกำลังกายท่ามกลางแมกไม้ในสวนสวยกันอย่างสดชื่นแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาของกิจกรรม การสื่อสารอย่างสันติ ซึ่งนำโดยพี่นริศ มณีขาว (จิตตาธิการ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย) กิจกรรมนี้น้องๆ ได้เรียนรู้ถึงวิธีการสื่อสารที่นำไปสู่ความเข้าใจ ทั้งความรู้สึก ความต้องการของผู้อื่น ขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้อย่างสันติ โดยไม่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งน้องหลายคนได้ สะท้อนถึงปัญหาในเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อน เพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารแบบหมาป่าและยีราฟ ให้ผลที่แตกต่างกันอย่างไร

ช่วงบ่ายเป็นช่วงของกิจกรรม ศึกษาปัญหาชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจากคุณสมคิด ดวงแก้ว สมาชิกชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่งคอย มาให้ข้อมูลสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมของจังหวัดสระบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอแก่งคอย ที่เต็มไปด้วยมลพิษทั้งในน้ำและในอากาศ จากโรงไฟฟ้า โรงปูนซีเมนต์ และโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย หลังจากที่น้องๆ ไตร่ตรองสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ก็ได้สะท้อนถึงความห่วงใยพี่น้องชาวสระบุรี ที่ต้องทนทุกข์กับปัญหามลพิษต่างๆ โดยไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐเท่าที่ควร และปัญหาที่เกิดขึ้นก็ส่งผลไม่เฉพาะต่อคนสระบุรีเท่านั้น แต่ส่งผลถึงเราทุกคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเช่นกัน น้องๆ จึงช่วยกันระดมความคิดว่า จะมีส่วนร่วมในการลดปัญหาดังกล่าวอย่างไร โดยสิ่งที่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ ก็ด้วยการ ใช้น้ำใช้ไฟอย่างประหยัด ใช้โทรศัพท์มือถือให้น้อยลง ลดการบริโภคลง เพื่อจะได้ไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม ไม่ต้องมีการใช้ทรัพยากรมากมายอย่างที่เป็นอยู่

 วันรุ่งขึ้น เราเริ่มต้นด้วยกิจกรรมสันทนาการสนุกๆ โดยพี่ยะและพี่กั้ง จากนั้นก็เป็นการเรียนรู้เรื่องปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ผ่านเกมส์อัจฉริยุ (อัจฉริยะ + ยุวสิทธิ) กิจกรรมนี้ทำให้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ มีสิทธิต่างๆ ในชีวิตที่ได้รับการคุ้มครองตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งสหประชาชาติได้ประกาศรับรองไว้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สิทธิเหล่านั้นมีตั้งแต่เกิดจนถึงตาย เช่น สิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัว สิทธิที่จะได้รับการศึกษา สิทธิที่จะมีงานทำ มีเวลาว่างสำหรับการพักผ่อน สิทธิในการมีคู่ครอง สิทธิในทรัพย์สิน สิทธิในการนับถือศาสนา การแสดงความคิดเห็น การได้รับข้อมูลข่าวสาร ได้รับการประกันสังคม ได้รับการดูแลยามชรา เป็นต้น จากนั้นก็เป็น กิจกรรมเรียนรู้เรื่องสิทธิเด็กในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งให้น้องๆ แต่ละกลุ่มช่วยกันปั้นดินน้ำมัน เป็นรูปต่างๆ ที่สื่อถึงปัญหาเยาวชนที่พบเห็นในสังคมปัจจุบัน บางกลุ่มก็ปั้นเป็นเรื่องราวการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีลูกเมื่อไม่พร้อม จึงต้องทิ้งเด็กให้โตขึ้นไปเป็นปัญหาสังคมต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พบเห็นในข่าวเสมอๆ จากนั้นพี่อัจก็สรุปให้น้องฟังถึงสิทธิเด็กที่ได้รับการรับรองไว้ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งมี 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ สิทธิในการอยู่รอด สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา และสิทธิในการมีส่วนร่วม

ในช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมที่ให้น้องๆ ช่วยกันจินตนาการถึงชุมชนในฝัน ที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ซึ่งการจะไปถึงชุมชนที่ว่านั้น ก็คือทุกคนในชุมชนต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน และรัฐจะต้องมีหลักประกันให้ทุกคนได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมกันด้วย

 คืนสุดท้ายที่พวกเราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เริ่มต้นขึ้นด้วยความสนุกสนานจากพี่ยะ พี่กั้ง พี่เป็ดและพี่นุ่น หลังจากเฉลย Buddy แล้วก็เป็นการเฉลย 10 อันดับ TopTen ที่สุดของค่าย อย่างที่ชาวค่ายรู้ๆ กัน รางวัลส่วนใหญ่ถูกกวาดไปโดยน้องๆ จากยอแซฟฯ โดยเฉพาะน้องไมค์และน้องอู๋ ที่เข้าชิงแทบทุกรางวัล ไม่ว่าจะเป็น ซ๊กม๊กสุดๆ ตะกละสุดๆๆ เขี้ยวยาวสุดๆ เจ้าพ่อโรงสี และสุภาพบุรุษจอมปลอม แต่ที่น่าภูมิใจก็มีอยู่อย่างเดียวคือรางวัลขวัญใจชาวค่าย ที่ตกเป็นของน้องอู๋อย่างไม่น่าเชื่อ (ไม่รู้ว่าติดสินบนเพื่อนๆ หรือเปล่า)

 จบจากการชม Presentation สวยๆ จากฝีมือพี่นุชแล้ว ก็เป็นพิธีการบายสี ซึ่งพี่ไพก็จัดการได้สวยงามเช่นเคย เริ่มต้นด้วยการพูดเปิดใจถึงความรู้สึกต่างๆ ที่มีในการมาค่ายครั้งนี้ ทั้งกับเพื่อนๆ และพี่ๆ ทีมงาน หลายคนน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ (หรือแสบตาจากแสงเทียนนับร้อยๆ อันของพี่ไพก็ไม่รู้) สิ่งที่ได้รับฟังจากน้องๆ ส่วนใหญ่ก็คือ ประทับใจพี่ทุกคนและอยากที่จะมาค่ายกับ ยส. อีก (อันนี้พี่ๆ ตื้นตันใจมาก) จากนั้นก็เป็นการผูกข้อมืออวยพรซึ้งๆ แบบตัวต่อตัวกันไป ค่ำคืนนั้นก็จบลงด้วยความประทับใจของชาวค่ายทุกคน

ค่ายนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีพระคุณหลายท่าน ที่มีส่วนช่วยให้ค่ายนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี อันมีรายนามดังต่อไปนี้ คนแรกเลยต้องขอขอบคุณ คุณจิตฒิกาญจน์ สนามแจ่ม เจ้าของ บ้านสวนสวยรีสอร์ท ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องสถานที่ให้กับเราอย่างเร่งด่วน หากไม่ได้ที่นี่ เราคงต้องนอนร้อนตับแลบอยู่ที่ค่าย......กันต่อไป

ขอขอบคุณ พี่ยะและพี่กั้ง สันทนาการจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ที่มาช่วยสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะให้ค่ายเราอีกเช่นเคย (ประทับใจมากเลย อับดุลเอ้ย!) หวังว่าค่ายหน้าจะได้ร่วมงานกันอีกนะ และที่ทำให้ค่ายนี้มีสีสันขึ้นไปอีก ก็ด้วยผลงานของพี่เป็ดและพี่นุ่น (น้องจากค่าย ยส.2) ที่มาช่วยกิจกรรมสันทนาการ ด้วยท่าเต้นอันน่ารักน่าชังของทั้งคู่ บวกกับมุขอันแพรวพราวของพี่เป็ด และความสามารถอันล้นเหลืออีกมากมายนับไม่ถ้วนของอดีตขวัญใจชาวค่ายคู่นี้

 ต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับมาสเตอร์กรวุฒิ เรือนงาม อาจารย์ฝ่ายกิจกรรมนักเรียน ของโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ สามพราน และบาทหลวงนพดล ยอแซฟ อาจารย์ฝ่ายอภิบาลของโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย ราชบุรี ที่ได้ส่งเยาวชนมาเข้าร่วมค่ายอย่างสม่ำเสมอ หวังว่าค่ายต่อๆ ไป ยส. คงได้รับความไว้วางใจนี้อีกเช่นเคย 

ที่ลืมไม่ได้เลย ก็ต้องขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจและความเหน็ดเหนื่อยของพี่น้องชาว ยส. ทุกคน ที่ทำให้ค่ายนี้สำเร็จลุล่วงไปอีกครั้ง (แม้จะทุลักทุเลบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง) โดยเฉพาะพี่อัจและพี่ไพ ที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์เรื่องสถานที่ได้อย่างทันท่วงที

สุดท้ายนี้ ก็ขอจบด้วยคำพูดเปิดใจซึ้งๆ ของพี่นุช ในค่ำคืนอำลาที่ว่า "ถึงจำนวนสมาชิกในค่ายนี้จะมีน้อย แต่เชื่อว่ามิตรภาพของพวกเรา ชาว ยส. 5 คงไม่น้อยตามอย่างแน่นอน" (โห! สุดยอด คิดได้ไงเนี่ยะ!!)

ฝ่ายสิทธิฯ รายงาน


 

ความคิดเห็น
OK ซึ้ง
เขียนโดย admin เปิด 2009-05-22 16:16:45
แห่ะ แห่ะ อายยย :p

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >