หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow ข้าพเจ้าเชื่อ (ตอนที่ 4) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 168 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

ข้าพเจ้าเชื่อ (ตอนที่ 4) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์ พิมพ์
Wednesday, 04 March 2009

           กลับไปอ่าน  ตอนที่ 1 "ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า พระบิดาทรงสรรพานุภาพสร้างฟ้าดิน 

                               ตอนที่ 2  เชื่อถึงพระเอกบุตรเยซูคริสต์สวามีของเรา ปฏิสนธิเดชะพระจิต บังเกิดจากพระนางมารีอาพรหมจารี รับทรมานสมัยปอนซีโอปีลาโต ถูกตรึงกางเขน ตาย และฝังไว้

                               ตอนที่ 3  เสด็จลงใต้บาดาล วันที่สามกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย..." 


------------------------------------------

 


Image6. เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระเป็นเจ้าพระบิดาทรงสรรพานุภาพ

          "สวรรค์" อันเป็นที่ประทับของพระเจ้าอยู่ที่ใด ?

          บางคนคิดว่าสวรรค์อยู่ทั่วไปทุกแห่ง เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกแห่งหน

          อย่างไรก็ตาม นักเทววิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่ามีสถานที่พิเศษเฉพาะที่เหมาะสมกับสถานะแห่งความบรมสุขของบรรดาผู้ชอบธรรม ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยสายสัมพันธ์แห่งความรัก โดยยังคงมีอิสระในการไปไหนก็ได้  สถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับโลกแต่ไม่อยู่ในโลกนี้  รายละเอียดอย่างอื่นไม่มีความแน่นอน และพระศาสนจักรเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

          สี่สิบวันหลังจากกลับคืนชีพ พระเยซูคริสตเจ้าทรงเสด็จสู่สวรรค์ด้วยฤทธานุภาพของพระองค์เองต่อหน้าบรรดาศิษย์ (มก 16:19; ลก 24:51; กจ 1)

          ไม่มีการระบุสถานที่ที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์อย่างแจ้งชัด แต่เชื่อกันว่าเป็นภูเขามะกอกเทศดังที่มีบันทึกไว้ว่า "บรรดาอัครสาวกเดินทางจากภูเขาที่เรียกว่า "ภูเขามะกอกเทศ" กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ภูเขานี้อยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็มเป็นระยะทางที่เดินได้ในวันสับบาโต" (กจ 1:12)

          ภาษาที่ใช้คือ "เสด็จขึ้นสวรรค์" ไม่ได้หมายความว่าสวรรค์อยู่เหนือโลก  อีกทั้งคำ "ประทับเบื้องขวาพระเป็นเจ้า" ก็ไม่ได้หมายความว่านี่คือที่นั่งประจำหรือพระองค์ต้องนั่งอยู่ในท่านี้ตลอดไป  แต่ความหมายคือ

          -         พระเยซูเจ้าทรงสถิตกับพระบิดา

          -         พระองค์ทรงร่วมพระสิริรุ่งโรจน์

          -         และทรงร่วมพระฤทธานุภาพกับพระบิดา

 

7. แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย

          การพิพากษาผู้เป็นและผู้ตายเป็นความจริงข้อหนึ่งที่พระคัมภีร์พูดถึงมากที่สุด  ไม่ว่าจะเป็น "วันของพระเจ้า" หรือ "การเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้า" ล้วนบ่งบอกถึงการพิพากษานี้

          พระเยซูเจ้าเองทรงทำนายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันพิพากษา "สายฟ้าแลบจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาฉันนั้น  ที่ใดมีซากศพ ที่นั่นบรรดาแร้งกาก็จะมาชุมนุมกัน  เมื่อความทุกขเวทนาในวันเหล่านั้นผ่านพ้นไปแล้วดวงอาทิตย์จะมืดทันที ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า และอานุภาพบนท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน  เวลานั้น เครื่องหมายของบุตรแห่งมนุษย์จะปรากฏบนท้องฟ้ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์บนแผ่นดินจะข้อนอก และจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในเมฆบนท้องฟ้า  ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่  พระองค์จะทรงใช้บรรดาทูตสวรรค์ให้เป่าแตรเสียงดังรวบรวมผู้ที่ทรงเลือกสรรจากทั้งสี่ทิศ จากปลายหนึ่งจนถึงอีกปลายหนึ่งของท้องฟ้า" (มธ 24:27-31)

          พระศาสนจักรอธิบายเหตุผลที่ต้องมีการพิพากษาประมวลพร้อมนอกเหนือจากการพิพากษาทีละคนว่า

          -         เพื่อให้ความดีและความชั่วของแต่ละคนเป็นที่ปรากฏแก่ทุกคน

          -         ความดีและความชั่วของแต่ละคนขณะมีชีวิตย่อมส่งผลกระทบต่อลูกหลานเรื่อยไปจน กว่าจะสิ้นพิภพ  เมื่อสิ้นพิภพ พระเจ้าจะพิพากษาประมวลพร้อมเพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลนอกเหนือจากที่ได้ประทาน ให้คราวพิพากษาทีละคนให้แก่กิจการที่ส่งผลกระทบที่ดี และเพิ่มโทษให้แก่กิจการที่ส่งผลกระทบทางชั่ว

          หลังการพิพากษาประมวลพร้อม ความสัมพันธ์ระหว่างพระผู้สร้างและสิ่งสร้างจะบรรลุจุดสูงสุด  มนุษยชาติจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดตามพระประสงค์ของพระเจ้านั่นคือกลับมาหา พระองค์  และพระคริสตเจ้าจะครองราชย์เหนือสรรพสิ่ง

 

8. ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระจิต

          ข้อความเชื่อนี้ประกอบด้วย 3 ประเด็นที่สำคัญคือ

          -         พระจิตทรงเป็นพระบุคคลที่สามในพระตรีเอกภาพ

          -         ในฐานะที่เป็นพระบุคคล พระองค์ทรงแตกต่างจากพระบิดาและพระบุตร กระนั้นก็ตามทรงมีพระธรรมชาติพระเจ้าเหมือนกัน และเท่าเทียมกัน

          -         พระองค์ทรง "เนื่อง" ไม่ใช่ "บังเกิด" จากพระบิดาและพระบุตร (ดูคำอธิบายในหัวข้อที่ 2 เรื่อง "เชื่อถึงพระเอกบุตรเยซูคริสต์สวามีของเรา")

 

          นักเทววิทยามักยกคุณสมบัติให้แต่ละบุคคลแตกต่างกันไปทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง ทั้งสามพระบุคคลล้วนมีคุณสมบัติทั้งหมดร่วมกัน

          สิ่งที่นักเทววิทยายกให้เป็นคุณสมบัติของพระบิดาคือ ทรงสรรพานุภาพ และผลงานที่เด่นชัดคือการสร้างโลก

          ปรีชาญาณ และผลงานทั้งหมดของปรีชาญาณคือคุณสมบัติของพระบุตร เพราะว่าพระองค์ทรงบังเกิดจากสติปัญญาของพระบิดา

          ส่วนคุณสมบัติของพระจิต ผู้ทรงเนื่องมาจากความรักของพระบิดาและพระบุตร คือความรักและความดี

          เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งความรักและความดี พระจิตเจ้าทรงประทานพระพร 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

          -         พระคุณ 7 ประการเพื่อทำให้แต่ละคนศักดิ์สิทธิ์ ประกอบด้วยปรีชาญาณ ความเข้าใจ คำแนะนำ ความกล้าหาญ ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรงพระเจ้า

          -         พระคุณพิเศษ (Charismata) ที่ทรงประทานแก่บางคนเพื่อความดีของส่วนรวม




Image

Imageติดตามอ่าน ตอนที่ 5 ...พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ...
ในวันพุธหน้า (11 มี.ค. 52)


ความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >