บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
ข้าแต่พระบิดา (ตอนที่ 2) โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์ |
Wednesday, 31 December 2008 | ||||
กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย..."
พระองค์สถิตในสวรรค์ 1. ความศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์เป็นสถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าคือผู้ศักดิ์สิทธิ์ บางคนจงใจใช้ความสัมพันธ์กับ "พ่อ" เป็นข้ออ้างที่จะดำเนินชีวิตสบาย ๆ และปล่อยตัวอยู่ในบาป โดยคิดว่า "เดี๋ยวพ่อ (พระเจ้า) ก็ยกโทษให้เองแหละ" แต่เราจะหยุดอยู่ที่คำว่า "พ่อของเรา" เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า "พ่อของเราอยู่ในสวรรค์" และทรงไว้ซึ่งความ "ศักดิ์สิทธิ์" ด้วย ในพระวรสารนักบุญมาระโก พระเยซูเจ้าทรงเรียกพระเจ้าเป็น "บิดา" เพียงหกครั้ง แสดงว่าแม้จะเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ยังเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของ "พระบิดา" ผู้สถิตในสวรรค์ เพราะฉะนั้นเราต้องดำเนินชีวิตอย่าง "ศักดิ์สิทธิ์" เฉกเช่นเดียวกับ "พ่อในสวรรค์" ของเราทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย 2. พระอานุภาพ (power) สวรรค์ให้ความรู้สึกว่าเป็นสถานที่ของผู้ทรงฤทธิ์ พ่อแม่ทุกคนย่อมรักลูก ปรารถนาให้ลูกเป็นคนดีและประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ไม่ใช่ว่าความรักของพ่อแม่จะช่วยให้ลูกเป็นคนดีหรือประสบความสำเร็จได้ทุกคน หลายครั้งด้วยซ้ำไปที่ความรักตามประสามนุษย์มักลงเอยด้วยความผิดหวังเพราะว่าเราไม่มีฤทธิ์อำนาจ แต่ "พ่อ" ของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ ทุกคนที่มาพึ่งพา "ความรัก" ของพระองค์จะไม่มีทางพบกับคำว่าผิดหวัง เราจึงวางใจในพระเจ้าผู้เป็น "พ่อ" ของเราได้อย่างเต็มเปี่ยม และแต่เพียงผู้เดียว พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ คำ สักการะ ตรงกับคำกริยากรีก hagiazesthai (ฮากีอาเซสธาย) ซึ่งมีรากศัพท์เดียวกันกับคำคุณศัพท์ hagios (ฮากีออส) ฮากีออส แปลตามตัวคือ "แยก, แตกต่าง" แต่โดยทั่วไปมักแปลว่า "ศักดิ์สิทธิ์" สักการะ หรือ ฮากีอาเซสธาย จึงหมายถึงการ "ทำให้สิ่งหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการแยกให้แตกต่างจากสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่น" วัดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ฮากีออส) เพราะถูกแยกออกมาให้แตกต่างจากสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ วันของพระเจ้าก็ศักดิ์สิทธิ์เพราะถูกแยกออกมาจากวันอื่นเพื่อพระเจ้าโดยเฉพาะ เป็นต้น คำวอนขอนี้จึงหมายถึง "ขอให้พระนามของพระเจ้าได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากนามอื่น" หรือ "ขอให้พระนามของพระองค์อยู่ในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์สูงสุด ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน" อนึ่งคำ พระนาม ในภาษาฮีบรูมีความหมายพิเศษเพราะไม่ได้หมายถึงเพียง "ชื่อ" หรือ "นาม" ที่ใช้เรียกคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่หมายรวมถึง "บุคลิกลักษณะหรือธรรมชาติเฉพาะ" ที่ทำให้เป็น "บุคคลคนนั้น" หรือพูดง่าย ๆ คือหมายถึง "คนนั้นทั้งคน" พระคัมภีร์กล่าวว่า "ผู้ที่รู้จักพระนาม ย่อมวางใจในพระองค์" (สดด 9:10) ความหมายคือ ผู้ที่รู้จักบุคลิกลักษณะและธรรมชาติของพระเจ้าว่าทรงเป็นเช่นใดแล้วเท่านั้น จึงจะกล้าวางใจในพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่รู้จักชื่อของพระเจ้าก็วางใจในพระองค์แล้ว "บางคนหวังพึ่งรถศึก บางคนทระนงด้วยม้าศึก แต่เราทั้งหลายเรียกหาพระนามพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา" (สดด 20:7) ยอมบ่งบอกชัดเจนว่าในยามสงคราม ชาวยิววางใจพระเจ้าไม่ใช่เพราะจำได้ว่าพระองค์ชื่อยาห์เวห์ แต่เพราะพวกเขารู้จักธรรมชาติของพระองค์ว่าทรงฤทธิ์และทรงรักพวกเขามากเพียงใด ประกาศกอิสยาห์ทำนายถึงยุคสมัยของพระเมสสิยาห์ไว้ว่า "ประชากรของเราจะรู้จักพระนามของเรา" (อสย 52:6) นั่นคือรู้จริงและรู้อย่างเต็มเปี่ยมว่าพระเจ้าทรงเป็นเช่นใด เพราะพระเมสสิยาห์คงไม่เสด็จมาเพียงเพื่อบอกว่าพระเจ้าชื่ออะไรเท่านั้น เมื่อรวมความหมายของคำว่า "พระนาม" และ "สักการะ" เข้าด้วยกัน เราอาจอธิบายความหมายของคำวอนขอประการนี้ได้ว่า "โปรดให้เราสามารถวางพระเจ้าไว้ในที่อันเหมาะสมกับธรรมชาติของพระองค์" หรือสั้น ๆ คือ "โปรดให้เรามีความเคารพยำเกรงพระเจ้า" (Reverence) เพื่อจะได้ชื่อว่ามีความเคารพยำเกรงพระเจ้า เราต้อง 1. เชื่อว่ามีพระเจ้า เพราะเราไม่อาจเคารพยำเกรงผู้ที่ไม่มีตัวตนได้ 2. รู้จักพระองค์ ผู้ทรงมีคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการคือ "ศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรม และเปี่ยมด้วยความรัก" หากพระองค์เป็นเหมือนเทพเจ้ากรีกที่ชอบกลั่นแกล้งมนุษย์ให้เกรงกลัว เราคงไม่เคารพรักพระองค์เป็นแน่ 3. รับรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่ทุกแห่ง และทุกเวลา 4. นบนอบเชื่อฟังพระองค์ ติดตามอ่าน ตอนที่ 3 ...พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์... ได้ในวันพุธหน้า (7 ม.ค. 52)
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|