บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
บทไตร่ตรอง เพื่อสันติสุขในสังคมไทย โดย บาทหลวงพยนต์ ศันสนยุทธ |
Tuesday, 02 December 2008 | |||||
บทไตร่ตรอง เพื่อสันติสุขในสังคมไทย
จึงขอใช้โอกาสนี้ เชิญชวนให้คริสตชนทุกคนหันกลับมาทบทวนและทำการไตร่ตรองตนเอง ใช้ศาสนธรรมเป็นธรรมะนำความคิด ขอเริ่มที่การพิจารณาถึง พระผู้สร้างได้ประทานชีวิตให้แก่มนุษย์ ให้เอาใจใส่ดูแลมิใช่ให้ใช้ตามใจชอบ แต่ให้รักษาดูแลชีวิตด้วยปรีชาญาณ ให้เพื่อนมนุษย์ดูแลซึ่งกันและกันฉันพี่น้องตามกฎการให้และการรับ กฎแห่งการอุทิศตนและยอมรับผู้อื่น ความหมายของกฎแห่งการให้และการรับ คือ การที่เราถูกมอบให้แก่กันและกัน พระจิตเจ้าผู้ทรงสร้างความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวด้วยความรัก ทรงสร้างความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง และสมานฉันท์ระหว่างเรา ซึ่งสะท้อนออกอย่างแท้จริงแห่งการให้และการรับซึ่งกันและกัน พระจิตเจ้ากลายเป็นกฎเกณฑ์ใหม่ ได้ปลุกความรับผิดชอบในตัวเราให้ร่วมอุทิศตนแก่กันและกัน และในการยอมรับผู้อื่น เนื่องจากว่า เราจะมีส่วนในความรักที่ไม่มีขอบเขตของพระคริสตเยซู (EVANGELIUM VITAE no. 76) ช่วงเวลานี้จึงเป็นความจำเป็นสำหรับคริสตชนทั้งหลาย ที่จะร่วมกันเสวนาแสวงหาแนวทางการสร้างสันติในสังคม นับเป็นสิ่งที่ท้าทายชีวิตเป็นอย่างมาก แต่เป็นความกล้าหาญที่สังคมต้องการ เมื่อแต่ละคนยินดีและพร้อมที่จะก้าวออกมาจากตัวตนของตนเอง โดยตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานแห่งการเสวนาระหว่างชีวิตกับชีวิต เป็นการสนทนาด้วยจิตวิญญาณที่สูงล้ำ ใช้สติที่เกิดจากธรรมปัญญา จากหลักการนี้ เราต้องมีความอดทน โดยเฉพาะต่อความพลาดพลั้งของคนที่อ่อนแอ ต้องเอาใจใส่ต่อกันเพื่อความดีและการค้ำจุนกัน ต้องรู้จักยอมรับกันและกัน การเสวนาจึงจะเกิดขึ้นได้ แต่หลายครั้งทีเดียว ที่เราไม่สามารถก้าวผ่านอุปสรรคและข้อจำกัดอันมากมาย นั่นเป็นเพราะเรามีความต้องการที่จะปกป้องตัวเองมากกว่าที่จะยอมลดสลายความเป็นตัวตนให้น้อยลง พี่น้องคริสตชน พระดำรัสที่พระเยซูเจ้าทรงสอน "จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์" (ยน.15 : 9 -10) หมายความว่า หากเราดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำเราข้ามผ่านสิ่งขัดขวางเหล่านั้น "ความรัก" จึงเป็นประตูชัยที่จะทำให้เราขยับสูงขึ้น ให้รู้จักปฏิเสธตัวเอง ให้รู้จักชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และได้รับการเยียวยารักษา (Dues Caritas Est no.5) สิ่งนี้จึงหมายถึงสภาวะที่พระเจ้าได้นำเราเข้าไปสู่การเสวนาที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรามิอาจเมินเฉย คือ การคัดค้านการใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต และถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เราจะต้องรักและเคารพชีวิตของมนุษย์ชายหญิงทุกคน ชีวิตของเพื่อนมนุษย์จะได้รับการปกป้อง โดยเฉพาะเวลาที่ชีวิตของเขาอ่อนแอหรือถูกคุกคาม หน้าที่นี้ไม่เป็นเพียงการกระทำส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำส่วนรวมที่ทุกคนต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน คริสตชนต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณค่าของชีวิตในทุกกรณี ต้องมีวิธีพูดและวิธีปฏิบัติที่เคารพและส่งเสริมคุณค่าศักดิ์ศรีของมนุษย์ ต้องยืนยันและเป็นประจักษ์พยานถึงความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา ในขณะที่สังคมไทยกำลังประสบปัญหากับความขัดแย้งกันทางความคิด เพราะความแตกต่างของความเป็นบุคคล ความแตกต่างระหว่างชายและหญิง ช่องว่างระหว่างฐานะชนชั้น ทัศนคติที่เต็มไปด้วยอคติ หรือการรับรู้ข้อมูลข่าวสารฝ่ายเดียว ทำให้ทุกคนในสังคมไม่ยอมรับและไม่เคารพในความแตกต่างที่มนุษย์แต่ละคนมี ถือเป็น เสียงเรียกขานถึงการปฏิบัติตนและการมีท่าทีอย่างไรในสังคม ที่กำลังดังขึ้นอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เราต้องกระทำอะไรบางอย่างในสถานการณ์ที่เป็นความขัดแย้งในสังคม เสียงนี้เป็นการเรียกของพระจิตเจ้า "นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน" (ยน.15:12) พระองค์ต้องการให้เราใช้หลักการพื้นฐานของการมีชีวิต คือ ใช้จิตตารมณ์แห่งความรักเพื่อสร้างสังคมที่อ่อนโยน ให้กลับคืนสู่สังคมแห่งความรักสมานฉันท์ สังคมแห่งความยุติธรรมและสันติ ขอยกตัวอย่างจิตตารมณ์แห่งความรักจากประสบการณ์ของนักบุญยอห์นเพื่อเราจะได้เรียนรู้ถึงแนวทางปฏิบัติ "หากข้าพเจ้าไม่ได้มีการสัมผัสใดเลยกับพระเจ้าในชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะมองคนอื่นเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเป็นคนอื่น ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าในตัวเขาได้เลย แต่หากในชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจผู้อื่นเลย เพราะต้องการที่จะเป็นคน "ศรัทธา" และ "ปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนา" อยู่อย่างเดียว หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ของข้าพเจ้ากับพระเจ้าก็จะแห้งแล้งสิ้นดี มันคงกลายเป็นแค่ "ก็ดีอยู่" แต่ไม่มีความรักเลย" (Dues Caritas Est no.18) เพื่อความหวังเหล่านี้จะได้บรรลุผล จึงขอให้เหล่าพี่น้องคริสตศาสนิกชน ได้ใช้แนวทางแห่งความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อตนเอง และต่อผู้อื่น ด้วยการเปิดใจยอมรับและการยกย่องให้เกียรติศักดิ์ศรี ใช้ความรัก ความเมตตา ความใจกว้าง ใจที่ให้อภัย เพื่อให้ทุกคนพ้นอคติต่างๆ และพร้อมที่จะก้าวออกไปสู่สังคมแห่งความสงบสุข
ขอพระพรแห่งความรักและสันติสุข จงบังเกิดขึ้นในจิตใจของเราทุกคน
จิตตาธิการ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ
Powered by AkoComment 2.0! |
< ก่อนหน้า | ถัดไป > |
---|