ชมภาพจาก
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 4
ค่าย ยส. 4 มีอะไรดีๆ มาฝาก...
ปิดเทอมเมื่อต้นเดือนตุลาที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเข้าค่ายเยาวชนที่ อ.ปากช่อง เป็นค่ายที่สนุกและประทับใจมากๆ เลยอยากเอามาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ที่สนใจทำกิจกรรมสนุกๆ หรือกำลังมองหาค่ายดีๆ มีสาระเพื่อเข้าร่วมในช่วงปิดเทอมหน้า
ค่ายนี้มีชื่อว่า ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.) จัดให้กับเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ปวช. ก็ได้) เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน และสิทธิของเด็กในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อจะได้นำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตของตนเอง ครอบครัวและสังคมได้ ค่ายครั้งนี้เป็นการจัดครั้งที่ 4 ของ ยส. ซึ่งเลือกสถานที่จัดได้อินเทรนด์กับสถานการณ์โลกมากๆ คือจัดที่อาศรมพลังงาน อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากอาศรมพลังงานเป็นสถานที่ที่ดำเนินงานในเรื่องการแสวงหาพลังงานทางเลือก การดำรงชีวิตแบบพึ่งตนเอง และการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ค่าย ยส. 4 จัดเมื่อวันที่ 6-9 ตุลาคม 2551 มีเพื่อนๆ จากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมทั้งหมด 36 คน จาก 15 โรงเรียน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ราชบุรี ชลบุรี นครราชสีมา สกลนคร กำแพงเพชร และที่ไกลสุดๆ ก็มาจากสุราษฎร์ธานีโน่นแน่ะ
เริ่มตั้งแต่การเดินทางที่แสนสะดวกสบาย โดยรถบัสที่พี่ทีมงานจัดไว้รอรับพวกเราที่จุดนัดพบหน้าห้างสยามจัสโก้ รัชดา พอรถเริ่มออกเดินทาง ก็มีพี่ๆ ทีมสันทนาการนำเล่นกิจกรรมบนรถ สนุกมั่ง แป้กมั่ง ไปตามเรื่องตามราว จนกระทั่งหลับไป แต่พอมาถึงอาศรมฯ ปุ๊บ ฉับพลันนั้นเอง! เราก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติ สงบ ร่มรื่น ท่ามกลางแมกไม้สายลมของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อากาศช่างสดชื่นจริงๆ ยังไม่ทันที่รถจะได้จอดสนิทดี พี่ๆ ทีมงานก็กุลีกุจอมารับพวกเราไปลงทะเบียนกันอย่างชุลมุลชุลเกเป็นที่สุด แต่ก็โอเคนะ เพราะได้ของแจกเพียบ ทั้งเสื้อค่าย กระเป๋าผ้าดิบ (อินเทรนด์อีกแล้ว) สมุดค่าย สมุดโน้ตสิทธิเด็ก และเอกสารความรู้อีกมากมาย (คุ้มจริงๆ เลย 300บาทเนี่ยะ) หลังจากเข้าห้องพักเก็บของแล้ว ก็มาปฐมนิเทศกัน มีพี่เจ้าหน้าที่จากอาศรมพลังงานมาแนะนำสถานที่แบบย่อๆ ให้ฟัง แล้วบอกว่าพรุ่งนี้พวกเราก็จะได้ทดลองทำกิจกรรมต่างๆ ของอาศรมฯ ด้วย
จากนั้นก็มีพี่อัจฉรา (เลขาธิการ ยส.) มาให้ความรู้กับพวกเราเรื่องศักดิ์ศรีและสิทธิของความเป็นมนุษย์ โดยให้พวกเราทำกิจกรรมที่ชื่อว่า กล้วยของฉันหายไปไหน? ซึ่งสรุปเนื้อหาก็คือ คนเราอาจมีลักษณะที่มองเห็นภายนอกแตกต่างกัน เหมือนเปลือกกล้วยที่มีรอยตำหนิแตกต่างกันไป แต่โดยเนื้อแท้ของมนุษย์ทุกคนแล้ว ล้วนมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน เหมือนกับเนื้อในของกล้วยที่เหมือนกัน (เหมือนจนแยกไม่ออกจริงๆ) ถัดจากนั้นก็เป็นกิจกรรม ความจำเป็นหรือความต้องการ? พี่อัจก็ให้พวกเราช่วยกันคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของเราบ้าง ซึ่งพวกเราก็ช่วยกันตอบไป บางอย่างก็เป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ บางอย่างก็เป็นความต้องการที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไร แล้วพี่อัจก็สรุปให้ฟังว่า สิ่งจำเป็นที่มนุษย์ทุกคนต้องได้รับเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ในฐานที่เป็นมนุษย์ ก็คือสิทธิมนุษยชนนั่นเอง (โอ้! สิทธิมนุษยชนคือสิ่งนี้เองหรือนี่?)
ช่วงบ่าย พวกเราก็ได้เข้าฐานกิจกรรมที่ชื่อว่า เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชน หรือที่เรียกอย่างเท่ห์ๆ ว่า Human Right Walk Rally มีอยู่ด้วยกัน 5 ฐาน แต่ละฐานงี้สนุกมั่กๆ ฐานแรกก็นี่เลย ฐานจินตนาการของฉัน นำโดยพี่ไพ (มือจ่ายตังประจำค่าย) ฐานนี้ก็ทำให้เราเรียนรู้ว่า คนเรามีจินตนาการและความคิดที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด จะมีใครมาแย่งชิงเอาจากเราไปไม่ได้ เช่นเดียวกันกับสิทธิมนุษยชนที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่เกิด จะมีใครแย่งชิงเอาจากเราไปไม่ได้เช่นกัน และความคิดของคนแต่ละคนอาจเหมือนหรือต่างกัน ซึ่งคนเราก็ควรจะเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของคนอื่นด้วย ฐานที่สองก็คือ ฐานภาพลวงตา นำโดยพี่นุชสุดสวยนั่นเอง ฐานนี้ก็สอนเรื่องความยุติธรรมและความไม่เท่าเทียมกันที่เราต้องพบเจอในสังคมปัจจุบัน ฐานต่อมาก็ ฐานเรือมนุษย์ นำโดยพี่สุ (แม่น้องปาย) ฐานนี้ก็ทำให้เราได้ตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความ
เป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าแต่ละคนจะมีความแตกต่างด้านเชื้อชาติ ศาสนา สถานะทางสังคม หรือสภาพร่างกายก็ตาม มาฐานที่สี่ก็ ฐานบันไดชีวิต สิทธิของฉัน นำโดยพี่เล็กจอมเฮี้ยบ ฐานนี้ก็เป็นฐานที่ทำให้เรารู้ว่า คนเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เรามีสิทธิอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่สิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดู สิทธิในการศึกษา สิทธิในการทำงาน สิทธิในครอบครัว สิทธิด้านสุขภาพ และสิทธิอื่นๆ อีกมากมาย ฐานสุดท้ายเป็นฐานของพี่อัจ ชื่อ ฐานสิทธิมนุษยชนเป็นสากล ฐานนี้ทำให้เรารู้ว่าสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องที่อยู่ไกลตัวเลย แต่เป็นเรื่องที่อยู่รอบๆ ตัว ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องของทุกคนในสังคมเหมือนกับชื่อฐานนั่นแหละ ปิดท้ายด้วยฐานสีแห่งสามัคคี ซึ่งสอนให้เรารู้ว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จากการที่เราต้องช่วยเหลือกัน และการไม่เลือกปฏิบัติต่อคนอื่น เพียงเพราะเขามีความแตกต่างจากเรา หรือไม่ใช่พวกเรา
พอตกค่ำ พี่ๆ ก็จัดฉายหนังเรื่อง Erin Brockovich ให้พวกเราดู พวกเราเลยนอนเอกเขนกดูกันสบายใจเฉิบ ก็มีบางคนที่แอบหลับบ้าง พอหนังจบ พวกพี่ๆ ก็ชวนพวกเราพูดคุยกันถึงสาระในหนังเรื่องนี้ ซึ่งมีประเด็นให้เรียนรู้หลายอย่าง เช่น สิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารจากรัฐ สิทธิเรื่องการทำงาน สิทธิที่จะดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด บริสุทธิ์ ไม่ควรที่จะมีใครมาทำให้อากาศ น้ำ และผืนดินที่เราอาศัยอยู่ต้องมีมลพิษ หากมีใครมาทำอย่างนั้น เราและชุมชนของเราก็มีสิทธิจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้
เช้าวันที่สอง พวกเราถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า (ซึ่งเป็นอะไรที่เช้าตรู่มากๆ สำหรับพวกเรา) ก็มีพี่ยะและพี่กั้ง นำออกกำลังกายสนุกๆ จากนั้นก็มาอาบน้ำ กินอาหารเช้ากัน ขอบอกว่าค่ายนี้อาหารอร่อยมั่กๆ ขนมก็เยอะแยะ (แบบว่าที่กินไปมื้อเช้ายังไม่ทันย่อยเลย ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว) กิจกรรมวันนี้เริ่มด้วยการเรียนรู้เรื่องปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ด้วยการดูสื่อที่ Hi-Tech สุดๆ และก็ทำกิจกรรมที่ชื่อว่าเกมอัจฉริยุฯ (เกมอัจฉริยะ + ยุวสิทธิ) กิจกรรมนี้ทำให้เรารู้ว่าสิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวมาตั้งแต่เกิดในฐานที่เกิดมาเป็นมนุษย์ โดยจะมีใครมาแย่งชิงหรือเอาไปจากใครไม่ได้ เป็นสิทธิที่มนุษย์ทุกคนต้องได้รับตั้งแต่เกิดจนถึงกระทั่งตาย ซึ่งสิทธิเหล่านี้ได้รับการประกาศรับรองไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยสหประชาชาติ ตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
บ่ายวันนี้ก็เป็นช่วงของกิจกรรมสัมผัสชีวิต อาศรมพลังงาน : วิถีชีวิตทางเลือก เป็นวันที่พวกเราได้เรียนรู้และร่วมกิจกรรมต่างๆ ของอาศรมพลังงาน แม้ว่าอากาศจะไม่ค่อยเป็นใจ ฝนตกพรำๆ ตลอด แต่ก็สนุกไปอีกแบบ วันนี้เราก็ได้ไปดูกระบวนการเผาถ่านด้วยเตา 200 ลิตร ซึ่งจะให้ถ่านคุณภาพสูง และได้น้ำส้มควันไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรแบบธรรมชาติได้ด้วย ไปดูวิธีการผลิตไบโอดีเซล ที่ทำจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว การทำน้ำยาล้างจานจากผลไม้และพืชธรรมชาติ ได้ศึกษาถึงวิธีการทำงานของเครื่องทำความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ และฐานสุดท้ายได้เรียนรู้เกี่ยวกับการประหยัดพลังงานภายใน อาคาร โดยใช้วิธีการที่หลากหลายผสมผสานกัน เช่น การใช้แสงธรรมชาติเพิ่มความสว่างให้ตัวอาคาร การใช้ประโยชน์จากความเย็นและร่มเงาของต้นไม้ การใช้ฉนวนป้องกันความร้อนจากหลังคา ฯลฯ จากทุกกิจกรรมที่เราเข้าร่วม ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เราสามารถจะใช้ชีวิตตามวิถีแห่งการพึ่งตนเองได้ หากเราเปิดใจที่จะเรียนรู้และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงจากตัวเราก่อน แล้วจึงช่วยกันขยายสู่สังคมต่อไป
วันที่สาม หลังจากสนุกสนานจากการนำกิจกรรมสันทนาการโดยพี่ยะและพี่กั้งแล้ว ก็มีพี่เก๋ (คุณณัฐวุฒิ บัวประทุม นักกฎหมายจากมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก) มาให้ความรู้และนำกิจกรรมเกี่ยวกับสิทธิเด็ก โดยให้พวกเราช่วยกันหาข่าวที่เกี่ยวกับสถานการณ์เด็ก แล้วนำเสนอ เพื่อนๆ แต่ละกลุ่มก็นำเสนอเป็นละครบ้าง รายการต่างๆ บ้าง กิจกรรมนี้ทำให้เราได้รับทราบถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กในปัจจุบัน และได้รับความรู้ว่าเด็กก็ได้รับความคุ้มครองสิทธิต่างๆ ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
ช่วงบ่ายก็เป็นช่วงบทบาทการมีส่วนร่วมของเยาวชน มีการฉายวีดีทัศน์เรื่อง The Story of Stuff ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรของมนุษย์ การบริโภควัตถุอย่างสิ้นเปลือง กระบวนการผลิตสินค้าที่ส่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งเรื่องทรัพยากร สิทธิแรงงาน และมลพิษในสิ่งแวดล้อม จากนั้นก็เป็นช่วงให้พวกเราได้ทำแปลงเกษตร เป็นช่วงที่พวกเราชอบกันมาก เพราะอยู่ในเมืองไม่มีโอกาสได้คลุกดินกันอย่างนี้เลย ซึ่งกิจกรรมนี้ทำให้เราเรียนรู้ว่า พวกเราเยาวชนก็สามารถที่จะเป็นพลังในการดูแลและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับโลกได้ และยังเป็นการส่งเสริมสิทธิในการดำรงชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วย
ค่ำคืนสุดท้าย เป็นคืนที่พวกเราประทับใจมาก เริ่มต้นด้วยการนำเล่นเกมสนุกๆ จากพี่ยะและพี่กั้ง (ช่างปล่อยมุกกันเรี่ยราด แบบไม่กลัวแป้กเล้ย!) ตามมาด้วยการเฉลยบั๊ดดี้ (ที่แอบ Take care แบบไม่ค่อยลงทุนเท่าไร) แล้วก็มาร่วมกันชื่นชมภาพสวยๆ หล่อๆ ของพวกเรา ด้วยฝีมือการทำ Presentation ของพี่นุช และที่ฮากันสุดๆ ก็เฉลย 10 อันดับที่สุดของค่าย ก็เป็นไปตามความคาดหมายกับตำแหน่งขวัญใจชาวค่ายของน้องคิว และรองอันดับหนึ่งที่ตกเป็นของน้องโจซี่ (ดูจากภาพก็คงรู้ว่าเริ่ดขนาดไหน ฮิฮิ) จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเราจะได้โชว์ความสามารถด้านการแสดง (ระดับรางรางวัลออสการ์เลยทีเดียว) แต่ละกลุ่มก็นำเสนอการแสดงที่สื่อเรื่องสิทธิมนุษยชน แบบเล่นกันเอง ฮากันเอง ปิดท้ายด้วยพิธีบายศรีสู่ขวัญจากพี่ๆ ทีมงาน โดยให้พวกเราแต่ละคนได้พูดเปิดใจ ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่ได้รับจากค่าย แต่ละคนพูดได้ซึ้งมาก (อย่างไม่น่าเชื่อ) เพื่อนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความรู้และความประทับใจไปมากมาย ทั้งความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน ความรู้เรื่องพลังงานทดแทน ความสนุกสนาน และมิตรภาพจากเพื่อนๆ และพี่ๆ ทีมงาน พวกเราจะจดจำสิ่งที่ได้รับนี้นำไปเผยแพร่ให้เพื่อนคนอื่นได้รับรู้ต่อไป นี่คือคำมั่นสัญญาจากพวกเราชาว ยส.4
ศักดา รายงาน
~ :::::::::::::::::::::::::::::::: ~
แวะเยี่ยมชมเว็บบอร์ด ยส. กันบ้างนะจ๊ะ
พี่เปิดห้องสำหรับพวกเราชาวค่ายไว้ให้ด้วยนะ เข้าไปขีดๆ เขียนๆ
ฝากข้อความถึงเพื่อนๆ ได้จ้า
อย่าลืม... สมัครสมาชิกก่อนนะจ๊ะ
***************
|
เขียนโดย ป๋องแป๋งเอง เปิด 2009-09-06 16:39:41 คิดถึงเพื่อนๆที่ค่ายจังเรยยย มากมายย | รูปค่ายจ้า เขียนโดย admin เปิด 2009-01-05 10:56:12 สวัสดีจ้า น้องริว ถ้าน้องริวอยากได้รูปค่ายก็ส่งแผ่น DVD เปล่ามา 1 แผ่นนะคะ ใส่ซอง ติดแสตมป์ 6 บาท แล้วก็จ่าหน้าซองถึงตัวเอง ใส่ซองอีกที แล้วส่งมาที่ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.) 2492 ซ.ประชาสงเคราะห์ 24 ถ.ประชาสงเคราะห์ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10400 | คิดถึงเพื่อนๆๆพี่ๆๆชาวค่าย ย.ส. 4 เขียนโดย ริวเองครับ เปิด 2008-12-24 12:33:13 สวัดดีครับพี่ๆๆทุกคนพี่ๆสบายดีกันรึป่าวครับอยากได้รูปตอนที่ไ
ปเข้าค่ายมากครับช่วยบอกหน่อยครับ |
Powered by AkoComment 2.0! |