หน้าหลัก arrow ข่าวย้อนหลัง arrow เสวนา ก้าวผ่านความรุนแรงด้วยศาสนธรรม (ตอนที่ 3) โดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์
หน้าหลัก
รู้จักยส
อยู่กับปวงประชา
ข่าวย้อนหลัง
เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ผู้ไถ่ : รายงานสถานการณ์
การศึกษาเพื่อสิทธิ&สันติภาพ
สื่อสิ่งพิมพ์ ยส.
มุมมองสิทธิฯ ในหนัง
กิจกรรม ยส.
คลังภาพ ยส.
เว็บบอร์ด ยส.
เว็บเพื่อนบ้าน
Facebook ยส.

ยส. (ยุติธรรมและสันติ)

จำนวนผู้เข้าชม
ขณะนี้มี 161 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

คลิก เขียนสมุดเยี่ยมคลิก เขียนสมุดเยี่ยม
ขอบคุณทุกท่าน
ที่แวะเข้ามาค่ะ

แนะนำสื่อ ฉบับล่าสุด


วารสารผู้ไถ่ ฉบับที่ 123: ชีวิต การต่อสู้ เพื่อความดีของกันและกัน กำลังใจ ความรัก และความหวัง
 วารสารผู้ไถ่
ฉบับที่ 123


วันสันติสากล 1 มกราคม 2024
 สารวันสันติสากล
1 มกราคม 2024
ปัญญาประดิษฐ์
และสันติภาพ


น้ำแห่งชีวิต (Aqua fons vitae)
 น้ำแห่งชีวิต
(Aqua fons vitae)
สมณกระทรวงเพื่อ
ส่งเสริมการพัฒนา
มนุษย์แบบองค์รวม


สมณลิขิตเตือนใจ...แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA)
 แอมะซอนที่รัก
(QUERIDA AMAZONIA)
สมณลิขิตเตือนใจ...
ของสมเด็จ-
พระสันตะปาปาฟรังซิส


จงสรรเสริญพระเจ้า... การก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องของเอเชีย
หนังสือแปล
จงสรรเสริญพระเจ้า...
การก้าวออกไป
อย่างต่อเนื่องของเอเชีย


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 2 และ3
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร
ภาคที่ 2 และ3
 


ประมวลหลักคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ภาคที่ 1
หนังสือแปล
Compendium...
ประมวลหลักคำสอน
ด้านสังคมของ
พระศาสนจักร ภาคที่ 1



หนังสือ Jesus CEO :  พระเยซูเจ้า นักบริหารชั้นนำ
หนังสือแปล
Jesus CEO :
พระเยซูเจ้า
นักบริหารชั้นนำ



หนังสือ เส้นทางสู่สิทธิมนุษยชนศึกษา
หนังสือ เส้นทางสู่
สิทธิมนุษยชนศึกษา


พระสมณสาสน์ความรักในความจริง : Caritas in Veritate
หนังสือแปล
Caritas in Veritate :

พระสมณสาสน์
ความรักในความจริง



โปสเตอร์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ พ.ศ.2532
โปสเตอร์
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.2532


เว็บเพื่อนบ้าน

แวดวงต่างประเทศ

Pax Christi International - PCI

ACPP - Hotline Asia


ดูเว็บอื่นๆ ในหมวด

เว็บน่าสนใจ

เว็บด้านสิทธิฯ

ข่าวสาร/บันเทิง

หน่วยงานองค์กรคาทอลิก

บทความล่าสุด

   อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
และไม่ผูกพันกับคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ

ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
แต่กรุณาระบุชื่อผู้เขียน และแหล่งที่มาด้วย ขอบคุณค่ะ

 

Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน

  • โอนเข้าบัญชี ในนาม
    คณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกยุติธรรมและสันติ 
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 084-2-07639-2
    (กรุณา
    ส่งสำเนาการโอนเงินทางอีเมล์ ccjpthai@gmail.com)
    (หรือ ส่งสำเนามาที่ LINE:
    https://lin.ee/LdMulwv)

  • ทางธนาณัติ สั่งจ่ายในนาม “ปริญดา วาปีกัง” ตู้ ปณ. สุทธิสาร (10321)
    114 (2492) ถ.ประชาสงเคราะห์ ซอย 24 ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

เสวนา ก้าวผ่านความรุนแรงด้วยศาสนธรรม (ตอนที่ 3) โดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์ พิมพ์
Wednesday, 22 October 2008

 กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ก่อน

------------------------------------------------

-ตอนที่ 3-

Imageปุจฉา : ความรุนแรงเป็นความชั่วชนิดหนึ่ง ซึ่งสังคมเรายังมีความชั่วอีกมากมาย เคยเข้าร่วมประชุมเรื่องศาสนากับหน่วยงานระดับชาติ พบว่าปัญหาเยาวชนเป็นปัญหาที่สำคัญมาก เพราะวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา กระแสสื่อสารมวลชนมีผลกระทบกับเด็ก รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการได้มีการฟื้นฟูคุณธรรมเด็กดี 10 ประการ และคุณธรรมพื้นฐาน 5 ข้อ ให้เด็กท่องจำและปฏิบัติ ต่อมาเปลี่ยนเป็นคุณธรรมที่สังคมควรปฏิบัติ 17 ข้อ แต่ไม่มีคุณธรรมด้านศาสนาอยู่เลย ควรทำอย่างไร เพราะรัฐบาลไม่สนใจเรื่องนี้เลย ทุ่มงบประมาณไปกับส่วนอื่นมากกว่า ทำอย่างไรให้ศาสนธรรมเข้าสู่ประชาชนได้มากกว่านี้

วิสัชนา : ความพยายามในการสร้างกฎเกณฑ์ สร้างระบบปฏิบัติ และเรียกร้องให้คนปฏิบัติตามไม่ค่อยประสบความสำเร็จ หลักปฏิบัติที่พูดถึงมักจะเป็นหลักปฏิบัติเพื่อกะเกณฑ์ให้คนอื่นปฏิบัติตาม พยายามยัดเยียดความหมายที่ดีงามของการปฏิบัติ โดยปราศจากความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ถูกบังคับให้ปฏิบัติ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังสองเรื่อง คือ

เรื่องแรก เป็นเรื่องของลูกศิษย์ที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณวันที่ 10-11 เมษายน ก่อนการเดินทางไปประเทศอินเดียในวันที่ 16 เมษายน 2550 โดยขณะนั้นได้มาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมเดินทาง และได้รับโทรศัพท์จากภรรยาว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งมาหา และคิดว่ากำลังมีปัญหา เพราะเห็นเธอร้องไห้ ยังพอมีเวลาที่จะกลับมาคุยกับเธอหรือไม่ ผมจึงได้เดินทางกลับไปที่ จ.เชียงใหม่ และได้ให้นักศึกษามาพบที่บ้าน เมื่อมาถึงเธอก็ร้องไห้ จึงบอกกับเธอว่า "ถ้ามีอะไรจะเล่าให้ผมฟังก็กรุณาเล่าเถิด เล่าในฐานะที่ผมเป็นเพื่อน  ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นครู เป็นอาจารย์ที่มีอำนาจในสถาบันแล้ว" เธอเล่าว่าเธอตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว เพื่อนทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้เห็นควรว่าให้ทำแท้ง เพราะจะเป็นปัญหากับเธอ และจะกระทบไปถึงครอบครัว วงศ์ตระกูล และสารพัดปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทางที่ดีที่สุด คือการเอาเด็กออก เธอบอกว่าคิดจะทำอย่างนั้น แต่นึกถึงผม อยากจะพบและบอกเรื่องนี้กับผม ผมบอกว่า "ขอบคุณมาก ที่ให้เกียรติผม ผมรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ คุณคงไม่ปรารถนาให้คนอื่นล่วงรู้ เพราะฉะนั้นจึงแสดงให้เห็นว่า ผมก็ไม่ใช่คนอื่นสำหรับเธอ เธอจึงปรารถนาให้ผมล่วงรู้ แม้แต่คุณแม่คุณพ่อของเธอก็ยังไม่ได้รับรู้ในตอนนี้  จึงขอบคุณเป็นที่สุดที่นึกถึงผม แต่ผมไม่มีคำสอน หรือคำแนะนำใดๆ เลย" ผมได้เล่าเรื่องของผมให้เธอฟังว่า "ผมมีความฝันเมื่อตอนแต่งงาน ที่ปรารถนาจะมีลูก ผ่านไป 1 ปี 2 ปี 3 ปี ความฝันก็ไม่จางหายที่อยากจะมีลูก ความสามารถที่จะทำอย่างอื่นทำได้เกือบทั้งหมด แต่ความสามารถที่จะมีลูก เป็นพ่อคนไม่สามารถทำได้ และไม่สามารถที่จะเป็นได้เลยจนกระทั่งปัจจุบันนี้  แม้ผมจะไม่มีความรู้โดยตรงว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่นั้น เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ผมพอระลึกนึกได้ผ่านการสังเกตและสัมผัสจากพ่อแม่ของผม ผมรู้ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่นั้นยิ่งใหญ่ ประดุจดังพระผู้เป็นเจ้า ถ้าใครได้เป็นพ่อเป็นแม่ก็มีสถานะไม่ต่างกับพระผู้เป็นเจ้า ผมไม่รู้จะแนะนำคุณอย่างไร แต่คุณก็โชคดีกว่าผม ที่คุณจะเป็นผู้ให้กำเนิดผู้อื่น และเป็นผู้ปกป้องผู้อื่น ให้ชีวิตใหม่แก่ผู้อื่น คุณจะทำอะไรก็ได้ ทำเถอะ อย่ากังวลเลย อย่ากังวลเพราะผม"  สุดท้ายเธอได้บอกว่า ไม่ใช่เป็นเพราะผมพูด แต่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เอาเด็กออก เพราะฉะนั้นขอให้บอกว่าเธอควรทำอย่างไรบ้างนับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมบอกว่าสิ่งที่ควรทำ คือ อย่าโทษคนอื่น อย่าเกลียดชังใคร ไม่ต้องโทษผู้ชายที่ทำให้คุณท้อง เพราะเขาก็น่าเห็นใจ เขาก็เป็นนักศึกษาเหมือนกัน มีพ่อแม่เหมือนกัน เขาคงไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นจะเกิดผลเช่นนี้ อย่าโกรธเขา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ต้องตระหนักและระลึกให้ได้ว่า สิ่งที่คุณทำมันก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า เป็นความผิดที่กระทบถึงผู้อื่น คุณพ่อ คุณแม่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณจะทำได้ คือ คุณสำนึกผิด นี่เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นความรู้ที่สำคัญมาก

ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่ค้นพบได้ขณะที่เดิน คือ รู้ว่าตัวเองผิด และก่อนที่จะเดินได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าต้องก้าวเดินทีละก้าว ด้วยจิตใจที่ผ่องใสและเบิกบาน ถ้าเมื่อใดจิตใจขุ่นมัว จะไม่ก้าวเท้าเดิน และรู้หรือไม่ว่าช่วงแรก ผมหยุดเดินบ่อยมาก และทุกครั้งที่หยุดเดิน ผมเรียนรู้ว่าจิตใจขุ่นมัวได้อย่างไร ทำไมถึงขุ่นมัว ทำไมจิตใจจึงไม่เบิกบาน และการเดินไปในแต่ละวัน ผมรู้ว่ามีความผิดอะไรเกิดขึ้นในใจ ผมได้บอกอะไรเธอไปเยอะ

Imageสิ่งหนึ่งที่พบหลังจากกลับมาประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ทันทีที่เธอรู้ว่าผมกลับสู่ประเทศไทยแล้ว ก็รีบมาพบผม และเอาโทรศัพท์มือถือซึ่งมีรูปลูกของเธอให้ผมดู และพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสว่า เธอผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการทำสิ่งหนึ่ง แต่ทำไม่ได้ คือ ต้องการคลอดลูกในวันที่ 23 ตุลาคม (วันเกิดของ อ.ประมวล) แต่กลับคลอดในวันที่ 12 ตุลาคม และสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ คุณแม่ฝากขอบพระคุณอาจารย์ และได้บอกว่าชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ได้พบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือความรัก ขอให้ตั้งสติคิดให้ได้ตั้งแต่วันนี้ คิดสิ่งใดที่ทำเพื่อลูก จงทำไป เธอบอกว่านับตั้งแต่วันที่มาพบผมที่บ้าน และจากผมไปในวันนั้น เธอไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์อีกเลยแม้แต่หยดเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นดื่มบ่อย และไม่ดื่มกาแฟ เพราะรู้ว่ากาแฟไม่เป็นผลดีต่อเด็กในครรภ์

ผมเล่าเรื่องนี้ เพราะต้องการบอกว่า ไม่มีใครถูก ใครผิด ใครชั่ว ใครดี แต่เล่าเรื่องนี้ด้วยความสะเทือนใจในความรู้สึกของผมเท่านั้นเอง เพราะความสะเทือนใจที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้อะไรบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ผมไม่มีอะไรที่จะแนะนำเลย นอกจากจะบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความรู้สึกภายในใจเรา และความรู้สึกที่เราจะต้องทำคือ จะทำอย่างไรไม่ให้ความรู้สึกในเชิงลบเกิดขึ้นในใจเรา ความรู้สึกเกลียดผู้อื่น ความรู้สึกว่าคนอื่นผิด ความรู้สึกว่าคนอื่นทำให้เราลำบาก เป็นความรู้สึกลบทั้งนั้นเลย

เรื่องที่สองที่อยากจะเล่า เป็นความทรงจำที่ดีมาก และเป็นความทรงจำที่ผมถือเป็นพันธะสัญญาว่าเมื่อมีโอกาสผมจะเล่าเรื่องนี้ ขณะนั้นผมยังเป็นอาจารย์อยู่คณะมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส  ผมในฐานะที่เป็นคนใต้ และมีความรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงมาก ประชาชนพี่น้องชาวใต้ถูกจับและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มัสยิดที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องเพื่อนของผม ถูกทำให้เป็นสถานที่ที่มีความรุนแรง ผมจำได้ว่าได้พบกับยุวมุสลิมที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี ได้สนทนากับยุวมุสลิมเป็นเวลา 2 วัน วันแรกพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น วันที่สองช่วงเวลาสามสี่โมงเย็นก่อนที่เราจะยุติการสนทนากัน ได้เปิดโอกาสให้พี่น้องมุสลิมบอกความในใจ และขอให้เชื่อมั่นในพวกเรา แม้เราจะไม่ได้นับถือพระอัลเลาะห์ ไม่ได้เป็นมุสลิมเหมือนพวกคุณ แต่เรามีศาสนธรรมอยู่ในใจ เราพร้อมจะรับฟังและรับความรู้สึกของเขาเพื่อมาบอกเล่าต่อ แต่ปรากฏว่าช่วงที่พูดกันนั้นได้มีความสะเทือนใจอะไรบางอย่าง สิ่งที่พูดกันมาในวันนี้ ความเชื่อมั่นในตัวพวกผม แม้จะไม่เชื่ออะไรมาก แต่ขอให้เชื่อในความเป็นมนุษย์ ผมอยากจะฟังสิ่งที่เป็นคำบอกจากทุกคนที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้าสิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำและพวกผมสามารถทำได้ ขอให้บอก ผมจำได้ว่ามีตัวแทนสุภาพสตรีคนหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า อยากให้บอกว่า พวกเราอยากเป็นมุสลิมที่ดี และเขาก็พูดต่อไม่ได้อีกเลย ผมไม่รู้จะกล่าวอะไรมากไปกว่าการจะบอกเขาว่า ขอให้จำไว้ว่าคำพูดนี่เป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผมจะประทับไว้ในใจ และผมจะบอกกับทุกคนเท่าที่มีโอกาสที่จะบอก ว่าคำพูดของเขาที่อยากจะเป็นมุสลิมที่ดีนั้น คือการที่เขาอยากจะบอกว่าเขามีศรัทธาในพระอัลเลาะห์ ขอให้เขาได้ศรัทธาและเป็นมุสลิมที่ดี ขอให้มีความศรัทธาตั้งมั่น ผมบอกว่าผมจะทำหน้าที่เพื่อนมนุษย์ที่จะบอกกับทุกคน ไม่มีอะไรในความเป็นมนุษย์ในความรู้สึกของผมขณะนี้ ที่มีความยิ่งใหญ่สูงส่งเท่ากับที่เราสามารถเชื่อมโยงความหมายแห่งการมีชีวิตอยู่ให้สัมพันธ์กับความหมายที่ดีงามสูงส่งได้ ผมเข้าใจว่าในคติของชาวมุสลิม ความหมายของชีวิตถูกนิยามขึ้นจากความผูกพันกับพระอัลเลาะห์ แม้จะมีความรัก แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ความรักงอกงามขึ้นในใจ ถ้าคนรักไม่ศรัทธาในพระอัลเลาะห์ นี่เป็นความยิ่งใหญ่ของเพื่อนมนุษย์ที่สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ และสร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตได้ วัยรุ่นหนุ่มสาว อย่าพูดถึงพระผู้เป็นเจ้าเลย แม้กระทั่งพ่อแม่ก็ไม่อยากให้มายุ่งเกี่ยวในเรื่องความรัก ที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเอง สิ่งที่ผมอยากจะพูดจากกรณีที่สอง คือ ผมมีความเชื่อมั่นในความหมายของการมีชีวิตอยู่ซึ่งยิ่งใหญ่มาก ถ้าเราได้ผูกโยงความเป็นตัวเราให้สัมพันธ์กับความศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่

ความรุนแรง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปความรุนแรงโดยตรง ที่ใช้อาวุธเบียดเบียนประหัตประหารกัน หรือความรุนแรงในแง่ของความชิงชังรังเกียจโดยใช้ข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง นับเป็นความรุนแรงทั้งนั้น

Imageยังมีเรื่องเล่าที่ทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจมาก วันหนึ่งขณะขับรถไปบนถนนระหว่างที่เลี้ยวรถ ได้เกิดเสียงดังข้างหลังรถ เพราะมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งมาชนประตูด้านหลัง ผมก็หยุดรถ และตกใจที่เป็นเหตุให้เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งต้องบาดเจ็บ จึงเดินไปที่ชายคนนั้น เมื่อเขาเห็นผม ก็ลุกขึ้นวิ่งและทิ้งรถไว้กลางถนน ผมได้วิ่งตามเขาจนทัน และบอกเขาว่าไม่ต้องคิดเรื่องผิดหรือถูก เจ็บหรือเปล่า ให้ไปขึ้นรถ จะพาไปหาหมอ แต่เขาพยายามปฏิเสธทั้งที่มีเลือดออก และพยายามกลับมายกรถขึ้น ซึ่งเขายังเป็นห่วงรถ จึงได้พารถเขาไปฝากที่บ้านหลังหนึ่งริมถนน และพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อจะได้ให้หมอตรวจ และได้ขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อภรรยาของเขา ไม่นานภรรยาเขาก็มา แน่นอนว่าผมรู้ว่าเขาเป็นชาวพม่า เนื่องจากเขาพูดไม่ชัด และไม่พยายามที่จะพูด เขาคงกลัวว่าการขับรถไปชนรถผม ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก จึงวิ่งหนี แต่ที่ผมสะเทือนใจมาก คือเขาเจ็บ เขายังวิ่งหนีผม ผมให้ทางโรงพยาบาลเอ๊กซเรย์อย่างดี แต่ไม่เป็นอะไร มีแค่แผลถลอก ผมได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและขอที่อยู่เขา และได้ตามไปหาเขาที่บ้าน จึงได้รู้ว่าเขาอยู่อย่างลำบาก ในทุกวันนี้ตัวเขาและลูกเขาจะมาหาผมที่บ้านทุกวันอาทิตย์ เพื่อมาช่วยผมทำงาน ซึ่งเป็นความผูกพันกัน เขาเองจะหาวิธีช่วยทำงานที่บ้าน เช่น ตัดหญ้า ให้ลูกช่วยเช็ดถูทำความสะอาดบ้าน สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ คือ น่าเสียดายที่ความรุนแรงยังคงมีอยู่ในสังคมไทย และเป็นความรุนแรงที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นความรุนแรงที่เราดูหมิ่นดูแคลน ไม่เห็นศักดิ์ศรีความหมายของความเป็นเพื่อนมนุษย์

การตอบคำถามท่านผู้ฟังนั้นยาว แต่คำตอบที่ผมอยากจะตอบนั้น คือ ผมไม่มีวิธีการที่จะบอก แต่ผมมีอารมณ์ที่จะแสดงออก ผมมีความรู้สึกว่าความรุนแรงที่ยิ่งใหญ่และได้แพร่ระบาดไปทั่ว คือ การที่เราไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเพื่อนมนุษย์ และการที่เราเห็นเพื่อนมนุษย์ด้อยค่ากว่าตัวเรา จนกระทั่งเราสามารถเบียดเบียนผู้อื่นได้ เพื่อประคับประคองความเป็นตัวเราให้เป็นไปในสิ่งที่ปรารถนา

 

Image

 ติดตามอ่าน ตอนที่ 4 ได้ในวันพุธหน้าค่ะ 

 

ความคิดเห็น

เขียนความคิดเห็น
ชื่อ:
หัวเรื่อง:
BBCode:Web AddressEmail AddressBold TextItalic TextUnderlined TextQuoteCodeOpen ListList ItemClose List
ความคิดเห็น:



รหัส:* Code

Powered by AkoComment 2.0!

< ก่อนหน้า   ถัดไป >