กลับไปอ่าน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ก่อน
+++++++++++++++++++++++++++++++
ความรัก (ตอนที่ 3)
โดย บาทหลวงชัยยะ กิจสวัสดิ์
ความรักในพระคัมภีร์
1. ความรักคือบทบัญญัติเอก
(35)มีคนหนึ่งเป็นบัณฑิตทางกฎหมายได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า (36)"พระอาจารย์
บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ" พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า
(37) "ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน (38) นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก
(39) บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน
คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง (40) ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้" (มธ 22:35-40)
บัณฑิตทางกฎหมายทูลถามเพื่อจะจับผิดพระเยซูเจ้าว่า "พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ" (มธ 22:36)
พวกเขาถกเถียงกันว่าในบรรดาธรรมบัญญัติ
613 ข้อ ซึ่งแยกออกเป็นประเภทสั่งให้ทำ 248 ข้อ และประเภทสั่งห้ามทำอีก 365
ข้อนั้น ข้อใดสำคัญที่สุด ?
บางคนยืนยันว่าการสวมพู่ห้อยที่ชายเสื้อสำคัญที่สุด
!
พวกเขาหวังว่าหากดึงพระองค์เข้ามาร่วมวงถกเถียงด้วย
บางทีพระองค์อาจพลาดท่าเสียทีเสนอทฤษฎีที่ไม่เข้าท่า พวกเขาจะได้กล่าวหาพระองค์ว่าหมิ่นประมาทศาสนาหรือพระเจ้าได้
แต่ไม่ว่าแผนการของพวกเขาจะเป็นเช่นใด
คำถามดังกล่าวได้นำไปสู่คำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบของคำว่า "ศาสนา"
สำหรับพระเยซูเจ้า
ศาสนาที่แท้จริงต้องมีองค์ประกอบ 2 ประการ กล่าวคือ
1. รักพระเจ้า
องค์ประกอบนี้พระองค์ทรงนำมาจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 6 ข้อที่ 5
ซึ่งระบุว่า "ท่านจะต้องรักพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน
สุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดกำลังของท่าน"
ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ
"เชมา" (Shema แปลว่า "จงฟัง") ซึ่งประกอบด้วยพระคัมภีร์
3 ตอนสั้น ๆ (ฉธบ 6:4-9; 11:13-21;
กดว 15:37-41) ที่ชาวยิวถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของความเชื่อในศาสนายิว ชาวยิวทุกคนต้องสวด "เชมา" ทุกเช้าเย็น จนกลายเป็นสิ่งแรกที่เด็กยิวทุกคนท่องจำได้
พระองค์ทรงนำสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของศาสนายิวมาดัดแปลงจาก
"สุดกำลัง" เป็น "สุดสติปัญญา" เพื่อเตือนพวกฟาริสีให้เลิกเล่น "เกมลับสมอง" ด้วยการคิดค้น ตีความ
หรือประดิษฐ์กฎระเบียบใหม่ ๆ จากพระคัมภีร์
สำหรับพระองค์
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องทุ่มเทสุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดสติปัญญา คือ "รักพระเจ้า" หรือพูดสั้น ๆ คือ เราต้องทุ่มเทความรักทั้งหมดแด่พระเจ้า
- ความรักที่มีอำนาจเหนืออารมณ์และความรู้สึกของเรา (สุดจิตใจ สุดวิญญาณ)
- ความรักที่นำทางความคิดและทัศนคติของเรา (สุดสติปัญญา)
- และความรักที่เป็นพลังขับเคลื่อนการกระทำทั้งปวงของเรา (สุดกำลัง)
ความรักที่ทำให้เรามอบถวายชีวิตของเราทั้งครบแด่พระเจ้านี้เอง
ที่พระองค์ตรัสว่า "นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก" (มธ 22:38)
แปลว่า "การรักพระเจ้า" นอกจากจะสำคัญที่สุดเพราะเป็นบัญญัติเอกแล้ว ยังต้องมาก่อนบทบัญญัติอื่นใดทั้งสิ้นอีกด้วย
!
2. รักเพื่อนมนุษย์ องค์ประกอบที่สองทรงนำมาจากหนังสือเลวีนิติบทที่
19 ข้อที่ 18 "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
ความรักต่อพระเจ้าต้องแสดงออกด้วยการรักมนุษย์
และ ต้องรักพระเจ้าก่อนเท่านั้น จึงจะรักเพื่อนมนุษย์ได้!
เหตุผลคือ "มนุษย์ถูกสร้างมาตามฉายาของพระเจ้า" (ปฐก 1:26, 27) หากไม่รักพระเจ้า เราจะรักมนุษย์ผู้เป็นฉายาของพระองค์ได้อย่างไร
?
ความรักต่อพระเจ้าจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ !
ด้วยเหตุนี้ นักบุญยอห์นจึงสอนว่า "ถ้าผู้ใดพูดว่า ‘ฉันรักพระเจ้า' แต่เกลียดชังพี่น้องของตน
ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ เพราะผู้ไม่รักพี่น้องที่เขาแลเห็นได้
ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้" (1 ยน 4:20)
พระเยซูเจ้าจึงเป็นอาจารย์ท่านแรกที่นำ "ความรักต่อพระเจ้า" และ "ความรักต่อเพื่อนมนุษย์" มาเชื่อมสัมพันธ์กัน
ก่อนหน้านี้ พวกฟาริสีรู้จักแต่ "รักพระเจ้า" และ "รักบทบัญญัติ"
เมื่อเรา "รัก" เพื่อนมนุษย์
การเคารพและยอมรับสิทธิและหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์จึงเป็นไปได้
เมื่อสิทธิและหน้าที่ได้รับการยอมรับ
ประชาธิปไตยจึงเกิดขึ้นได้
และเมื่อมีประชาธิปไตย
การตรากฎหมายตามความต้องการของคนส่วนใหญ่จึงเป็นไปได้
ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์จึงเป็นพื้นฐานของกฎหมายอื่นๆ ทั้งมวล
ด้วยเหตุนี้
พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้"
(มธ 22:40)
เพราะฉะนั้น หากไม่รักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
ทุกกิจกรรมย่อมขาดพื้นฐานและเป็นได้ก็เพียงการสร้างภาพ !
ติดตามอ่าน ตอนที่ 4 ได้ในวันพุธหน้า (1 ต.ค.)
Powered by AkoComment 2.0! |