เรื่องของ....ใคร โดย วนิดา ลอยชื่น มีเพื่อนส่งต่อเมล์มาให้ เป็นบทความเรื่อง กับดักหนู เรื่องมีอยู่ว่า หนูตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของชาวนา วันหนึ่งหนูเห็นชาวนาซื้อกับดักหนูมาอันหนึ่ง มันรู้สึกว่าน่าสยดสยองกับสิ่งที่มันเห็น หนูน้อยจึงวิ่งออกไปยังฟาร์มข้างนอกพร้อมกับตะโกนก้องว่า กับดักหนู!.. กับดักหนู!.. กับดักหนู!.. ชาวนามีกับดักหนู ดูเหมือนว่ามันจะได้ความเงียบเป็นคำตอบ หนูน้อยตรงไปหาแม่ไก่ที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วกล่าวว่า “แม่ไก่จ๋า แม่ไก่จ๋า ชาวนามีกับดักหนู น่ากลัวที่สุดเลย” แม่ไก่เหลือบมามองมันชั่วแวบ ชั่งใจเล็กน้อย แล้วกลับคุ้ยเขี่ยหากินตามปกติ “กับดักหนูรึ? มันคงน่ากลัวสำหรับเจ้า แต่ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก” แม่ไก่ก้มหน้าก้มตาตอบ หนูจึงวิ่งต่อไปยังเล้าหมู “แม่หมูจ๋า แม่หมูจ๋า ชาวนามีกับดักหนู น่ากลัวที่สุดเลย” แม่หมูพลิกตัวอย่างเกียจคร้านก่อนหลับตาลง และนอนกรนเสียงสนั่นหวั่นไหว หนูน้อยยังไม่หมดหวัง มันวิ่งต่อไปยังท้องทุ่ง พบกับแม่วัวกำลังเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย “แม่วัวจ๋า แม่วัวจ๋า ชาวนามีกับดักหนู น่ากลัวที่สุดเลย” แม่วัวเงี่ยหูฟังหนูเล่า มันตรองดูแล้วว่าระยะทางจากฟาร์มไปบ้านชาวนาไกลโขอยู่ ไปถึงแล้วมันก็คงทำอะไรไม่ได้ เผลอๆ มันอาจจะถูกชาวนาเฆี่ยนตีลงโทษดังที่มันเคยเจอเวลาออกนอกลู่นอกทาง มันได้แต่ส่ายหน้า “ทุกวันนี้ข้าไล่เห็บหมัดเหลือบไรก็แย่แล้ว ข้าไม่รู้เรื่องของเจ้าหรอก” หนูน้อยหมดหวังกับเพื่อนพ้องในฟาร์ม มันเดินอย่างสิ้นหวังกลับไปที่บ้านของชาวนา ซุกตัวในมุมมืดอย่างเงียบๆ คอยระมัดระวังที่จะไม่ไปถูกต้องกับดักนั้น วันหนึ่งเสียงกับดักหนูดังสั่นในเวลาดึก เมียของชาวนาลุกขึ้นมาดู กับดักหนูเครื่องนั้นได้หนีบหางงูเห่าไว้ ด้วยความที่เธอไม่ได้ระมัดระวังเธอจึงโดนงูเห่ากัด ชาวนานำเธอไปหาหมอ หมอทำการรักษาและแนะนำว่าเธอควรได้รับการบำรุง ชาวนาจึงฆ่าแม่ไก่มาทำซุบให้ภรรยา เพื่อนบ้านจึงพากันมาเยี่ยม ชาวนาจึงฆ่าหมูทำอาหารเลี้ยงเพื่อนบ้าน แต่อาการของเธอหนักเกินเยียวยา เธอจึงสิ้นชีวิตลง ชาวนาจึงจัดงานศพให้ภรรยาอย่างเต็มความสามารถ เขาฆ่าแม่วัวเพื่อนำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อในงานศพ หนูน้อยมองดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเศร้าสร้อยในรูแคบๆ ของมัน... บางครั้งบางสิ่ง เราคิดเช่นเดียวกับไก่ หมู และวัว เราไม่ตื่นเต้นกับคนส่วนน้อยตัวเล็กๆ ที่เขาหวาดกลัวถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต เราปฏิเสธที่จะยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ณ จุดที่ยืน เราปลอดภัยแล้ว เรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวกับเรา เราจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนทำไม บางครั้ง คำว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวเป็นเรื่องที่ยากแก่การเข้าใจ พระเยซูเจ้าเล่านิทานเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีอันเป็นนิทานเปรียบเทียบที่เหมือนเพชรน้ำเอกในพระคัมภีร์ว่า ยิวคนหนึ่งเดินทางไปแถบภูเขา ถูกโจรปล้น เขาถูกทุบตีจนเกือบตาย สมณะผ่านมาก็ผ่านไปไม่ช่วยเหลือ ชาวเลวี (ชนเผ่าที่มีหน้าที่ในวิหาร) ผ่านมาก็เลี่ยงไป ต่อมามีชาวสะมาเรียซึ่งไม่ถูกกับชาวยิวตามเชื้อสายกลับกุลีกุจอลงไปช่วยรักษาอย่างดีที่สุด นิทานเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นมิตรแท้ที่บางครั้งเราอาจจะหาไม่ได้ในพวกเดียวกัน ในคนใกล้ตัว แต่คนที่เราไม่นึกไม่หวัง กลับกลายเป็นคนที่ยื่นมือมาหาเราในวันที่ต้องการใครสักคน ในวันนี้ที่บ้านเมืองประเทศชาติของเรามีวิกฤติในเรื่องการบริหารประเทศชาติจนคนส่วนหนึ่งออกมาแสดงจุดยืนของตนต่อการบริหารบ้านเมือง การกระทำทั้งหมดอาจจะไม่มีข้อสรุปอื่นใดในที่นี้ เพราะเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหวและใช้วิจารณญาณในการติดตามตัดสินใจ สังคมเกิดการแบ่งกลุ่ม กลุ่มที่ออกมารวมกันอยู่ข้างถนน กลุ่มคนที่อยู่ในทำเนียบ กลุ่มคนที่ต้องการวางตัวเป็นกลาง กลุ่มที่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของเรา กลุ่มที่รอเข้าข้างคนชนะ หากแต่วันนี้ เราทุกคนคงต้องแสวงหาคำตอบในใจของเราว่า เราอยู่ที่ไหน และแสดงออกมาอย่างเป็นรูปธรรม พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงมีดำรัสในปลายๆ รัชสมัยของพระองค์ว่า ความดีกับความชั่วไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้ คริสตชนควรเป็นผู้ที่สามารถบอกได้ถึงความถูก ความผิด ขาว-ดำ เราไม่สามารถเป็นบุคคลสีเทาที่ยืนตรงกลางระหว่างความดีกับความชั่วได้ เราต้องเลือกข้างที่จะยืนอย่างถูกต้อง ความดีงาม และยืนยันความเป็นอยู่ของเราด้วยความรักขององค์พระเยซูที่รักแม้กระทั่งศัตรู รักแม้กระทั่งคนที่เกลียดชังเรา รักแม้กระทั่งคนที่เบียดเบียนเรา ให้อภัยในความบาปผิดของเขาเหมือนที่พระองค์ทรงอภัยกับเรา ทำให้เขากลับใจมายอมรับความจริง เพื่ออาณาจักรของพระเจ้าซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งการแบ่งปันกันด้วยความรัก ความเมตตา การให้อภัย การอยู่ด้วยกันอย่างเกื้อกูล และวันนั้นสวรรค์จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินท่ามกลางเราอย่างแท้จริง Powered by AkoComment 2.0! |