เสรีภาพของสื่อมวลชนเอเชีย ในรอบปี 2550 (ตอนที่ 2)
โดย ศราวุฒิ ประทุมราช 3. อินโดนีเซีย ประเทศใหญ่สุดในกลุ่มอาเซียนที่มีประชากรกว่า 200 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แม้จะได้รับการยกย่องว่าสื่อมวลชนที่นี่มีเสรีภาพค่อนข้างมาก แต่องค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ก็ได้รายงานปัญหาใหญ่ 2 ประเด็น คือ การใช้กฎหมายอาญาลงโทษจำคุกสื่อมวลชนเพื่อให้หลาบจำหรือให้คิดใหม่ ในสิ่งที่คิดหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาด และ การที่ฝ่ายทหารปกปิดผลการสอบสวนกรณีที่มีผู้สื่อข่าวถูกฆาตกรรมใน ติมอร์ เลสเต สมัยที่ยังเป็นอีส ติมอร์
ในอินโดนีเซียปีที่แล้ว มีการลงโทษจำคุกนักข่าว 2 ราย คือ กรณี นายไรซัง บิมา วิชัย ถูกจำคุก 6 เดือน เมื่อวันที่ 9 กันยายน เพราะไปลงข่าวว่าผู้บริหารหนังสือพิมพ์ระดับสูงคนหนึ่งลวนลามทางเพศลูกจ้างสาวของสำนักข่าว เหตุเกิดเมื่อปี 2004 และกรณีนายเบอริฮาร์ ลูบิส บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์รายวัน โกราน เทมโป้ ถูกจำคุก ในข้อหาใช้วาจาลบหลู่เกียรติของอัยการ ว่า สำนักงานนี้ได้แทรกแซงการห้ามเผยแพร่หนังสือทางวิชาการเล่มหนึ่ง และผู้สื่อข่าวหนังสือวิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์ เทมโป้ ได้ออกมาเปิดโปงว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการดักฟังโทรศัพท์ เพราะเหตุที่พยายามทำข่าวการหลีกเลี่ยงภาษีของ ซูกานโต้ ทาโนโต นักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่ง พันธมิตรเพื่อความเป็นอิสระของผู้สื่อข่าว ได้ออกมาคัดค้านการใช้กฎหมายอาญาคุกคามสื่อมวลชน และได้คัดค้านกฎหมายเลือกตั้งมาตราหนึ่งที่มีบทบัญญัติห้ามทำข่าวระหว่างวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงกับวันลงคะแนนเสียง กรณีที่ฝ่ายทหารปกป้องอาชญากรรมที่มีหลักฐานว่าทหารระดับสูงเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อีส ติมอร์ ในปี 1975 ที่มีผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 7 คน ถูกฆ่าตาย การสอบสวนใหม่ที่กระทำโดย ชาวออสเตรเลีย ได้เปิดเผยว่า กรณีที่มีผู้สื่อข่าว ต่างประเทศ 5 คน ถูกฆ่าตายที่ บาบิโล อีสติมอร์ นั้น เป็น “อาชญากรรมสงคราม” ที่กระทำโดยทหารอินโดนีเซีย ต่อมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียแถลงว่า การสอบสวนจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนของประเทศในเรื่องนี้ และกล่าวว่า คดีนี้เคยขั้นสู่ศาลมาแล้ว ซึ่งศาลก็มีเขตอำนาจจำกัด และตัดสินว่าไม่มีหลักฐานว่าทหารอินโดนีเซียเกี่ยวข้องกับการตายดังกล่าว รายงานการสอบสวนใหม่นี้ จึงไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เหตุที่ฝ่ายทหารปฏิเสธกรณีนี้ เพราะ นายทหารระดับสูงที่ถูกกล่าวหา ว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม 5 ศพ และเข้ายึดครองอีส ติมอร์ นั้น ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซีย เป็นอดีตผู้กองของทหาร ที่ได้เป็นรัฐมนตรีและต่อมาเป็นผู้ว่าราชการนครจาการ์ต้า 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คนไทยไม่ค่อยทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหวในประเทศลาวมากนัก นอกจากรู้ว่า ไทยและลาวเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน และคนไทยค่อนข้างภาคภูมิใจว่าพี่น้องชาวลาวต่ำต้อยกว่า หรือ พัฒนาน้อยกว่าไทย อย่างไรก็ตามเนื่องจากประเทศลาวปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม จึงทำให้สื่อมวลชนถูกควบคุมโดยรัฐบาล เป็นอย่างมาก จึงมีการประชุมกันอย่างสม่ำเสมอระหว่าหัวหน้าสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวสาร เพื่อปรึกษาหารือว่าข่าวใด ได้รับการพิจารณาให้ลงได้ และตกลงกันว่าเรื่องใด ที่ควรให้ความสำคัญก่อนหลัง บางครั้งบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ต้องเขียนอะไร เพราะ ลงข้อมูลที่ได้รับข้อมูลจาก “สำนักข่าวสารปะเทดลาว” ก็พอ อย่างไรก็ตามมีหนังสือพิมพ์ภาษาต่างประทศ 2 ฉบับ คือ ฉบับภาษาฝรั่งเศส ชื่อ นวัตกรรมใหม่ และฉบับภาษาอังกฤษ ชื่อ เวียงจันทน์ไทม์ ก็มีเสรีภาพพอสมควรในการรายงานสถานการณ์ ปัญหาสังคมเศรษฐกิจ แต่หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ก็มักจะลงบทความที่สร้างความพึงพอใจให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ หนังสือพิมพ์ของพรรค ชื่อ ปะซาซน (ประชาชน)ก็พยายามนำเสนอความคิดสังคมนิยมตามแนวทางของตนที่ ว่า “สิ่งพิมพ์ปฏิวัติ ผลิตโดยประชาชน และเพื่อประชาชน นำไปสู่ปฏิบัติการทางการเมือง เพื่อระบอบปฏิวัติ” แต่สื่อต่างประเทศก็ถูกจำกัดมิให้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับชนชาติส่วนน้อยชาวม้ง ได้อย่างเสรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็พยายามควบคุมการนำเสนอของสื่อมวลชน เพื่อห้ามการวิจารณ์ เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด เช่น “พม่า” และ”ลูกพี่ใหญ่ คือ เวียดนามและจีน” สื่อมวลชนส่วนใหญ่จึงจึงทำการ เซนเซอร์ตัวเอง คนลาวจึงนิยมรับสื่อทางโทรทัศน์ และวิทยึจากประเทศไทย เพราะสื่อในลาวไม่มีสาระอะไร และในปี 2006 มีรายการวิทยุภาค เอฟเอ็ม ของฝรั่งเศส ได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศได้ แต่ก็ออกอากาศเป็นภาษาลาวและสามารถรับในเวียงจันทน์เท่านั้น รัฐบาลลาวสัญญาว่าจะออกกฎหมายสื่อมวลชน มาตั้งแต่ปี 2001 แต่จนถึงปี 2007 ก็ประกาศเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เพราะเหตุว่า ไม่อาจให้นิยามได้ว่า อะไรที่ห้ามเป็นข่าว และกลัวว่าจะมีการเสนอให้ปัจเจกบุคคลเป็นเจ้าของสื่อ นอกจากนี้ กฎหมายอาญาของลาว ยังมีบทลงโทษสื่อ โดยสามารถจำคุกได้ไม่มีกำหนด ในข้อหา “เผยแพร่ข่าวที่ทำให้รัฐอ่อนแอ” และ มีบทลงโทษ จำคุก 1 ปี สำหรับ “ผู้ใดนำเข้าสิ่งพิมพ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อวัฒนธรรมของชาติ” สุดท้ายองค์การผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ได้รายงานว่า ยังมีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและนักข่าว ผู้นำการเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตย หนึ่งใน ห้าคนที่สำคัญ ชื่อ นายทองปะเสิด คัวขุน ผู้เขียนบทความและจัดทำแผ่นพับมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์ในลาว ว่าต้องการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งยังคงถูกจองจำอยู่ในคุก มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 1999 หลังจากถูกตัดสินจำคุก 20 ปีในข้อหา “ ต่อต้านกิจกรรมของรัฐ” กลับไปอ่านตอนที่ 1 ติดตามอ่านตอนที่ 3 ได้ในสัปดาห์หน้าค่ะ Powered by AkoComment 2.0! |