ชมภาพจาก
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 1
ยุวสิทธิ ยุวชน คนรุ่นใหม่
แว่วเสียงการขยับลูกคอ และท่วงท่าลีลาการเต้นที่พลิ้วไหวของน้องอะตอม ราชินีลูกทุ่งจากจังหวัดราชบุรี พร้อมๆ กับความครึกครื้นที่เกิดขึ้นจากการประหัตถ์ประหารกันในการต่อเพลงระหว่างกลุ่มวัยรุ่นหญิง – ชาย ที่พบเห็นได้ตลอดทุกช่วงเวลาของการพัก ทำให้บรรยากาศสีสันของค่ายครั้งนี้มีชีวิตชีวาและเกิดความสนิทแนบแน่นกันตั้งแต่วินาทีแรกถึงวินาทีสุดท้าย
ค่ายยุวสิทธิมนุษยชน จัดโดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ (ยส.) เป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 12 – 15 มีนาคม 2550 ณ บ้านสวนยอแซฟ สามพราน จ.นครปฐม โดยคาดหวังให้เยาวชนรับรู้ เข้าใจ และตระหนักในเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” อันจะนำไปสู่กระบวนการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และคำนึงถึงบทบาทของตนในการใช้ชีวิตประจำวันอันจะนำไปสู่การปฏิบัติสิทธิมนุษยชนต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจัดตั้งผู้นำทางความคิดภาคเยาวชน ในสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างแบบอย่างของผู้นำเยาวชนในทางที่ถูกที่สมควร ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเยาวชนปัจจุบันที่กำลังยึดติดกับกระแสสังคมทุนนิยมโลกาภิวัตน์ หลงในตัววัตถุนิยม ให้กลับมามีทัศนคติในการยอมรับรูปแบบของสังคมแห่งคุณธรรม จริยธรรม
เราเริ่มกิจกรรมแรกด้วยการไปสัมผัสชีวิตที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ศาลายา เพื่อให้น้องๆ ได้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การใช้ชีวิต และเรียนรู้การส่งเสริมคุณค่าสิทธิมนุษยชนของบ้านกาญจนาภิเษก น้องๆ ได้รับฟังเรื่องราวของเล็ก เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ แต่หัวใจโต ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและมุมานะของเล็ก ที่ยอมน้อมรับความผิดพลาดในอดีต เปิดใจกว้างที่จะเรียนรู้ และกลับตัวกลับใจเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเพื่อนๆ และสังคมได้เรียนรู้ผ่านชีวิตของเขา ประกอบกับความมีน้ำใจของป้ามล (คุณทิชา ณ นคร) และเจ้าหน้าที่ในบ้านกาญจนาภิเษก ในบทบาทหน้าที่เสมือนเป็นพ่อ แม่ พี่น้องที่เข้าใจ เปิดโอกาสให้ทุกคนในบ้านกาญจนาฯ ได้มีอิสระทางความคิดที่สร้างสรรค์ หยิบยื่นความรักและการให้อภัย เป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์ทุกคนต่างก็มีความผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น แค่เขารู้ว่าตัวเองผิดก็มีความทุกข์มากพออยู่แล้ว แต่ผู้ใหญ่ในสังคมจะทำอย่างไร ที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้เขาเข้าใจ ยอมรับความความจริง และสามารถฟื้นคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาให้กลับคืนมาได้
น้องๆ ได้เรียนรู้และประทับใจกับประสบการณ์ใหม่ครั้งนี้ ดูได้จากภาพวาดที่สื่อออกมาเป็นภาพ “บ้าน” ที่หมายถึงบ้านกาญจนาฯ ซึ่งเปรียบเหมือนการมีชีวิตใหม่ เป็นเวทีสร้างความคิดและกลับใจใหม่ ไม่ใช่เป็นแค่บ้าน แต่เป็นครอบครัว ทุกคนมีสิทธิ ทุกคนมีอิสระ, “ต้นไม้” สื่อถึงที่พักพิงอันร่มเย็น มีพระอาทิตย์และรอยยิ้มคอยต้อนรับ, ภาพ “นาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที” แสดงถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันใหม่ด้วยอิสระ และเสรีภาพ
เช้าวันสดใสกับการออกกำลังกายยามเช้า พี่กบผู้นำสันทนาการ ชักชวนให้น้องๆ ถอดรองเท้าเหยียบผืนหญ้าที่อ่อนนุ่มและชุ่มเย็นด้วยละอองน้ำ พี่กบหยอดคำคมให้น้องๆ ขบคิดว่า หลายๆ ครั้งมนุษย์มักจะหลงลืมธรรมชาติ รองเท้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาสวมใส่ เพื่อขวางกั้นไม่ให้มนุษย์สัมผัสกับธรรมชาติ และออกจากโลก
จากนั้นน้องๆ ได้ร่วมเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนโดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลายในวันถัดไป ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวที่สุด เช่น ‘เกาเหลาสิทธิมนุษยชน’ ทำให้น้องๆ เข้าใจว่าในแต่ละส่วนของร่างกายเราล้วนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน และมีความสำคัญต่อกันอย่างไร ร่างกายเราจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ และเมื่อพิจารณาถึงมนุษย์แต่ละคน ทุกคนต่างมีความแตกต่างกัน ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจ สถานะทางสังคม มีสีผิวที่แตกต่างกัน มีความชอบ ความถนัดที่ไม่เหมือนกัน แต่ที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ต่อจากนั้น เป็นการเข้าสู่บทเรียนอย่างง่ายๆ ในเรื่องสิทธิมนุษยชน ในกิจกรรม Human Rights walk Rally ซึ่งมีกิจกรรมด้วยกัน 4 ฐาน ได้แก่ ฐานกล้วยของฉันหายไปไหน, จินตนาการของฉัน, บันไดชีวิต สิทธิของฉัน และฐานสีแห่งสามัคคี
วันที่สามของค่าย น้องๆ ร่วมเรียนรู้เรื่องสิทธิเด็ก โดย คุณณัฐวุฒิ บัวประทุม นักกฎหมายจากมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ได้สื่อให้เด็กๆ เห็นถึงปัญหาความรุนแรงต่างๆ จากการละเมิดสิทธิของเด็ก และจบท้ายด้วยการให้ทุกคนวาดภาพเด็กๆ ตามความคิดของเขา น้องๆ หลายคนสะท้อนความคิดจินตนาการของเขาได้ดี เช่น ภาพที่เด็กถือธงเดินไปบนเส้นทาง สะท้อนความคิด การดำเนินชีวิตของเด็กแต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายด้วยกันทั้งนั้น แต่ทว่าระหว่างทางเดินของชีวิตมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมาย และเพื่อจะให้ได้ไปถึงเป้าหมายตามความใฝ่ฝันนั้น เขาควรจะต้องได้รับการหนุนเสริมดูแลจากผู้ใหญ่และสังคม ในการประคับประคองให้เขาประสบความสำเร็จตามที่เขาวาดฝันไว้
ค่ำคืนสุดท้ายก่อนจะลาจากกัน น้องๆ บอกเล่าถึงความประทับใจในการมาค่ายครั้งนี้ว่า ประทับใจกับบรรยากาศความเป็นกันเองของทุกคนในค่ายมาก, ก่อนมารู้สึกหวั่นๆ กลัวไม่เข้าใจ เพราะคิดว่า “สิทธิมนุษยชน” ต้องเข้าใจยากแน่ๆ แต่เมื่อมาเรียนรู้ก็สามารถเข้าใจได้ง่าย, สิทธิมนุษยชนฟังดูอาจจะเข้าใจยากแต่เมื่อได้เรียนรู้จากค่ายนี้ ทำให้รู้ว่าสิทธิมนุษยชนไม่ได้ยากอย่างที่คิด เป็นเรื่องใกล้ตัว อยู่กับตัวเราแต่ละคนอยู่แล้ว และยังมีอะไรที่น่าศึกษาเรียนรู้อีกมากมาย น้องๆ เรียกร้องให้มีการจัดครั้งต่อไป แล้วพบกันใหม่นะคะ
ปริญดา วาปีกัง : รายงาน
บ้านกาญจนาภิเษก : สถานพินิจในโครงการนำร่องเพื่อแสวงหารูปแบบการจัดการ สถานพินิจในรูปแบบใหม่ โดยเน้นการพัฒนาเยาวชนให้ตระหนักในคุณค่าในศักยภาพเชิงบวกของตนเอง และพร้อมที่จะกลับสู่สังคม
ตีพิมพ์ในวารสาร “ผู้ไถ่” ฉบับ 69 (ก.ย. – ธ.ค. 48) ‘สันติวิธีในสถานพินิจฯ เรื่องเล่าจากป้ามล ถึงหลานชายในบ้านกาญจนาภิเษก’
|
เขียนโดย เปิด 2008-01-29 16:47:27 เยี่ยมไปเลย | ขอบใจมากจ้า เขียนโดย admin เปิด 2007-03-20 10:36:47 ดีใจที่ได้รู้ว่า ความรู้ที่ได้จากค่ายนี้มีประโยชน์กับน้องๆ นะคะ ถ้าจัดค่ายอีกครั้ง จะไม่ลืมน้องบิ๊ก และเพื่อนๆ แน่นอนจ้า | สนุกมากครับ เขียนโดย Big เปิด 2007-03-20 10:36:27 ผมสนุกมากคับที่ไปค่ายครั้งนี้ ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่จัดค่ายนี้ขึ้นมา ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่ตั้งหลายคน พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนเป็นกันเองมากครับ ผมได้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นมากที่ได้ไปค่ายครั
้งนี้ ทำให้ผมไดรู้จักสิทธิอีกหลายอย่างที่ผมไม่เคยรู้ และได้รู้ว่าสิทธิมีไว้ใช้ทำอะไร ผมจะเอาความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดครับ ถ้ามีค่ายครั้งที่ 2 อีกก็อย่าลืมส่งใบเชิญมาที่โรงเรียนยอแซฟอีกนะครับ ผมขอบคุณมากครับพี่ๆทุกคนnull |
Powered by AkoComment 2.0! |