ตถาตา…เป็นเช่นนั้นเอง
โดย สายลมจอย
ระยะเวลาไม่ถึงอาทิตย์ที่ฉันได้มาร่วมทำงานและเป็นสมาชิกอีกคนในโครงการบ้านดอกไม้ป่า1 ด้วยลักษณะงานที่ได้รับบทบาทการดูแลและให้ความช่วยเหลืออันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้หญิงในโครงการฯทั้งด้านกายภาพและจิตใจด้วยแล้ว สำหรับตัวเองถือว่าเป็นโอกาสและจังหวะอันเหมาะสมในชีวิตที่จะได้ฝึกฝนการทำหน้าที่ของเพื่อนมนุษย์ที่พึงกระทำต่อกัน ฉันได้ทำความรู้จักกับเด็กสาวหลายคน แต่ละคนต่างที่มาชะตาต่างกัน ฉันเชื่อว่ามีบางสิ่งที่จัดสรรให้ได้มาอยู่ร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้ แต่ชีวิตผกผันทำให้ได้มาอยู่ร่วมกัน
ตถาตาเด็กสาว อายุ 15 ปี เป็นสมาชิกอีกคนที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ก่อนหน้าฉันได้ไม่นาน หลังจากที่แม่เธอเสียชีวิตเมื่อเธออายุได้เพียง 6 ขวบ ครอบครัวเธอที่เหลืออยู่ก็มีเพียงยาย พ่อเลี้ยง และพี่สาวเท่านั้น ด้วยฐานะทางการเงินที่ฝืดเคือง เธอถูกส่งไปอยู่ที่มูลนิธิแห่งหนึ่งซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านความเป็นอยู่และการศึกษา เธอใช้ชีวิตอยู่ในมูลนิธิตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนถึง 13 ขวบ หลังจากนั้นเธอก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลยายอายุ 90 ปี สุขภาพไม่แข็งแรง ขณะที่เธอศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปี่ที่ 3 มีเหตุจำเป็นที่ทำให้เธอต้องหยุดเรียนกะทันหัน แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะผลการเรียนของเธออยู่ในเกณฑ์ระดับหัวกะทิของชั้นเลยทีเดียว .....
ฉันได้มีโอกาสพบและพูดคุยกับพี่สาวของตถาตาในวันที่เราต้องมาจัดการธุระบางอย่างของเธอร่วมกัน “ตถาตาเป็นน้องสาวคนละพ่อกับฉันค่ะ และพ่อที่อยู่กับเราทุกวันนี้ก็คือพ่อเลี้ยง แม่เสียตอนที่ตถาตาอายุ 6 ขวบ พ่ออยู่บ้านช่วยทำไร่ทำสวน พ่อเป็นคนดุ และไม่ใช่คนในท้องถิ่นเราด้วย ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับพวกเราเท่าไหร่ ช่วงหลังๆ ที่ตถาตากลับมาอยู่ที่บ้านช่วงปิดเทอมพ่อจะเจ้าระเบียบและมักจะสั่งให้ช่วยทำงานเพราะกลัวว่าตถาตาจะขี้เกียจ หลายปีที่ผ่านมาฉันทำงานที่ลำพูน ตถาตาก็เรียนและพักอยู่ที่มูลนิธิฯ ฉันจะไปเยี่ยมเธอบางครั้ง ฉันจะให้เงินเธอใช้บ้างเป็นบางครั้ง เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก
ในช่วงไม่กี่ปีหลังจากที่เธอออกจากมูลนิธิกลับมาอยู่ที่บ้านกับยาย วันหนึ่งเธอขออนุญาตยายเข้าไปหาเพื่อนที่มูลนิธิฯ ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอเมือง เย็นวันนั้นที่เธอกำลังนั่งอยู่บนรถโดยสารกำลังรอเวลารถออก มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมานั่งที่เบาะข้างๆ (เธอจำได้ว่าเห็นเขาตั้งแต่ตอนที่เดินเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถแล้ว เธอรู้ตัวว่าเขาจ้องมองแต่ก็ไม่ได้สนใจ) เขาชวนเธอคุย และเอาของบางอย่างออกมาจากถุงให้เธอดู บอกว่าจะซื้อไปให้แฟน มันเป็นน้ำหอมแล้วยื่นให้เธอช่วยดมดูว่ากลิ่นมันหอมรึเปล่า เขากลัวแฟนจะไม่ชอบ เมื่อตถาตาหยิบมาดมแล้วเธอก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย พอเธอรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่านอนอยู่บนม้านั่งที่สถานีรถแห่งนั้น เธอกลัวและไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยรีบขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน และนั้นก็เป็นวันใหม่แล้ว”
ฉันถามต่อไปว่าคนที่บ้านไม่มีใครถามเธอเลยหรือว่าทำไมเธอไม่กลับบ้านในวันนั้น “ปกติเวลาที่ตถาตาขอไปหาเพื่อนในเมือง ถ้าหากไม่เห็นกลับมาก็แสดงว่าเธอจะนอนค้างกับเพื่อนที่มูลนิธิฯ และอีกอย่างที่บ้านก็จะมีเฉพาะยายเท่านั้น ส่วนใหญ่พ่อจะอยู่ในสวนและกลับมาบ้านแค่อาทิตย์ละครั้ง ช่วงนั้นฉันก็ทำงานอยู่ที่อื่น หลังจากที่เกิดเรื่องเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังไปโรงเรียนและเล่นกีฬาตามปกติ แต่พอหลายเดือนผ่านไป ป้าคนข้างบ้านก็สังเกตว่าเธอตัวบวมๆ ดูเหมือนคนท้องและมาเล่าให้ฉันฟัง ในที่สุดผลปรากฏออกมาว่าเธอท้อง แต่เรื่องนี้มีแต่ฉันกับตถาตาเท่านั้นที่รู้ เราไม่ได้บอกยายและพ่อเลย ก่อนหน้านั้นฉันเคยพูดกับเธอว่าถ้ามีแฟนก็บอกมาจะได้ช่วยจัดการให้ แต่ในเมื่อเธอยืนยันว่าสิ่งที่เธอบอกมันคือความจริง ฉันเลยไปหานักสังคมสงเคราะห์เขาบอกให้ฉันติดต่อมาที่โครงการบ้านดอกไม้ป่า ” .....
ฉันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวจนเกือบจะเห็นภาพชีวิตที่ชัดเจนของเด็กสาวคนนี้ยิ่งขึ้น ชื่อ ตถาตา (หมายความว่า เป็นเช่นนั้นเอง) ที่ใช้แทนตัวเธอในบทความนี้นั้น คงไม่ต่างจากชีวิตคนเราที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ มากมายทั้งทุกข์และสุข ซึ่งจะเข้ามาทดสอบความอดทน ความเข้มแข็ง รวมถึงภูมิธรรมที่จะแสดงให้เห็นว่าเราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ในรูปแบบใดโลกใบนี้ เพราะบางครั้งความเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เข้ามาชนเราโดยที่เราไม่ได้ตั้งตัว เราไม่สามารถที่จะคาดเดาและกำหนดชีวิตเราให้ได้อย่างที่เราหวังด้วยตัวเองทั้งหมด
ช่วงระหว่างนี้เองที่มีเหตุปัจจัยบางอย่างทำให้ฉันกับตถาตาคุ้นเคยกันและพูดคุยถึงเรื่องราวที่อยู่เบื้องลึกของจิตใจต่อกันได้มากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญที่บีบให้เธอต้องโตก่อนวัยอันควรและต้องเผชิญกับปัญหาที่ต้องแบกรับอย่างยากที่จะคาดเดาอนาคต
เธอเล่าปรากฏการณ์ในอดีตที่สร้างความยุ่งยากใจจนมันกลายเป็นปมชีวิตออกมาว่า
“หนูจะสอบได้ในอันดับต้นๆ ของห้อง บางเทอมหนูสอบได้ที่หนึ่ง เวลาสอบได้ที่หนึ่งพ่อจะชอบเอาไปคุยอวดคนทั้งหมู่บ้านว่าลูกสาวเรียนเก่งอย่างโน้นอย่างนี้ หนูไม่ชอบเลยที่พ่อทำอย่างนั้น ที่โรงเรียนคนเรียนดีจะแข่งขันกันมาก หนูอึดอัดเวลาที่มีคนพยายามจะมาแข่งขันกับหนู หนูไม่อยากจะแข่งกับใคร และหนูไม่รู้สึกดีใจด้วยเวลาสอบได้ที่หนึ่ง คนที่เรียนเก่งๆ เขาพยายามจะชวนให้หนูไปเข้ากลุ่ม แต่หนูชอบไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มอื่นเพราะไม่ต้องคิดมาก เขาไม่มาแข่งขันหรือพูดกระแนะกระแหนใคร หนูชอบทำตัวซื่อบื้อๆ ทำตัวบ้าๆ บอๆ มากกว่าที่จะให้คนอื่นมามองว่าหนูฉลาด หนูไม่มีความสุขเลยเวลาที่ตัวเองถูกมองเป็นจุดเด่น หนูว่าหนูต้องบ้าแน่ๆ เลยค่ะ พี่ว่าหนูบ้าไหม???” .....
เธอกดข่มความรู้สึกของตัวเองตลอดมา ขณะเดียวกันสิ่งแวดล้อมและคนใกล้ชิดก็ไม่ได้เกื้อกูลให้เธอได้แสดงความสามารถที่มีอยู่เท่าที่ควร การเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดกับชีวิตของเธอ โดยที่ไม่ได้ใกล้ชิดผูกพันกับเธอในชีวิตวัยเด็กนั้น อาจเป็นการสร้างความอึดอัดคับข้องใจในช่องว่างแห่งการก้าวย่างสู่ชีวิตช่วงวัยรุ่นของเธอก็เป็นได้ บางครั้งที่เธอได้กลับมาอยู่กับความสับสนภายในจึงทำให้เกิดความเครียดอย่างมาก อาการที่แสดงออกมาอย่างไม่เท่าทันอารมณ์ตัวเธอเองก็คือ ขณะที่เธอเรียนมือข้างขวาเขียนหนังสือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถูกกำไว้แน่น บางทีเมื่อเครียดมากๆ ก็ถึงขั้นเอากำปั้นชกกับกำแพง หรือไม่ก็เอาคัตเตอร์กรีดที่แขน ซึ่งการทำเช่นนี้ได้บ่มเพาะความขัดแย้งในตัวเองขึ้นมาอย่างมาก บวกกับบุคลิกที่มีโลกส่วนตัวสูงและเงียบขรึมจึงทำให้เธอยากที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ เธอปฏิเสธในสิ่งที่เธอมีและสิ่งที่เธอเป็น
“ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับหนูด้วย ทำไมไม่ไปเกิดกับคนอื่น พอรู้ว่าตัวเองท้อง หนูคิดมากและก็เครียดมาก ไปซื้อยาฆ่าหนูมากินๆ ไปสองซองมันรู้สึกมึนๆ เวียนหัวเท่านั้น หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ตาย หนูทั้งทุบท้องทั้งเอาผ้ามัดไว้แน่นๆ ทำทุกอย่างที่จะให้เขาออกไปจากตัวหนู แต่เขาก็ยังไม่เป็นไร ก่อนที่จะคลอดเทียบกับตอนที่เขานอนอยู่ข้างๆ หนูในตอนนี้มันต่างกันมากเลยค่ะ ท่านอนเขาเหมือนหนูมากเลยตอนที่หนูท้องหนูก็ชอบนอนท่านี้” เธอกล่าวพร้อมกับทอดสายตามองไปยังทารกน้อยที่ยังไม่ประสาต่อชีวิต เอาแต่ร้องไห้ กิน ฉี่ อึ แล้วก็นอน
“หนูอยากจะเลี้ยงเขาให้ดีๆ ด้วยตัวเอง แต่หนูก็รู้ว่าคงไม่มีปัญญา ตอนนี้พี่สาวก็ไม่ได้ทำงานเหมือนเดิม ลาออกจากงานกลับมาอยู่บ้านดูแลยาย ยายแก่มากและไม่ค่อยสบายไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี่ ส่วนหนูถ้าออกจากที่นี่ หนูจะกลับไปเรียนต่อให้จบ ม.3 ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทำยังไงกับลูก? ถ้าหนูจะฝากลูกเลี้ยงก่อนสัก 3-4 ปีได้ไหมคะ? มีที่ไหนบ้างคะพี่? หรือถ้ามีคนดีๆ มารับลูกหนูไปเลี้ยงหนูก็อยากรู้นะคะว่าเขาจะเลี้ยงลูกดีจริงๆ
หนูไม่รู้จะทำยังไงดี หนูสงสารเขาแต่หนูก็ไม่มีเงิน ตัวหนูเองก็ยังให้พี่สาวเลี้ยงอยู่เลย พี่สาวเขาบอกว่าถ้าอยากเลี้ยงเขาก็จะช่วยแต่ว่าตอนนี้เขาก็ยังช่วยไม่ได้ เขาอยากให้หนูเรียนต่อจนจบและไปเรียนวิชาชีพที่จบมาแล้วสามารถมีงานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ ต่อจากนั้นจะรับลูกมาเลี้ยงมาด้วยอยู่เขาก็จะพอช่วยได้ หนูเองก็อยากเรียนจบ แล้วพี่เรียนอะไรมา? เรียนอะไรถึงจะมาทำงานแบบนี้คะ? หนูอยากจะช่วยคนอื่นๆ ที่ต้องมาเจอปัญหาแบบหนู...
ตอนนี้หนูเครียดมากเลยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะคุยกับใคร ยิ่งตอนนี้พี่สาวบอกว่ายายไม่สบาย ข้าวก็กินไม่ค่อยได้ ยิ่งอากาศหนาวก็ยิ่งอาการแย่ หนูอยากกลับไปหายายที่บ้าน หนูกลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้ายายอีก ...
แต่ลูกหนูเพิ่งเกิดได้ไม่ถึงอาทิตย์เลยหนูก็ทิ้งไปไม่ได้ และเอาเขากลับไปก็ไม่ได้ด้วย หนูจะทำยังไงดีคะพี่???”
ฉันรับรู้ได้ถึงความสับสน กังวลใจ และภาพสัมภาระใบใหญ่ที่เธอกำลังยืนแบกมันไว้ลำพังบนเรือลำเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในใจฉัน เรือที่โคลงเคลงไปมาปิ่มน้ำเนื่องจากคลื่นพายุลูกใหญ่ที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของเธอ “เอาเป็นว่าเราทุกคนจะช่วยกันหาทางออกให้กับตถาตานะ อย่าเพิ่งคิดกังวลกับเรื่องอื่นมากเกินไป ตอนนี้กินข้าวให้ได้เพื่อจะได้มีนมให้ลูกกิน ดูแลตัวเองและลูกดีๆ ส่วนการตัดสินใจในอนาคตนั้นเราจะพูดคุยและพิจารณากันอีกที” ฉันพูดกับเธอในนามของทุกคนที่ทำงานอยู่ในโครงการนี้ เราจะประคับประคองเธอไปให้ถึงฝั่งฝันอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งลูกของเธอ
ทุกวันนี้ขณะที่ฉันยืนอยู่บนเรือลำใหญ่ที่ไม่ห่างไกลจากเรือลำน้อยที่เธอยืนนัก ฉันเริ่มมองเห็นแสงสลัวลางๆ ที่อยู่เบื้องหน้าเรือน้อยที่เธอยืนอยู่บนนั้น พายุกำลังจะเคลื่อนตัวออกไป...
1 โครงการบ้านดอกไม้ป่า เป็นบ้านพักชั่วคราวสำหรับแม่ที่มีลูกอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ซึ่งไม่มีงานทำและไม่มีสามีคอยดูแล นอกจากนี้บ้านดอกไม้ป่ายังเป็นที่พักพิงสำหรับหญิงสาวที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม โดยรับดูแลทั้งก่อนและหลังคลอด มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้หญิงและเด็กในการกลับคืนสู่สังคมอีกครั้งภายใน 1 ปี หลังจากรับเข้าบ้านดอกไม้ป่า ส่งเสริมให้ตระหนักถึงเรื่องสุขภาพ การพัฒนาและการศึกษาสำหรับเด็กและทารก และส่งเสริมให้คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวในชีวิตของแม่และเด็ก โดยทางโครงการจะให้บริการด้านการศึกษา และให้คำปรึกษาแก่ผู้หญิงที่เข้าพักในด้านต่างๆ ดังนี้ ช่วยให้รู้หนังสือ, เลี้ยงดูเด็ก, ดูแลสุขภาพและเรื่องโภชนาการ, จัดการด้านการเงิน, จัดการปัญหา และสร้างพลังหรือกำลังใจให้กับตนเอง
โครงการบ้านดอกไม้ป่า
106 ม.9 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 50220
โทร. 053- 386-568, 089-632-8847
แบ่งปันน้ำใจให้แม่มือใหม่และลูกน้อยที่ไร้คนช่วยดูแล…
ร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิต แด่หญิงสาวที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม
และหญิงสาวซึ่งเลี้ยงลูกคนเดียว (Single mom)
บ้านดอกไม้ป่าคืออะไร…
บ้านดอกไม้ป่าเป็นชุมชนของแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยตามลำพัง และหญิงสาวที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากและสิ้นหวัง มาใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความกลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อค้นหาคุณค่าของตนเอง และสร้างความแข็งแกร่ง และกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ เพื่อให้พวกเธอสามารถดูแลลูกของตนเองด้วยความรักและเอาใจใส่
จุดประสงค์เบื้องต้นของบ้านดอกไม้ป่าคืออะไร
เมื่อการใช้ชีวิตที่บ้านดอกไม้ป่าสิ้นสุดลง ผู้หญิงในโครงการจะ:
- กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือมีงานทำ และมีชีวิตบนเส้นทางพึ่งพาตนเองได้อย่างพอเพียง
- กลับคืนสู่สังคมที่เกื้อกูลได้อย่างมั่นใจ
- สามารถดูแลลูกในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและมั่นคง
เราคาดหวังว่าสิ่งที่ผู้หญิงได้รับจากบ้านดอกไม้ป่าจะส่งผลดีแก่ชีวิตของเธอต่อไปในอนาคต
รูปแบบการดำเนินงาน
โครงการจะให้บริการด้านการศึกษา และให้คำปรึกษาแก่ผู้หญิงที่เข้าพักในด้านต่างๆ อาทิ การช่วยให้รู้หนังสือ, การดูแลเลี้ยงลูก, การดูแลสุขภาพและโภชนาการ, การจัดการการเงิน, การจัดการ-ปัญหา, การสร้างพลังหรือให้กำลังใจกับตนเอง
สิ่งของที่จำเป็น
หมวดอาหาร :
- นมกล่องรสจืด หรือนมถั่วเหลือง
- ข้าวสาร ทั้งข้าวจ้าวและข้าวเหนียว
- ขนมจำพวก เบเกอรี่ ขนมปัง ขนมเค้ก ขนมไทยๆ ขนมปังปิ๊บ (ไม่รับขนมกรุบกรอบ, ลูกอม, น้ำอัดลม)
- ของใช้ในครัว เช่น หม้อ กะทะ ตะหลิว มีด จาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ฯลฯ
- เครื่องปรุงอาหาร อาทิ น้ำปลา, น้ำตาลทราย, น้ำมันพืช, ซีอิ๊วขาว, เกลือ, เป็นต้น
- ของแห้ง อาทิ กระเทียม หอมแดง พริกแห้ง ฯลฯ (ไม่รับบริจาคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป)
หมวดของใช้ประจำวัน :
- ผ้าอ้อมต้องการจำนวนมาก
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป (แพมเพอร์ส) สำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 6 เดือน (ใช้ในกรณีที่ต้องพาลูกไปทำธุระข้างนอกเท่านั้น)
- ผงซักฟอก, น้ำยาซักผ้าเด็ก
- แชมพู, สบู่
- สำลี, ไม้แคะหู
- น้ำยาล้างจาน, น้ำยาล้างห้องน้ำ
- แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน
- เสื้อผ้าเด็ก ( แรกเกิด - 6 ปี)
- รองเท้าเด็กเล็ก – 6 ปี ( รองเท้าแตะ, รองเท้าหุ้มข้อ)
- ผ้าขนหนูผืนเล็กและผืนใหญ่
- ผ้าอนามัย
- เสื้อ,กางเกง, เสื้อกันหนาว
- ที่นอน, ผ้าห่ม
- กะละมัง, ถังน้ำ
หมวดอุปกรณ์เครื่องเขียน :
- กระดาษ A4 (ใหม่) และ กระดาษ A4 รีไซเคิล (กระดาษหน้าเดียว)
- สมุด, ปากกา, ดินสอ, ยางลบ, ไม้บรรทัด
- สีเทียน, สีไม้, สีน้ำ
- หนังสือ, สื่อการเรียนการสอน
- ของเล่นเด็กในช่วงพัฒนาการทางสมองและทางร่างกาย วัย 2-6 ขวบ
- อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ
หมวดการเกษตรและบ้านพัก :
เมล็ดพันธุ์พืช, ต้นกล้านานาพันธุ์, อุปกรณ์การเกษตร, วัสดุก่อสร้างบ้านพัก ฯลฯ
บ้านดอกไม้ป่า
106 หมู่ 9 ต.สันปูเลย
อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 50220
โทร. 053-386-568, 08-9632-8847
www.wildflowerhome.net
Email:
|
เชิญร่วมทำบุญ ผ้าป่าสร้างชุมชนพึ่งตนเอง
สำหรับผู้หญิงและเด็ก และหญิงสาวที่ตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม
ในระยะเวลาอันใกล้นี้ บ้านดอกไม้ป่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน และความเป็นอยู่บางส่วน โดยมุ่งให้ความสำคัญในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองทั้งด้านกายภาพ และจิตวิญาณ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านดอกไม้ป่าได้ประเมิน และเล็งเห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าพักมาจากชนบท ซึ่งบุคคลเหล่านี้ มีทักษะในด้านการใช้ชีวิตด้านการเกษตรและงานฝีมือเป็นต้นทุนชีวิต จึงเป็นการดีที่บุคคลกลุ่มนี้ รวมทั้งสมาชิกทุกคนในบ้านดอกไม้ป่าจะได้มาร่วมกันเรียนรู้ และรักษาคุณค่าในปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตที่ไม่ห่างไกลจากรากฐานความเป็นอยู่เดิม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นอย่างมากในการสร้างคุณภาพชีวิตที่พอเพียงและยั่งยืน
นอกจากนั้นชุมชนแห่งใหม่นี้ จะวางแผนผังอาคารบ้านพักที่หลากหลาย และเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นผสมผสานกับสถาปัตยกรรมทางเลือก อาทิ บ้านไม้ไผ่ บ้านดิน เป็นต้น ครอบคลุมไปถึงการจัดระบบการดูแล และการใช้สอยทรัพยากรอย่างคุ้มค่าต่อการพึ่งพาปัจจัยภายใน รวมถึงปัจจัยภายนอกให้เกิดความสมดุล
ทั้งนี้จะมีการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม โดยเชิญกัลยาณมิตรซึ่งมีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ มาร่วมเปิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนความรู้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น สำหรับการสร้างชุมชนแห่งการพึ่ง ตนเองเพื่อนำไปสู่การขยายผลในระยะยาว
***********************
ระยะแรกสำหรับการดำเนินงานกับสถานที่แห่งใหม่นี้ โครงการบ้านดอกไม้ป่า ยังขาดอุปกรณ์สำคัญที่ต้องใช้ในสำนักงาน อาทิ เครื่อง-คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นเตอร์ โทรสาร โต๊ะคอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เป็นต้น
ดังนั้นทางโครงการฯ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ท่านเพื่อบริจาคอุปกรณ์ดังกล่าว จะเป็นอุปกรณ์ใหม่หรืออุปกรณ์ที่ท่านใช้แล้ว หากแต่ท่านประสงค์จะบริจาค เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาผลบุญมายังท่าน ณ โอกาสนี้
***********************
ท่านสามารถร่วมทำบุญทั้งด้านทุนทรัพย์ หรือสิ่งของ ของท่านตามกำลังศรัทธา
โอนเงิน เข้าบัญชี ออมทรัพย์ ในนาม
คุณ นิตยา กฤษณานนท์ และ คุณไมเคิล ไทยบิง
ธนาคารกรุงเทพ สาขาช้างคลาน เลขที่บัญชี 423-0-62388-8 กรณีโอนเงินผ่านธนาคาร กรุณาแจ้งกลับให้โครงการทราบด้วยทุกครั้ง โดยส่งสำเนาใบโอนเงินทางมาทางไปรษณีย์เพื่อที่จะได้ส่งใบเสร็จรับเงินถึงท่านโดยเร็ว
หากท่านสนใจจะบริจาคสิ่งของ สามารถนำมาบริจาคด้วยตนเองหรือจัดส่งมาทางไปรษณีย์ได้ที่
บ้านดอกไม้ป่า
106 หมู่ 9 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด
จ.เชียงใหม่ 50220
หรือหากท่านมีเวลาว่างสามารถที่จะสละแรงกายเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการฯ เช่น ปลูกต้นไม้, ขุดดินปรับพื้นที่, ทำการเกษตร, งานก่อสร้างบ้านพัก (บ้านไม้ไผ่, บ้านดิน), ช่วยสอนหนังสือ, ทำอาหาร, งานฝีมือ เป็นต้น
ท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร. 053-386-568 มือถือ 08-9632-8847
หรือเข้าไปเยี่ยมเยือนเราใน www.wildflowerhome.net
E-mail :
|
Powered by AkoComment 2.0! |