ความยุติธรรมในพระคัมภีร์
1. พระเจ้า…
1.1 ทรงสั่งให้เรารักษาความยุติธรรม
- “ความยุติธรรม ท่านจงติดตามความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตและสืบมรดกในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน” (ฉธบ 16:20)
- “จงรักษาความยุติธรรมไว้และกระทำความชอบธรรม เพราะความรอดของเราใกล้จะมา และการช่วยกู้ของเราจะเผยออก” (อสย 56:1)
1.2 ทรงปรารถนาความยุติธรรม
- “มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรจากเจ้า นอกจากให้กระทำความยุติธรรมและรักสัจกรุณา และดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจไปกับพระเจ้าของเจ้า” (มคา 6:8)
1.3 ทรงให้คุณค่าสูงสุดต่อความยุติธรรม
- “เจ้าจะเข้าใจความชอบธรรม และความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมคือวิถีที่ดีทุกสาย” (สภษ 2:9)
1.4 ทรงยินดีในความยุติธรรม
- “ตราชูขี้ฉ้อนั้นเป็นที่เกลียดชังต่อพระเจ้า แต่ลูกตุ้มที่ยุติธรรมเป็นที่ปีติยินดีแด่พระองค์” (สภษ 11:1)
1.5 ทรงประทานปรีชาญาณให้เรารักษาความยุติธรรม
- “พระเจ้าประทานปัญญา ความรู้และความเข้าใจมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์” (สภษ 2:6-7)
- พระเจ้าจึงตรัสกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้าได้ขอสิ่งนี้และมิได้ขอชีวิตยืนยาวหรือความมั่งคั่งหรือชีวิตของบรรดาศัตรูของเจ้าเพื่อตัวเจ้าเอง แต่เจ้าขอความเข้าใจเพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อให้ประจักษ์ว่าสิ่งใดถูกต้องและเป็นธรรม ดูเถิด เราจะกระทำตามคำของเจ้า ดูเถิด เราให้จิตใจอันประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจ เพื่อว่าจะไม่มีใครที่เป็นอยู่ก่อนเจ้าเหมือนเจ้า และจะไม่มีใครที่ขึ้นมาภายหลังเจ้าเหมือนเจ้า” (1 พกษ 3:11-12)
1.6 ไม่ทรงพอพระทัยเห็นความ “อยุติธรรม”
- “ถ้าเจ้าเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงก็ดี เห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกคร่าเอาไปเสียก็ดี เจ้าอย่าประหลาดใจในเรื่องนั้น ด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่คอยจับตาเจ้าหน้าที่อยู่ แล้วยังมีผู้สูงกว่าอีกชั้นหนึ่งจับตาอยู่เหนือพวกเขาทั้งสิ้น” (ปญจ 5:8)
2. คำทำนายถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นแบบอย่างแห่ง “ความยุติธรรม”
- “ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินเผื่อผู้มีใจถ่อมตนแห่งแผ่นดินโลกด้วยความเที่ยงธรรม” (อสย 11:4)
- “ดูเถิด วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะเพาะเชื้อสายชอบธรรมให้ดาวิด และท่านจะทรงครอบครองเป็นกษัตริย์และกระทำกิจอย่างเฉลียวฉลาด และจะทรงประทานความยุติธรรมและความชอบธรรมในแผ่นดินนั้น” (ยรม 23:5)
- “พระองค์เสด็จมาพิพากษาโลก พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรมและชนชาติทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรม” (สดด 98:9)
3. คุณธรรมพิเศษของผู้ปกครองคือ “ความยุติธรรม”
- “พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงลั่นพระวาจา พระศิลาแห่งอิสราเอลได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า เมื่อผู้หนึ่งปกครองมนุษย์โดยชอบธรรม คือปกครองด้วยความยำเกรงพระเจ้า เขาทอแสงเหนือประชาชนเหมือนแสงอรุณเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น” (2 ซมอ 23:3-4)
- “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า โอ บรรดาเจ้านายแห่งอิสราเอลเอ๋ย พอเสียทีเถิด จงทิ้งการทารุณและการบีบคั้นเสียและกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรม พระเจ้าตรัสว่า จงเลิกการขับไล่ประชากรของเราให้ออกจากที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเสีย” (อสค 45:9)
4. ต้องมี “ความยุติธรรม”….
4.1 ในการพิพากษา
- “ท่านทั้งหลายจงเลือกตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตามหัวเมืองของท่าน ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตามเผ่าคนของท่าน ให้เขาพิพากษาประชาชนตามความยุติธรรม” (ฉธบ 16:18)
4.2 ในการซื้อขาย
- “ท่านจงมีลูกตุ้มอันเที่ยงตรงและมีถังตวงอันเที่ยงตรง เพื่อว่าวันคืนของท่านจะยืนนานในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน” (ฉธบ 25:15)
4.3 ต่อคนยากจน
- “ถ้าพระราชาพิพากษาคนยากจนด้วยความเที่ยงธรรม พระที่นั่งของพระองค์จะสถาปนาอยู่เป็นนิตย์” (สภษ 29:14)
- “จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม รักษาสิทธิของคนจนและคนขัดสนให้คงอยู่” (สภษ 31:9)
4.4 ต่อเด็กกำพร้าและหญิงม่าย
- “จงฝึกกระทำดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย” (อสย 1:17)
4.5 ต่อทาสและคนใช้
- “เจ้านาย จงให้ทาสของท่านได้รับความยุติธรรมตามความเหมาะสม ท่านรู้แล้วว่า ท่านก็มีเจ้านายองค์หนึ่งในสวรรค์เช่นเดียวกัน” (คส 4:1)
5. คำสัญญาและรางวัลสำหรับผู้รักษาความยุติธรรม
- “ราชบิดาของเจ้ามิได้กินและดื่ม และกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรมดอกหรือ ฝ่ายราชบิดาก็อยู่เย็นเป็นสุข” (ยรม 22:15)
- “ถ้าเจ้าซ่อมวิถีและการกระทำของเจ้าจริง ๆ ถ้าเจ้าให้ความยุติธรรมต่อกันและกันจริง ๆ ถ้าเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อหรือแม่ม่าย และไม่หลั่งโลหิตที่ไร้ความผิดให้ถึงตายในที่นี้ และเจ้าทั้งหลายไม่ติดตามพระอื่นไปให้เจ็บตัวเอง แล้วเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งแต่ดึกดำบรรพ์เราได้ยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าเป็นนิตย์” (ยรม 7:5-7)
- “เขาผู้ดำเนินอย่างชอบธรรม และพูดอย่างเที่ยงธรรม เขาผู้ดูหมิ่นผลได้จากการบีบบังคับ ผู้สลัดมือของเขาเกรงว่าจะถือสินบนไว้ ผู้อุดหูไม่ฟังเรื่องเลือดตกยางออก และหลับตาไม่มองความชั่วร้าย เขาจะอาศัยอยู่บนที่สูง ที่กำบังของเขาจะเป็นป้อมหิน จะมีผู้ให้อาหารเขา น้ำของเขามีแน่” (อสย 33:15-16)
6. บรรดาผู้ชอบธรรมควร….
6.1 ศึกษาและใคร่ครวญสิ่งที่ยุติธรรม
- “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย สิ่งใดจริง สิ่งใดประเสริฐ สิ่งใดชอบธรรม สิ่งใดบริสุทธิ์ สิ่งใดน่ารัก สิ่งใดควรยกย่อง ถ้ามีสิ่งใดเป็นคุณธรรม ถ้ามีสิ่งใดน่าสรรเสริญ ท่านจงพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วยการใคร่ครวญเถิด สิ่งต่าง ๆ ที่ท่านได้เรียนรู้ ได้รับ ได้ฟังและได้เห็นในตัวข้าพเจ้านั้น จงนำไปปฏิบัติเถิด แล้วพระเจ้าแห่งสันติจะสถิตอยู่กับท่าน” (ฟป 4:8-9)
6.2 รับคำสั่งสอนเรื่องความยุติธรรม
- “จงรับคำสั่งสอนในเรื่องการกระทำที่ฉลาด ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม” (สภษ 1:3)
6.3 ภาวนาวอนขอปรีชาญาณเพื่อจะได้มีความยุติธรรม
- “ขอพระองค์ทรงประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะประจักษ์ในความผิดแผกระหว่างดีและชั่ว” (1 พกษ 3:9)
6.4 มีความยุติธรรมเสมอ
- “ถ้าคนนั้น...กระทำความยุติธรรมอันแท้จริงระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และระวังที่จะกระทำตามกฎหมายของเรา คนนั้นเป็นคนชอบธรรม เขาจะมีชีวิตดำรงอยู่แน่ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ” (อสค 18:8-9)
6.5 ชื่นชมยินดีในการรักษาความยุติธรรม
- “เมื่อกระทำการยุติธรรม ก็เป็นการชื่นบานแก่คนชอบธรรม แต่เป็นความพินาศแก่คนกระทำชั่ว” (สภษ 21:15)
6.6 สอนผู้อื่นให้มีความยุติธรรม
- “เราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลานและครอบครัวที่สืบมาให้รักษาพระมรรคาของพระเจ้า โดยทำความชอบธรรมและความยุติธรรม เพื่อว่าพระเจ้าจะได้ประทานสิ่งซึ่งพระองค์ทรงสัญญาไว้แล้วให้แก่อับราฮัม” (ปฐก 18:19)
7. คนชั่วคือ
7.1 ผู้ที่เยาะเย้ยความยุติธรรม
- “พยานที่ไร้ค่าก็เยาะเย้ยความยุติธรรม และปากของคนชั่วร้ายก็กลืนกินแต่ความบาปผิด” (สภษ 19:28)
7.2 ผู้ที่รังเกียจความยุติธรรม
- “ท่านทั้งหลายผู้เป็นประมุขแห่งพงศ์พันธุ์ของยาโคบ คือผู้ครอบครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล จงฟังข้อความนี้ คือท่านผู้ชังความยุติธรรม และผู้แปรความเที่ยงธรรมให้แปรปรวนไป” (มคา 3:9)
7.3 ผู้ที่ไม่รักษาความยุติธรรม
- “ไม่มีผู้ใดฟ้องอย่างยุติธรรม ไม่มีผู้ใดขึ้นศาลอย่างซื่อสัตย์ เขาทั้งหลายวางใจอยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ เขาพูดเท็จ เขาตั้งท้องความชั่วและคลอดความบาปผิด” (อสย 59:14)
7.4 ผู้ที่หันหลังให้ความยุติธรรม
- “ความยุติธรรมก็หันกลับ และความชอบธรรมก็ยืนอยู่แต่ไกล เพราะความจริงล้มเสียแล้วที่ตรงลานเมือง และความเที่ยงตรงเข้าไปไม่ได้” (อสย 59:14)
7.5 ผู้ที่ละเลยความยุติธรรม
- “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่น ๆ” (ลก 11:42)
7.6 ผู้ที่รังแกคนยุติธรรม
- “ข้าเป็นที่ให้เพื่อนของข้าหัวเราะเยาะ ข้าผู้ร้องทูลพระเจ้าและพระองค์ทรงตอบข้า คนชอบธรรมและคนดีรอบคอบเป็นที่ให้เขาหัวเราะเยาะ” (โยบ 12:4)
- “เพราะเรารู้ว่าการทรยศของเจ้ามีเท่าใด และบาปของเจ้ามากมายสักเท่าใด เจ้าทั้งหลายผู้ข่มใจคนชอบธรรม ผู้รับสินบนและขับไล่คนขัดสนออกไปเสียจากประตูเมือง” (อมส 5:12)
8. ตัวอย่างของผู้รักษาความยุติธรรมในพระคัมภีร์
8.1 โมเสส
- “ข้าพระองค์มิได้เอาลาของเขามาสักตัวหนึ่ง และข้าพระองค์มิได้ทำอันตรายเขาสักคนเดียว” (กดว 16:15)
8.2 ซามูแอล
- “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ขอท่านเป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้าต่อพระเจ้า และต่อท่านที่พระองค์ทรงเจิมไว้ ข้าพเจ้าได้ริบโคของผู้ใดบ้างหรือ หรือข้าพเจ้าเอาลาของผู้ใดไปบ้าง หรือข้าพเจ้าได้ฉ้อผู้ใด ข้าพเจ้าได้บีบบังคับใครบ้าง ข้าพเจ้าได้รับสินบนจากมือของผู้ใดซึ่งจะกระทำ ให้ตาของข้าพเจ้าบอดไป ขอกล่าวมาและข้าพเจ้าจะคืนให้แก่ท่าน” เขาทั้งหลายกล่าวว่า “ท่านมิได้ฉ้อเราหรือบีบบังคับเราหรือรับสิ่งใดไปจากมือของผู้ใด” ท่านก็กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “พระเจ้าทรงเป็นพยานต่อท่าน และท่านที่พระองค์ทรงเจิมไว้ก็เป็นพยานในวันนี้ ว่าท่านไม่พบสิ่งใดในมือของข้าพเจ้า” และเขาทั้งหลายกล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพยานแล้ว” (1 ซมอ 12:3-5)
8.3 ดาวิด
- “ดังนั้นดาวิดจึงทรงปกครองเหนืออิสราเอลทั้งสิ้น และดาวิดทรงให้ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมแก่ชนชาติของพระองค์ทั้งสิ้น” (2 ซมอ 8:15)
8.4 โซโลมอน
- “แล้วหญิงแพศยาสองคนมาเฝ้าพระราชา และยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ หญิงคนหนึ่งทูลว่า “ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ข้าพระบาทและผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในเรือนเดียวกัน และข้าพระบาทก็คลอดบุตรคนหนึ่งขณะที่นางนั้นอยู่ในเรือน เมื่อข้าพระบาทคลอดบุตรได้สามวันแล้วนางคนนี้ก็คลอดบุตรด้วย และข้าพระบาททั้งสองอยู่ด้วยกัน ไม่มีผู้ใดอยู่กับข้าพระบาททั้งสองในเรือนนั้น ข้าพระบาททั้งสองเท่านั้นอยู่ในเรือนนั้น แล้วบุตรของหญิงคนนี้ก็ตายเสียในกลางคืนด้วยเขานอนทับ พอเที่ยงคืนนางก็ลุกขึ้นและเอาบุตรของข้าพระบาทไปเสียจากข้างข้าพระบาทขณะที่สาวใช้ของฝ่าพระบาทหลับอยู่ และวางเขาไว้ในอกของเธอ และเธอเอาบุตรของเธอที่ตายแล้วนั้นไว้ในอกของข้าพระบาท เมื่อข้าพระบาทตื่นขึ้นในตอนเช้าเพื่อให้บุตรของข้าพระบาทกินนม ดูเถิด เขาตายเสียแล้ว แต่เมื่อข้าพระบาทพินิจดูในตอนเช้า ดูเถิด เด็กนั้นไม่ใช่บุตรที่ข้าพระบาทได้คลอดมา” แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่เป็นเป็นบุตรของฉัน เด็กที่ตายเป็นของเจ้า” หญิงคนที่หนึ่งพูดว่า “ไม่ใช่ เด็กที่ตายเป็นของเจ้าและเด็กที่เป็น เป็นของฉัน” เขาทั้งสองพูดกันดังนี้ต่อพระพักตร์พระราชา แล้วพระราชาตรัสว่า “คนหนึ่งพูดว่า 'คนนี้เป็นบุตรของฉัน คือเด็กที่เป็นอยู่ และบุตรของเจ้าตายเสียแล้ว' และอีกคนหนึ่งพูดว่า 'ไม่ใช่ แต่บุตรของเจ้าตายเสียแล้ว และบุตรของฉันเป็นคนที่มีชีวิต' ” และพระราชาตรัสว่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่ง” เขาจึงเอาพระแสงดาบมาไว้ต่อพระพักตร์พระราชาและพระราชาตรัสว่า “จงแบ่งเด็กที่มีชีวิตนั้นออกเป็นสองท่อนและให้คนหนึ่งครึ่งหนึ่งและอีกคนหนึ่งครึ่งหนึ่ง” แล้วหญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลพระราชา เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรของเธอ เธอว่า “ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงมอบเด็กที่มีชีวิตนั้นให้เขาไป และถึงอย่างไรก็ดีอย่าทรงฆ่าเสีย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของหรือของฉัน ขอทรงแบ่งเถิดเพคะ” แล้วพระราชาตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่หญิงคนแรก อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น” (1 พกษ 3:16-27)
8.5 โยเซฟชาวอาริมาเธีย
- “ชายคนหนึ่งชื่อ โยเซฟเป็นสมาชิกในสภาสูงของชาวยิว เป็นคนดีและชอบธรรม เขาไม่เห็นด้วยกับมติและการกระทำของสภา เขามาจากเมืองอาริมาเธีย เมืองหนึ่งของชาวยิวและรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า” (ลก 23:50-51)
8.6 เปาโล
- “ท่านทั้งหลายเป็นพยาน และพระเจ้าทรงเป็นพยานด้วยว่า เราปฏิบัติตนต่อท่านผู้มีความเชื่อโดยทำตนเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมและปราศจากคำตำหนิ” (1 ธส 2:10)
Powered by AkoComment 2.0! |