บทความล่าสุด |
---|
อนึ่ง บทความ หรือข้อเขียนทั้งหมดที่นำลงเว็บไซต์ jpthai.org เป็นทัศนะเฉพาะของผู้เขียน
ทางเว็บไซต์ jpthai อนุญาตให้คัดลอกบทความ/ข้อมูล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้
Donation / สนับสนุนการดำเนินงาน
|
ยส. กับความเป็นมา |
Tuesday, 16 May 2006 | |
ไก่บอกทิศทางลมปี 2547... ย่างปีที่ 27 ของ ยส. ในฐานะ “ผู้บอกสัญญาณแห่งกาลเวลา” หรือ “ไก่บอกทิศทางลม” ในพระศาสนจักรไทย บอกสภาพกาลของสังคมและบอกทิศทางว่าเราควรร่วมกันก้าวไปทางไหน... ยส.หรือ คณะกรรมการยุติธรรมและสันติแห่งประเทศไทย ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อความยุติธรรมและสันติ เป็นองค์กรฝ่ายสังคม ภายใต้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย หลังการสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 สมเด็จพระสันตะปาปา ปอล ที่ 6 ได้ตั้งคณะกรรมการยุติธรรมขึ้นที่สำนักวาติกัน เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2510 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคนในทุกๆ ด้าน ส่งเสริมความยุติธรรมในสังคม และจรรโลงไว้ซึ่งสันติสุขในโลกมนุษย์นอกจากนี้ ได้สนับสนุนให้แต่ละประเทศจัดตั้งคณะกรรมการยุติธรรมและสันติขึ้นในระดับประเทศด้วย สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการยุติธรรมและสันติแห่งประเทศไทยโดยมีพระสังฆราชบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ เป็นมุขนายกคนแรกและยังเป็นอยู่ถึงปัจจุบัน และได้สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิด้านสร้างสรรค์ความเป็นธรรม เข้ามาเป็นคณะกรรมการอำนวยการ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 โดยในช่วงแรกอยู่ในความรับผิดชอบของสภาคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพื่อการพัฒนา กระทั่งปี 2523 จึงได้จัดตั้งสำนักงานปฏิบัติงานขึ้นเป็นของตัวเอง พันธกิจของ ยส. คือ ต้องช่วยบอกทิศทางของสังคม ปลุกจิตสำนึกในการริเริ่มที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ประสานให้เกิดพลังของประชาชน ติดตามงานต่างๆ ด้วยพลังของศาสนา ด้วยวัฒนธรรมสันติวิธี พระคุณเเจ้าบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ กล่าวไว้ว่า ยส. ไม่เน้นการให้การช่วยเหลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกรณี แต่มุ่งเคลื่อนไหวผลักดันในระดับนโยบาย และการแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้าง ด้วยยุทธวิธีตั้งแต่จัดสัมมนาระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้สร้างความเข้าใจ จนถึงการออกไปเดินขบวนเรียกร้องบนท้องถนน และการลงนามร่วมกับประชาคมโลกในประเด็นที่เป็นสากลในระดับนานาชาติ ต่อปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ความรุนแรง ความอยุติธรรม ความเชื่อพื้นฐานของ ยส. คือ ศาสนธรรมต้องกลับมานำสังคม ศาสนิกจะต้องรู้ธรรมและนำมาใช้ในชีวิต ศาสนธรรมจะต้องเข้าไปมีส่วนอยู่ในทุกมิติของสังคม ยส. จึงมีการร่วมประสานงานกับองค์กรด้านสังคมของศาสนาต่างๆ เพื่อนำศาสนธรรมกลับมาสู่สังคม ใช้หลักธรรมของศาสนามองปัญหาที่เกิดขึ้น และเสนอทางออกโดยใช้ธรรมนำทาง เช่น กรณีความรุนแรงในโคโซโว ติมอร์ตะวันออก และโมลุกะ ประเทศอินโดนีเซีย กรณีกะเหรี่ยงยึดโรงพยาบาลราชบุรี กรณีสมัชชาคนจน จนถึงเหตุการณ์ 11กันยายน 2544 หรือที่ทำในรูปโครงการต่อเนื่อง เช่น โครงการอบรมสันติวิธี การแก้ไขกฎหมายผ่อนปรนการทำแท้ง เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ ยส. ติดตามมาโดยตลอด เพราะการทำลายชีวิตเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง และเป็นการละเมิดชีวิตอื่น ซึ่งมนุษย์ไม่มีสิทธิกระทำ ในงานด้านสิทธิมนุษยชน ยส. มักเข้าไปมีส่วนในการเคลื่อนไหวทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ตั้งแต่การร่วมผลักดันให้เกิดองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ จนกระทั้งได้มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดปัจจุบันขึ้น นอกจากการผลักดันแก้ไขปัญหา ยังมีการทำงานเชิงรุก คือการสร้างความรู้ความเข้าใจและความสำนึกในการเคารพสิทธิมนุษยชนในกับคณะครูอาจารย์ และนักเรียน ในโครงการสิทธิมนุษยชนศึกษา หลังสงครามในประเทศเพื่อนบ้านสงบและจบสิ้นไปแล้ว เมืองไทยยังมีความรุนแรงที่แอบแฝงอันหนักหน่วงอย่างหนึ่ง คือปัญหากับระเบิด ซึ่งตกค้างอยู่ตามแนวชายแดน และผู้ประสบเคราะห์กรรมเป็นชาวบ้าน ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับสงคราม 6 ปีก่อน ยส. จึงร่วมกับองค์กรที่ทำงานด้านการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดตั้งเป็นคณะทำงานไทยรณรงค์เพื่อยุติกับระเบิด (Thailand Campaign to Ban Landminds-TCBL) เคลื่อนไหวสนับสนุนให้รัฐบาลไทยลงนามในอนุสัญญาออตตาวา อนุสัญญาฉบับนี้บังคับให้ทุกประเทศที่ลงนาม ต้องทำลายกับระเบิดในคลังให้หมดภายใน 4 ปี ต้องเก็บกู้กับระเบิดที่ค้างภายใน 10 ปี ห้ามผลิตและขนส่งกับระเบิด และต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากกับระเบิดให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ผลการผลักดันของ TCBL และองค์กรพัฒนาเอกชนนานาประเทศ ที่สุดรัฐบาลไทยได้ลงนามในอนุสัญญาออตตาวาแล้ว เมื่อปี 2541 อันมีพันธกรณีให้ต้องทำลายกับระเบิดในคลังให้หมด ภายในเดือนเมษายน 2546 และเก็บกู้กับระเบิดให้หมดในปี 2552 ในงานวิชาการ ยส. ได้ทำการศึกษาวิจัยในหลายกรณีปัญหา เช่น งานศึกษาวิจัยผลกระทบของการท่องเที่ยว งานศึกษาวิจัยผลกระทบของแรงงานอพยพและแรงงานในไร่อ้อย ศึกษาวิจัยปรัชญาชีวิตและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ และผลกระทบของทัวร์ป่าต่อวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ กระทั้งนำไปสู่การก่อตั้งคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ และงานการศึกษาวิจัย เรื่องแรงงานนอกระบบ นำไปสู่การก่อตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน นอกจากนี้การสื่อข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น ด้านสิทธิมนุษยชน สังคมและการเมือง ศาสนา ฯลฯ ไปยังคริสตชนและสาธารณชน ยส. มีสื่อสิ่งพิมพ์ คือ วารสาร “ผู้ไถ่” ราย 4 เดือน ผู้ไถ่ฉบับรายงานสถานการณ์ ราย 2 เดือน คอลัมน์สิทธิมนุษยชนสนทนาในอุดมศานต์ และจดหมายข่าวภาษาอังกฤษ JP Newsletter |