สิทธิมนุษยชนในโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
ภราดาอนุรักษ์ นิธิภัทราภรณ์ โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ความสำคัญในการบรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
1. เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง เราเป็นโรงเรียนในประเทศไทย ต้องถือตามกฎหมายของประเทศ เหตุเพราะพระราชบัญญัติการศึกษา (พ.ศ.2542 แก้ไข 2545) หมวด 2 ได้ระบุสิทธิและหน้าที่ทางการศึกษาของบุคคล (ม.10,11 และ 13) องค์กร และหน่วยงานของรัฐ (ม.12 และ 14) ไว้อย่างชัดเจน กรอบแห่งกฎหมายนี้เป็นทั้งพื้นและฐานที่ผู้เกี่ยวข้องทางการศึกษาและโรงเรียนใดๆ ในประเทศไทยต้องรับรู้และปฏิบัติ 2. เราเป็นโรงเรียนคาทอลิก 2.1 พระคริสต์เจ้ายกย่องศักดิ์ศรีของเรามากถึงกับยอมยกให้แม่พระเป็นแม่ของเรา การที่มนุษย์ได้รับเกียรติเป็นลูกร่วมมารดากับพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่เกินบรรยาย ยังมีอีก ตัวพระคริสต์เจ้าเองล้างเท้าให้อัครสาวกของพระองค์ แล้วบอกว่า ไม่มีใครเป็นนาย หรือเป็นบ่าวอีก แต่เราเป็นเพื่อนกับพระองค์ โอย ! มนุษย์หรือจะเลอค่าได้ขนาดนั้น? และเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกของเราต่างได้รับเกียรตินี้ด้วย ยิ่งเพื่อนๆ มนุษย์ในโลก เขารับรู้ว่าเราประกาศตน เป็นลูกศิษย์ของพระคริสต์ เรายิ่งควรรับรู้ถึงการไม่ควรค่าของตน ยิ่งเจียมตัวไม่ทำให้คุณแม่ของเราต้องเสียหน้าเพราะคำว่า “สิทธิมนุษยชน” นั้น คือมาตรวัดภายนอก ที่แสนจะผิวเผินของ “ศักดิ์ศรี” แห่งการเป็นสถาบันการศึกษาคาทอลิก 2.2 พระศาสนจักรให้เรา “หล่อหลอม กล่อมเกลา” นักเรียนของเรา ให้ “พัฒนาเต็มศักยภาพทุกมิติ” (พระราชบัญญัติการศึกษาของไทย ก็ระบุประเด็นนี้ด้วย) การพัฒนาเต็มศักยภาพทุกมิติหมายถึง มิติทางจิตวิญญาณ ทางอารมณ์ ทางปัญญา ทางกาย และทางสังคม นิยามแต่ละมิตินั้น ส่งเสริมและเกี่ยวโยงไม่เฉพาะสำหรับมนุษย์แต่ละคนเท่านั้น ยังเกี่ยวโยงไปถึงเพื่อนมนุษย์ ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และแผ่ขยายไปไกลถึงจักรวาลและความเป็นจริงที่เป็นอยู่อีกไกลโพ้นแสนลึกล้ำ หรือเล็กจิ๋วยิ่งกว่าระดับหน่วย “นาโน” การดำรงอยู่ที่เป็นองค์ประกอบส่วนต่างๆ นี้ บางอย่างเราเองได้รับรู้แล้ว ขณะที่ยังมีอีกมากที่เรายังไม่รับรู้ หรือรับรู้ได้ไม่หมด มิติที่สัมพันธ์กันและมีผลต่อพัฒนาการมิติต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ของเรามากที่สุดตลอดมาจนทุกวันนี้ คือ มิติด้านสัมพันธภาพกับเพื่อนมนุษย์ ซึ่งอาศัยคำว่า “สิทธิมนุษยชน” เป็นตัวชี้วัดที่หยาบที่สุด หมายความว่า ยิ่งเรามีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนมนุษย์ของเรามากเท่าไร ตัวเราเองจะยิ่งพัฒนามิติต่างๆ ในตัวของเราได้มากและดีขึ้นด้วย “สิทธิ” “มนุษย์” และการเป็นกลุ่ม “ชน” จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานภาคบังคับแห่งการเป็นโรงเรียนคาทอลิก 3. เราเป็นโรงเรียนในมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียล นักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต เป็นวีรบุรุษธรรมฑูต ผู้ใฝ่หาองค์ปัญญานิรันดร์ นอกจากเป็นพยานและเมล็ดพันธุ์แห่งความรักและการรับใช้แล้ว “พระพรพิเศษของท่าน (Charism)” ที่เป็นมรดกถึงคณะภราดาเซนต์คาเบรียล คือ ความรักต่อกางเขนพร้อมกับแม่พระ งานด้านการศึกษา เฉพาะอย่างยิ่งกับเยาวชนและคนด้อยโอกาส เมื่อนำคำหลักๆ ในมรดกของท่านมาสู่การปฏิบัติ ไม่ว่า “กางเขน แม่พระ การศึกษา เยาวชน หรือ คนด้อยโอกาส” เราเห็นทันทีว่า กลุ่มชนที่ถูกละเมิดสิทธิแห่งการเป็นมนุษย์ของเขามากที่สุดทุกวันนี้ คือ เยาวชนและคนด้อยโอกาส ยิ่งเมื่อนำจุดเน้นจากสมัชชาโลกของคณะภราดา ที่ว่าด้วยเรื่อง “ความยุติธรรม สันติภาพ และดุลยบูรณาการแห่งสิ่งสร้าง” (Justice, Peace, and Integrity of Creation) มาแปรเป็นการปฏิบัติแล้ว ประเด็นเรื่อง “สิทธิมนุษยชนในโรงเรียน” เป็นทั้งตัวชี้วัดและเป็นประเด็นบังคับสำคัญของความซื่อสัตย์ต่อพันธกิจที่เราพึงมี ต่อพระเจ้า ต่อพระศาสนจักร ต่อประเทศชาติ ต่อตัวผู้เรียนและบุคลากร ต่อวิถีจิตของนักบุญผู้ก่อตั้งคณะ ต่อคณะ และต่อสมาชิกในคณะเอง เราจึงต้องมีหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนของเรา ปัจจัยและกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน ด้านปัจจัย การกระจายระดับอำนาจการตัดสินใจและบังคับบัญชา ปรับโครงสร้างการบริหาร เปิดฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาและบุคลากร เลิกฝ่ายปกครอง เปิดฝ่ายกิจการ (เน้นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน) ส่งเสริมกลุ่มพัฒนาบุคลากรและผู้เรียนทุกระดับ เพื่อจุดประกายและปลดปล่อยพลังอริยทรัพย์ในตนของผู้เรียนและบุคลากร ระบุมาตรฐาน และวิธีการ / ขั้นตอนการตรวจวัด “มาตรฐานคุณภาพ” (ตรวจสอบซ้ำได้ด้วยเทคนิค Balanced Score-card)* มุ่งบริหารหลักสูตรให้สามารถบูรณาการได้มากที่สุด
ด้านกิจกรรม เขียนหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน ขยายผลงานอภิบาล สนับสนุนกระบวนการสัมผัส และจุ่มตัว ในชีวิตที่มีบริบทและฐานต่างๆ กัน เน้นกิจกรรมเชิงบูรณาการ และการพัฒนาผู้เรียน (กลุ่ม / ชมรม / ศึกษาสภาพจริง) พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน โดยบูรณาการร่วมกับฝ่ายกิจการ และพัฒนาคุณภาพฯ
ปัญหา - อุปสรรคต่อการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน ความไม่ลงตัวของการปฏิรูปการศึกษาของชาติ ส่งผลทั้งแง่บวกและลบ ความคิดที่เคยมองการเรียนเป็น “รายวิชา” ยังมองว่า เรื่องของคุณธรรมจริยธรรมเป็นลักษณะพึงประสงค์ที่ต้องจัดการเรียนรู้เป็นรายชั่วโมง / กิจกรรมเท่านั้น ทำให้ยากแก่การบูรณาการสาระและกระบวนการร่วมกัน ทำความเข้าใจประเด็นนี้จาก “ฐานและกระบวนทัศน์” ของบุคลากรรุ่นต่างๆ ได้ยากมาก ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนการ ทั้งเรื่อง เหตุ กระบวนการ วิธีการ ดรรชนี การแปลความ การบูรณาการ และการพัฒนา เป็นเรื่องใหม่ทั้งสาระและกระบวนการสำหรับศิษย์เก่า ครู ชุมชน ผู้เรียน และผู้ปกครอง บางส่วนที่เคยมุ่งผลสัมฤทธิ์เชิงวิชาการ และการสอบเข้ามหาวิทยาลัย บางท่านเกรงกิจกรรมจะทำให้เนื้อหาทางวิชาการลดลง การบูรณาการ และจัดกิจกรรมพัฒนาให้เสริมประเด็น / สาระต่างๆ ในแต่ละกระบวนการนั้น ยุ่งยาก ใช้เวลา ความมานะอดทน และงบประมาณมาก ขณะที่ผลสัมฤทธิ์จากแต่ละความพยายามเป็นเรื่องที่ต้องรอผลระยะยาว ยิ่งเพิ่มประเด็นท้าทายหนักและไปหน่วงความพยายามใดๆ ให้ถอดใจท้อถอยได้ง่าย กระแสหลักใน “การพัฒนา” ของโลกาภิวัตน์ เรียกร้องดรรชนีที่ เพิ่มความฉาบฉวย เน้นสิ่งเฉพาะหน้า / จับต้องได้ “มูลค่า” จึงเหนือ “คุณค่า” เมื่อผนวกกับความอ่อนไหวในกระแสปฏิรูปการศึกษาของชาติที่ยังไม่ลงตัว ประเด็น “สิทธิมนุษยชน” จึงดูเป็นเรื่องไกลตัว และไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งแท้จริงแล้ว หากสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้เรียนและบุคลากรถูกมองข้าม เกรงว่าสถาบันแต่ละแห่งจะเขียน “หลักสูตรสถานศึกษา” จากสภาพจริงไม่ได้ (ไม่ authentic) การจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน จึงแฝงนัยที่สวนกระแสตลอดเวลา
แล้วเราจะยังคาดหวังอะไรจากประเด็น “สิทธิมนุษยชนในโรงเรียน” ได้อีกบ้าง? การหล่อหลอมกล่อมเกลา เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องหมั่นเพียรอยู่ตลอดเวลาและตลอดไปไม่รู้จบ ทุกคนดีขึ้นได้ทุกวัน จนกว่าจะถึงความสมบูรณ์พร้อมที่พระเจ้าทรงมั่นหมาย (นับแต่ปฐมกาล) ให้เราแต่ละคนบรรลุถึง คริสตชนปฏิบัติบัญญัติแห่งรัก ที่พระคริสต์เจ้าได้เป็นพยานด้วยพระองค์เองแล้วได้ทุกวัน โดยการเคารพใน “ศักดิ์ศรี” ของเพื่อนมนุษย์ ซึ่งไหลเนื่องเป็นทั้งพันธกิจและเป็นดรรชนีชี้ที่โลกสากลขอให้เคารพ “สิทธิมนุษยชน” ดังนั้น จึงคาดหวังได้ว่า ประเด็นเรื่อง “สิทธิมนุษยชนในโรงเรียน” จะช่วย - เน้นเป้าหมายของการเป็นโรงเรียนคาทอลิกที่ตรวจวัดได้ชัดเจน
- การบริหาร จัดการ และการดำเนินการของโรงเรียนที่เป็นสุขมากขึ้น
- ให้โรงเรียนได้เป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสต์เจ้าชัดเจนขึ้น
- ให้โรงเรียนสามารถขยายผลแห่งการปฏิบัติบัญญัติความรักที่เป็นรูปธรรม
- ให้ผู้เรียนและบุคลากรชื่นชมและนิยมตนเอง เพื่อนๆ และสถาบันของตนอย่างลึกซึ้งจริงใจมากขึ้น
ผลที่ได้รับจากการส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน - ยืนยันความมั่นใจ / เพิ่มดรรชนีชี้วัดว่า ซื่อสัตย์ต่อพันธกิจของโรงเรียน
- เพิ่มการตรวจสอบกระบวนการพัฒนาหลักสูตร การดำเนินงาน และการบริหาร
- เพิ่มความยุ่งยาก / ซับซ้อน ในการดำเนินงานใดๆ
- เปิดให้โรงเรียนมีบรรยากาศของความเป็นเหตุเป็นผล ผู้คนมีข้อค้นพบมากขึ้น
- กลไกการทำงานช่วยขยายเครือข่ายเข้าสู่ชุมชน ลึก / มาก / และง่ายขึ้น
- เป็นประเด็นให้ผู้เรียน กล้ายืนยันการพยายามของตน ขณะรับ / เรียนรู้จากผู้อื่น
* Balanced Score – card เป็นเครื่องมือการวางแผนที่ช่วยในการสร้างแผนปฏิบัติงานเชิงกลยุทธ์และประเมินผลที่สามารถวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงระหว่างส่วนต่างๆ ในหน่วยงานอีกด้วย
Powered by AkoComment 2.0! |