คุณพ่ออิสมาร์โตโน
ได้ยกตัวอย่างความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งระหว่างศาสนามาเป็นเวลาช้านานแล้ว
ในอินโดนีเซียนั้นประชากรส่วนใหญ่ประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาอิสลาม
ส่วนอีก ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ ฮินดู
และพุทธ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ความรุนแรง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมักจะทำลายศาสนสถานโดยการเผา
วางระเบิดโบสถ์ของชาวคริสต์ และมัสยิดของมุสลิม หลายต่อหลายแห่ง เพื่อหวังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกต่างศาสนาให้มีความเกลียดชัง
มีความหวาดกลัวและหวาดระแวงซึ่งกันและกัน
ด้วยเหตุนี้พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศอินโดนีเซียจึงพยายามที่จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิกต่างศาสนา โดยเน้นให้ศาสนิกทุกศาสนาหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของการสื่อสารระหว่างศาสนาและความเชื่อที่แตกต่างกัน เพราะเห็นว่าการสื่อสารระหว่างศาสนาและการยอมรับความเชื่อที่แตกต่างกัน หากทุกฝ่ายตระหนักและรับฟังอย่างจริงจังย่อมเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยใจที่เปิดกว้าง คุณพ่ออิสมาร์โตโน กล่าวว่า การสื่อสารระหว่างชนต่างศาสนาจะสะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศ ๔ ลักษณะ คือ ๑) การเป็นศัตรูกัน ๒) การอดกลั้น ๓) การเสวนา และ ๔) การเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง ซึ่งการเสวนาระหว่างศาสนิกจะเปลี่ยนจากการเป็นศัตรูมาสู่การเป็นพี่น้องกันได้ คุณพ่อได้ชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งที่ใช้ความรุนแรงนั้นเกิดจากสาเหตุซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องศาสนาเลย นั่นคือ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ และศาสนาก็มีบทบาทสำคัญเมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้น ผู้นำทางศาสนาต่างก็ถูกเชิญให้มาแสดงความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ศาสนิกของตนแสดงความอดทนและหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบโต้อย่างเหี้ยมโหด ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชน บทบาทของผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนาในการเข้าไปเยี่ยมพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้งและใช้ความรุนแรงจะช่วยบรรเทาสถานการณ์อันตึงเครียดได้ แม้ว่าการเยี่ยมเยียนจะเป็นเพียงสัญลักษณ์ก็ตาม แต่ก็สามารถช่วยให้ผู้ที่มีความขัดแย้งกันเริ่มหาทางประสานรอยร้าวได้ บรรยากาศของความอดกลั้น เพราะความอดกลั้นคือพื้นฐานของสังคมที่เจริญแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงและความรู้ที่คนๆ นั้นมีเกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ บทบาทของผู้นำศาสนาจะต้องให้การสนับสนุน ศึกษาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง แต่ลำพังความอดกลั้นเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอเพราะความอดกลั้นไม่สามารถทำให้เกิดการสื่อสารระหว่างกัน จึงจำเป็นต้องมีการเสวนา เพื่อสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน การให้แนวคิดเรื่องความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ ศาสนิกแต่ละศาสนาควรเลิกคิดและรู้สึกว่าศาสนาที่ตนนับถือดีกว่าศาสนาอื่น แต่ควรเข้าใจว่าศาสนาต่างๆ ล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน แต่ทุกศาสนาต่างก็มีสิ่งที่ละม้ายคล้ายกันอยู่ ผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนามีบทบาททำให้ศาสนิกได้แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ ทำความเข้าใจเรื่องคุณธรรมต่างๆ อย่างละเอียด และพัฒนาการเคารพซึ่งกันและกัน ดังเห็นได้จากการที่รัฐบาลอินโดนีเซีย โดยกระทรวงศาสนา ได้เชิญผู้นำศาสนามาริเริ่มการเสวนาระหว่างกันโดยมีจุดมุ่งหมายสร้างความปรองดองต่อกันระหว่างผู้นับถือศาสนาเดียวกัน ผู้นับถือศาสนาต่างกัน และระหว่างศาสนาต่างๆ กับรัฐบาล สร้างบรรยากาศแห่งการเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง มิตรภาพและความร่วมมือกันจะเกิดขึ้นเมื่อศาสนิกต่างศาสนาต่างก็เอาใจใส่ในการแลกเปลี่ยนความคิดและแรงบันดาลใจซึ่งกัน ดังนี้แล้วความสมานฉันท์จะแสดงออกผ่านการทำงานร่วมกันเพื่อคุณงามความดีที่เป็นสากล “ทุกศาสนาต่างตระหนักมากยิ่งขึ้นแล้วว่า ในความเป็นจริงเราอาศัยอยู่ในโลกที่มีความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งนี่คือความท้าทายใหม่สำหรับทุกคนที่จะเข้าใจว่าความแตกต่างมีความหมายว่าอย่างไร ในอดีตความแตกต่างถูกเข้าใจเพียงว่า จะทำอย่างไรจึงสามารถกำจัดผู้ที่แตกต่างออกไป แต่ในปัจจุบันความแตกต่างสะท้อนออกมาในแนวความคิดเรื่องความหลากหลาย การมีอยู่ของความต่างถูกมองจากสายตาแห่งการร่วมไม้ร่วมมือกัน จากการสรรหาวิธีการเสริมสร้างกันและกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาศัยความเคารพในกันและกันเพื่อบรรลุพันธกิจร่วมกัน สำหรับอินโดนีเซียนั้น ข้อสรุปหนึ่งที่ได้จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องความหลากหลายคือ ก่อนที่การร่วมมือกันจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีการยอมรับเรื่องความหลากหลายที่มีอยู่ร่วมกันเสียก่อน การร่วมมือกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนที่มีภูมิหลังแตกต่างกัน การร่วมมือกันจะช่วยให้พวกเขาสามารถปั้นแต่งโลกให้เป็นสถานที่ซึ่งมนุษย์ผู้เป็นที่รักของพระเป็นเจ้าจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี” บทสรุปจากคุณพ่ออิกญาซิอุส อิสมาร์โตโน เอสเจ
เรียบเรียงจาก บทความของบาทหลวง Ignatius Ismartono พระสงฆ์คณะเยสุอิต ชาวอินโดนีเซีย : ผู้ประสานงานในวิกฤติ และการคืนดีในพื้นที่ความขัดแย้งของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งใช้ประกอบการบรรยายในงานสัมมนาพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส ประจำปี ๒๐๐๕ ของสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ ณ บ้านชุมพาบาล อ. เมือง จ. สุราษฎร์ธานี
|