ของขวัญแห่งชีวิต

เจอบทความดีๆ ก็นำมาฝากไว้ที่บอร์ดนี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นบทความที่ท่านเขียนเอง หรือบทความจากแหล่งอื่นๆ และอย่าลืมให้เครดิตกับบทความที่ท่านนำมาด้วยนะคะ ทางเราจะพิจารณาเพื่อนำลงเว็บไซต์ http://www.jpthai.org อีกทีค่ะ

ของขวัญแห่งชีวิต

โพสต์โดย Thegift » จันทร์ 29 มิ.ย. 2009 3:04 pm

พร้อมหรือยังที่จะเสียสละของขวัญแห่งชีวิต...
บางคนอาจเกิดมากับความโชคดี มีหลายสิ่งที่ล้วนสมบูรณ์อยู่รอบกาย แต่บางคนเลือกที่เกิดไม่ได้ จึงโตขึ้นมาด้วยความยากลำบากและยิ่งอาจรู้สึกแย่มากขึ้นเมื่อต้องเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงต่างๆ สังคมทุกวันนี้ล้วนมีคนหลากหลายประเภทคละเคล้ากันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราเลือกที่จะทำได้คือ การเลือกที่จะทำดี เลือกที่จะเสียสละสิ่งที่เรามีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ข้าพเจ้าเริ่มเข้ามาทำงานให้กับมูลนิธิของขวัญแห่งชีวิต ซึ่งเป็นมูลนิธิฯ ที่มีปณิธานในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเลือดเมื่อห้าปีที่ผ่านมา ช่วงเริ่มต้นของการทำงานข้าพเจ้าไม่ได้ทราบเลยว่างานที่ทำเป็นงานลักษณะอย่างไรรู้อย่างเดียวว่าช่วยผู้ป่วย ที่สำคัญในระยะแรกที่เข้ามาทำงานนั้นเป็นลักษณะของการช่วยงานเป็นอาสาสมัครโดยไม่ได้รับเงินเดือนจึงช่วยตามความสามารถที่จะทำได้ ขณะนั้นไม่ได้เข้าใจถึงความสำคัญของการบริจาคเลือดเลย (แต่ก็เป็นผู้บริจาคเลือดมาก่อนแล้ว) และไม่ทราบด้วยว่าไอ้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดหรือสเต็มเซลล์อยู่ที่ไหน อย่างไร แล้วจะเกิดประโยชน์กับคนอื่นได้อย่างไร
แต่เมื่อได้สัมผัสกับผู้ป่วยโรคทางโลหิตวิทยา เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ธาลัสซีเมีย โรคไขกระดูกฝ่อ และโรคอื่นที่เกี่ยวพันกับเลือด ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึงปณิธานของการก่อตั้งมูลนิธิฯ มากขึ้น ผู้ป่วยและญาติหลายคนที่ได้ผ่านเข้ามาในการทำงานของข้าพเจ้าล้วนทำให้ข้าพเจ้าได้ตระหนักถึงความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่จะมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของคนเหล่านั้นที่เราจะต่อสู้ไปด้วยกันก้าวไปด้วยกันแม้ว่าจะมีความหวังในการหายจากโรคแค่ 1% จึงทำให้ข้าพเจ้าเห็นคุณค่าของ “ชีวิต” มากขึ้น หลายครั้งหลายคราที่ต้องร้องไห้เพราะผู้ป่วยที่เราใกล้ชิดให้ความดูแลเอาใจใส่ทนต่อโรคร้ายไม่ไหวต้องเสียชีวิตไปก่อน ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งเห็นว่าหากเราทำงานช้า เราหยุดพัก เราไม่ได้บอกต่อไปยังคนอื่นๆ ในสังคมนี้ คนไข้เหล่านี้คงมีโอกาสรอดได้น้อยลง น้อยลง...
หากในความมืดยังมีความสว่างอยู่ฉันใด การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งก็ได้รับการพัฒนาให้เจริญขึ้นทันสมัยขึ้นเช่นเดียวกัน ทำให้โอกาสของผู้ป่วยทางโรคเลือดสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการรักษาที่เรียกว่า “การปลูกถ่ายไขกระดูก” แต่ก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่สำคัญที่ผู้ป่วยจะทำการรักษาด้วยวิธีปลูกถ่ายไขกระดูก นั่นก็คือผู้ป่วยต้องได้รับสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่ตรงกับผู้ป่วยจึงจะสามารถรักษาด้วยวิธีการนี้ได้ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายด้วยวิธีการรักษาแบบนี้สูงมาก ทำให้ผู้ป่วยที่ยากไร้หลายคนหมดโอกาสในการรักษาวิธีนี้ ส่วนผู้ป่วยที่มีเงินก็มักจะขาดเซลล์ต้นกำเนิดที่ตรงกัน
แล้วเจ้าสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดนี้มันคืออะไร และมาจากไหนกัน?
ด้วยความกรุณาจากคุณหมอที่น่ารัก (ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย) ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่าเจ้าสเต็มเซลล์คือเซลล์ต้นตอหรือเซลล์บรรพบุรุษที่มีคุณสมบัติเจริญเติบโตไปเป็นเซลล์ลูกหลาน ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดที่จะเจริญเติบโตเป็นเม็ดเลือดได้หลายชนิด และที่สำคัญมันไม่มีวันหมดไปจากร่างกาย เนื่องจากสเต็มเซลล์แบ่งตัวให้กำเนิดตัวเองได้ตลอดเวลา มนุษย์จึงสามารถบริจาคสเต็มเซลล์จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้ โดยไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวเองเลยเหมือนกับการบริจาคเลือดที่เมื่อเราได้ถ่ายเลือดออกไปแล้วเลือดก็มีการสร้างตัวใหม่อยู่ตลอดเวลา จะต่างกันก็ตรงที่เลือดมีวันหมดอายุและร่างกายก็มีแหล่งที่ทำลายเลือดที่หมดอายุ แต่สเต็มเซลล์ไม่มีวันหมดอายุ
แล้วเราจะบริจาคสเต็มเซลล์ได้อย่างไร? เป็นอีกคำถามที่ข้าพเจ้าถูกถามบ่อยๆ จึงขอบอกได้เลยว่าผู้ที่สามารถบริจาคสเต็มเซลล์ได้ก็คือผู้ที่มีคุณสมบัติในการบริจาคเลือดได้ เพียงแต่ขั้นตอนทางเทคนิคต่างกันบ้าง ผู้ที่บริจาคสเต็มเซลล์ในขั้นตอนแรกจะเพียงแค่เก็บตัวอย่างเลือดพร้อมกับการบริจาคเลือดเพียง 20 ซีซีเท่านั้น แล้วทางห้องตรวจ (Lab) จะทำการตรวจว่ามีเนื้อเยื่อตรงกับผู้ป่วยที่รอรับบริจาคหรือไม่แล้วเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล หากเช็คแล้วมีการตรงกันของเนื้อเยื่อ (HLA) ก็จะเชิญผู้ที่แจ้งความจำนงในการบริจาคมาบริจาค ซึ่งทำได้ 2 วิธี (สำหรับผู้ใหญ่) และ 1 วิธีสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และต้องการบริจาค นั่นคือ
1. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ทางหลอดเลือดดำ (วิธี Peripheral blood stem cells collection) เป็นวิธีการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากกระแสเลือด
2. การบริจาคไขกระดูกแบบเจาะจากโพรงไขกระดูก (Bone Marrrow Harvest) เป็นวิธีการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด จากโพรงกระดูกส่วนใหญ่มักใช้บริเวณสะโพกด้านหลัง
3. การบริจาคสเต็มเซลล์จากรก วิธีการนี้ส่วนใหญ่แล้วแพทย์ต้องได้รับอนุญาตจากมารดาก่อนจึงจะสามารถที่จัดเก็บสเต็มเซลล์ได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการ Hanging แล้วเก็บจากสายสะดือที่ถูกตัดเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเมื่อเราได้ทราบขั้นตอนกันขนาดนี้แล้วเรายังจะไม่อยากเพิ่มเครือข่ายคนทำดีในสังคมเพิ่มมากขึ้นหรือค่ะ? คนดีที่มีมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้สังคมของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นนะคะ ข้าพเจ้าจึงอยากเชิญชวนทุกท่านให้ร่วมแบ่งปันของขวัญแห่งชีวิตที่ทุกท่านมีอยู่กันนะคะ ปีนี้เรามาเริ่มต้นที่จะเสียสละกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากเสียสละสิ่งที่ไม่ต้องเสียเงินกันก่อน โดยการบริจาคเลือดและเมื่อเข้าใจเรื่องการบริจาคสเต็มเซลล์ก็ขอเชิญชวนให้บริจาคสเต็มเซลล์กัน หรือแม้คำพูดของเราโดยการบอกต่อไปยังคนที่ท่านรู้จักให้มากขึ้นเพื่อว่าฐานข้อมูลด้านสเต็มเซลล์ที่ยังมีน้อยอยู่จะได้มีเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มช่องทางในการรักษาให้กับผู้ป่วยโรคเลือดกันค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Thegift
Newbie
Newbie
 
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 มิ.ย. 2009 2:44 pm
ที่อยู่/Country: bangkok thailand

ย้อนกลับไปยัง บทความดีๆ น่าอ่าน

ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน

cron